บริหารการเมืองไทยไม่แตกต่างจากการบริหารธุรกิจในระบบทุนนิยม เพราะยิ่งบริหาร ยิ่งลงทุน ก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว
อำนาจ เงินตรา มันยั่วยวน ดึงดูดให้เดินหน้าขยายงานขยายการลงทุน ขยายตำแหน่งและอำนาจไปเรื่อยๆ จนทำให้ละเลยความสุขที่แท้จริง
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นบุคคลหนึ่งที่ผู้คนเฝ้าดู เพราะนับแต่พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
ก็ขยายอำนาจ ขยายตำแหน่ง ขยายการลงทุนทางการเมืองมากขึ้น มากขึ้นทุกที
หลายคนเป็นห่วงพี่ใหญ่วัย 75 ปี อ้วนกลม เดินเหินยากลำบาก จนเกือบจะต้องหามมาเป็นหัวหน้าพรรค และผู้ทรงอิทธิพลของพรรค เป็นป้อมปราการของรัฐสภาและรัฐบาล
ความรู้สึกของนักสังเกตการณ์ที่เฝ้าดู จึงไม่ต่างจากสมัยทักษิณ ชินวัตร ขณะที่เขาอยู่ในอำนาจ ทักษิณสนุกสนานถลำลึกในการลงทุนขยายอิทธิพลทางการเมือง เพื่ออำนาจ และผลประโยชน์
ผมเคยเขียนบทความ “น้าทองรู้ทัน” เมื่อปลายสมัยที่ระบอบทักษิณเรืองอำนาจ จึงขอนำบทความโดยแก้ไขให้สมสมัยนำมาให้อ่านเล่น ดังต่อไปนี้
...
ท้องทะเลอ่าวไทยในช่วงเดือนมิถุนายน งดงามและชวนให้เบิกบานใจ
หลังฝนหยุด อากาศเย็นเริ่มพัดผ่าน ยามเช้ามีหมอกอ่อนๆ เคลื่อนปกคลุมยอดไม้ พื้นดินเปียกชุ่มมีละอองน้ำประพรมอยู่บนยอดหญ้า ร่วงหล่นอยู่ตามกลีบดอกไม้ที่ชูช่อ สีสันสดใสตัดกับพุ่มใบสีเขียวสด
เช้าวันนี้ อาทิตย์ทอดวงขึ้นจากขอบฟ้า โผล่พ้นพื้นน้ำทะเล เคลื่อนผ่านตามวัฏจักรหน้าที่ ดำเนินไปตามกฎของธรรมชาติ
หลังจากใส่บาตรด้วยข้าวสวย และแกงส้มปลาที่จับมาได้เมื่อวาน น้าทองวัย 43 ปี ก็นั่งล้อมวงกินข้าวเช้ากับเมียและลูก แกงส้มปลาที่เหลือจากใส่บาตรและผัดผักที่เก็บจากสวนข้างบ้าน กินกับข้าวสวยอุ่นๆ เพิ่มรสชาติให้อาหารเช้า
เสร็จจากมื้อเช้า ระหว่างเตรียมเครื่องมือจะออกไปตกปลา น้าทองอดนึกภูมิใจไม่ได้ว่า ตั้งแต่หนุ่มจนถึงวัยกลางคน ได้อาศัยอาหารจากทะเลกับผักผลไม้จากสวนบริเวณบ้าน ก็พอจะพึ่งพาตัวเองโดยไม่ได้ทำให้ใคร
เดือดร้อน
ถัดจากกระท่อมของน้าทองไปไม่ถึง 100 เมตร มีบ้านพักตากอากาศของนักธุรกิจการเมืองจากกรุงเทพฯ สร้างขึ้นใหม่มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
แต่จนป่านนี้ น้าทองก็ยังไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาเจ้าของบ้านหลังใหญ่เลยสักครั้ง
วันนี้คุณปราการ นักธุรกิจการเมืองใหญ่วัย 75 ปี เจ้าของบ้านพักตากอากาศ นอนเล่นอยู่บนระเบียงบ้าน รับลมและแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า มือซ้ายถือหนังสือพิมพ์ อ่านข่าวอย่างสบายอารมณ์ ข้างตัวมีโต๊ะวางถ้วยกาแฟควันหอมกรุ่น
น้าทองเดินผ่านบ้านคุณปราการ พร้อมเบ็ดตกปลาคู่ชีพ มีกระชังใส่ปลาพาดสายคล้องไหล่ นักธุรกิจ
การเมืองใหญ่เงยหน้าขึ้นมาเห็นเข้า ตะโกนถามน้าทองว่า
“น้าจะไปหาปลาที่ไหนน่ะ?”
น้าทองหันกลับมามอง ก่อนจะตอบ พลางชี้คันเบ็ดไปที่โขดหินริมทะเลข้างหน้า
“ก็ไปตกปลาแถวๆ โขดหินเวิ้งอ่าวข้างหน้านั่นแหละ”
ว่าแล้วน้าทองก็อมยิ้มเดินต่อ เรียบๆ เรื่อยๆไปตกปลาตามปกติ
2 ชั่วโมงผ่านไป
แดดสายเริ่มแรง น้าทองเดินกลับมาทางเดิม เห็นคุณปราการยังนั่งๆนอนๆ อยู่บนระเบียงบ้านเหมือนเดิม เพียงแต่กางร่มผ้าใบสีขาวสะอาดตาเข้ากับชุดเก้าอี้และมีแก้วน้ำผลไม้สีส้มสดใสวางอยู่บนโต๊ะข้างตัว
คุณปราการตะโกนถาม
“อ้าว! เป็นไงบ้างน้า ได้ปลามากมั้ย?”
“ได้มา 4 ตัว ครับ”
น้าทองตอบพลาง ยกกระชังขึ้นให้คุณปราการเห็น
“ตัวใหญ่มั้ยน้า” คุณปราการถามต่อ
น้าทองตอบ “ก็ตัวขนาดกลางๆ อย่างนี้แหละ”
ว่าพรางเปิดกระชังจับปลา ชูขึ้นมาให้คุณปราการดู
คุณปราการเห็นแล้วก็ถามต่อ “กะจะเอาปลาไปทำอะไรบ้างล่ะ”
น้าทองตอบ “ก็เอาไปใส่บาตรทำบุญตัวนึง เอาไปฝากยายสวยข้างบ้านตัวนึง อีกตัวก็ทำกินมื้อเที่ยงนี้ ที่เหลือก็จะใส่เกลือตากแดด เก็บไว้กินวันหลังที่จับปลาไม่ได้”
คุณปราการถาม “แล้วตอนบ่ายจะทำอะไร?”
น้าทองตอบยิ้มๆ “บ่ายนี้ ก็ไม่ได้ทำอะไร นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ตามร่มไม้บริเวณบ้าน หาอะไรทำก๊อกๆ แก๊กๆ ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หมดไปอีกวัน”
นักธุรกิจการเมืองใหญ่ครุ่นคิดอยู่คู่หนึ่ง ทำสีหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ จึงเอ่ยปากถามน้าทองด้วยประกายตาอย่างผู้กำลังมีไอเดียความคิดเลิศ
“เห็นน้าไปตกปลาตอนเช้า 2 ชั่วโมง ได้ปลามา4 ตัว ทำไมไม่ออกไปตกตอนบ่ายอีกรอบล่ะ ถ้าใช้เวลาตอนบ่ายอีกสัก 4 ชั่วโมง น้าอาจจะได้ปลาเพิ่มอีกสัก8 ตัว ก็ได้นะ”
น้าทองถามด้วยความอยากรู้ “ถ้าได้ปลามาอีก 8 ตัว จะเอาไปทำอะไรครับ?”
นักธุรกิจการเมืองใหญ่ตอบว่า “ก็เอาไปขายสิแล้วถ้าทำอย่างนี้ทุกๆ วัน ก็จะเก็บสะสมเงินได้มากนานวันเข้า รอจนสะสมเงินได้มากพอ น้าก็ซื้อเรือหาปลาสิ ทีนี้ก็ออกหาปลาในทะเลจะได้ปลามากกว่านี้เยอะ”
น้าทองถามต่ออย่างสนใจ “แล้วยังไงต่อไปครับ”
คุณปราการเล่าต่อไปว่า “ได้ปลามากขึ้น ก็ขายได้เงินมากขึ้น ก็ซื้อเรือลำใหญ่ขึ้น คราวนี้ออกไปหาปลาในเขตน้ำลึกเลย จ้างคนงาน จ้างไต้ก๋ง ได้ปลามากๆ ก็ซื้อเรือเพิ่มอีกหลายๆลำ ตั้งโรงงานน้ำแข็งแช่ปลา แล้วหาลู่ทาง
ส่งออกปลาไปขายเมืองนอกสิ”
คุณปราการเห็นน้าทองกำลังตั้งใจฟัง จึงรีบสาธยายต่อ “ขายปลารวยแล้ว น้าก็ลองขยายธุรกิจ เปลี่ยนแนวธุรกิจ ไปธุรกิจอื่นดูบ้าง จะเข้าไปซื้อหุ้น ไปซื้อกิจการ หรือเทคโอเวอร์บริษัทไหนก็เลือกเอาสิ หรือถ้ากลัวคนอื่นจะรู้ ก็ตั้งเป็นบริษัทลูก เป็นโฮลดิ้ง ขยายกิจการให้มันใหญ่โตครอบคลุมทุกวงการเลยก็ได้”
คุณปราการเล่าอย่างมั่นใจ และออกรสชาติ เพราะพูดจากประสบการณ์ที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในธุรกิจการเมืองของตน แอบสังเกตสีหน้าน้าทอง เห็นกำลังตั้งใจคิดตามจึงยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นจิบนิดนึง แล้วพูดต่อ
“ประสบความสำเร็จมากๆ เข้า ถ้าน้าอยากจะเล่นการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องยาก มีเงินซะอย่าง ใครบ้างจะไม่ยกย่องนับถือ จะเข้าหาใคร เมื่อไหร่ก็ได้ จะซื้อพรรคเก่าหรือจะตั้งพรรคใหม่ จะดึงดูดใครมาสนับสนุนก็ทำได้ กระทั่งว่าจะซื้อพรรคเล็กมาควบรวม หรือจะแปลง สส. ให้เป็น “งูเห่า” ฝากไว้ในพรรคอื่น เอาไว้สนับสนุนบารมีก็ยังได้”
น้าทองฟังจบ จึงถามต่อด้วยความอยากรู้ “แล้วคุณปราการทำไปทำไมครับ?”
“อ้าว! เสร็จแล้วก็จะได้มานอนพักผ่อนชายทะเลให้สบายใจ ไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะทำมาแล้วเกือบตลอดชีวิตนี่ไงล่ะ?”
น้าทองยิ้มน้อยๆ ยกมือไหว้ แล้วทำท่าจะเดินต่อไป แต่ก่อนจะออกเดิน ก็อดรำพึงกับตัวเองเบาๆไม่ได้ว่า
“ทุกวันนี้ ผมก็พักผ่อน นั่งๆ นอนๆ อยู่ชายทะเลทุกวันอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องไปวุ่นวายอย่างท่าน”
ไม่มีใครรู้ว่า คุณปราการจะได้ยินคำรำพึงสุดท้ายของน้าทองไหม หรือแม้คุณปราการจะได้ยิน แต่จะเข้าใจและรับรู้มากน้อยแค่ไหน ก็คงจะขึ้นอยู่กับกิเลสตัณหาที่ห่อหุ้มจิตของนักธุรกิจการเมืองพี่ใหญ่ ผู้เป็นป้อมปราการอยู่ในขณะนี้
เส้นทางชีวิตในอดีต คนรอบข้าง และสิ่งแวดล้อมรอบตัว ล้วนช่วยกำหนดกรรมของแต่ละคน แต่ละชีวิต
มีอำนาจแล้ว รวยแล้วไม่โลภ รวยแล้วไม่แสวงหา รวยแล้วไม่สะสม รวยแล้วไม่เอาเปรียบคนอื่น
จริงหรือ!
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี