วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เพื่อลดความเหลื่อมล้ำจากผลกระทบของสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ผันเงินจากชาวบ้านปีละเกือบ ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท มากระจุกตัวเป็นรายได้ของผู้ถูกหวยจำนวนน้อย เป็นรายได้ของรัฐและพ่อค้าแม่ค้าหวย
รัฐบาลควรจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้ซื้อที่ไม่ถูกรางวัลในจำนวน ๑๐% ถึง ๑๒% หรือใบละ ๘ บาท ถึง ๑๐ บาท ให้เป็นเงินออมของผู้ซื้อโดยใส่ในบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)ในชื่อของผู้ซื้อ และจะได้รับเป็นบำเหน็จหรือบำนาญเมื่ออายุ ๖๕ ปี ในการนี้รัฐบาลยังมีรายได้เท่าเดิม หากนำระบบดิจิทัลมาซื้อขายโดยตรงก็จะช่วยระบุชื่อผู้ซื้อสลากฯ และลดการสูญเสียค่าการตลาดที่ไม่มีประสิทธิภาพ
.png)
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
๑. หลังจากที่รัฐบาลประยุทธ์ พยายามแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ขายเกินราคา ด้วยการเพิ่มจำนวนสลากฯ จากงวดละ ๓๗ ล้านฉบับ เป็น ๑๐๐ ล้านฉบับ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมีการขายสลากกินแบ่งฯ ในราคาที่เพิ่มจากใบละ ๘๐ บาท เป็นใบละ ๑๐๐ - ๑๑๐ บาท
๒. สลากกินแบ่งฯ หรือหวยเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย หากคิดแต่เฉพาะหวยของรัฐจำนวนงวดละ ๑๐๐ ล้านฉบับ งวดหนึ่งๆ จะมีวงเงินที่ผู้ซื้อหวยจ่ายประมาณ ๘,๐๐๐ ล้านบาท หรือปีละ ๑๙๒,๐๐๐ ล้านบาท
๓. นำรายได้จากผู้ซื้อหวยมาจ่ายเป็นเงินรางวัล ๖๐% เท่ากับปีละ ๑๑๕,๒๐๐ ล้านบาท ซึ่งรางวัลดังกล่าวกระจุกตัวอยู่กับผู้ถูกรางวัลเพียงไม่กี่คน
จำนวนเงินอีก ๔๐% สำนักงานสลากฯ นำมาจัดสรรแบ่งกันดังนี้
๑) เข้าคลังเป็นรายได้ของรัฐ ๒๓% หรือปีละ ๔๔,๑๖๐ ล้านบาท
๒) เป็นค่าจัดการและการตลาด เป็นรายได้ของพ่อค้าแม่ค้าหวย จำนวน ๑๗% หรือปีละ ๓๒,๖๔๐ ล้านบาท
๔. ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในระบบดิจิทัล ประชาชนสามารถซื้อสลากกินแบ่งฯ โดยตรงกับรัฐบาล (สนง.สลากกินแบ่งฯ) ย่อมประหยัดค่าการตลาดได้ถึง ๑๕% เป็น อย่างน้อย รัฐสามารถนำค่าการตลาดที่ประหยัดได้อย่างน้อย ๑๐% ถึง ๑๒% หรือใบละ ๘ บาท ถึง ๑๐ บาท มาจ่ายคืนเป็นเงินออมของผู้ซื้อสลากฯ โดยใส่ในบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อเป็นบำเหน็จหรือบำนาญชีวิตของผู้ซื้อสลากฯ และจะได้รับเงินคืนพร้อมดอกผล เมื่ออายุ ๖๕ ปีขึ้นไป
ผู้ถูกรางวัลก็ควรจะกันเงินรางวัล จำนวน ๑๐% ของรางวัล เป็นเงินออมในชื่อของผู้ถูกรางวัลโดยใส่ในบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อเป็นบำเหน็จหรือบำนาญชีวิตเช่นกัน
กองทุนการออมแห่งชาติ จะได้นำเงินออมสะสมไปลงทุน และคืนผลตอบแทนการลงทุนพร้อมเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อเป็นบำเหน็จหรือบำนาญเมื่ออายุ ๖๕ ปี
.png)
๕. การซื้อขายสลากฯ ผ่านแอพพลิเคชั่นผู้ซื้อสามารถระบุชื่อผู้ซื้อ พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งรัฐสามารถจ่ายเงินคืน ๑๐% ถึง ๑๒% เป็นเงินออมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้ถูกตัวบุคคล
๖. ผู้ซื้อสามารถเลือกใบสลากฯ ที่ยังไม่มีผู้อื่นซื้อไปแล้ว ได้ตามความชอบใจและโอนจ่ายเงินให้แก่สำนักงานสลากกินแบ่งฯโดยตรง เมื่อถูกรางวัลสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ก็โอนเงินรางวัลให้กับผู้ถูกรางวัลโดยตรงอย่างไม่ผิดตัว
๗. ระบบนี้สามารถตรวจสอบที่จะไม่ให้ผู้ซื้อสลากฯ มีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปีได้
๘. ราคาการซื้อขายสลากกินแบ่งฯ จะคงอยู่ที่ใบละ ๘๐ บาท โดยไม่มีการขายเกินราคา ดังนั้นรัฐบาลสามารถลดปริมาณสลากกินแบ่งฯ ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมอาจเหลือเท่าเดิม คืองวดละ ๓๗ ล้านฉบับ หรือจะลดลงจากเดิมอีกก็ได้ ทั้งนี้จะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลที่มอมเมาประชาชน
๙. รัฐบาลจะได้ข้อมูลและสถิติ เพื่อรวบรวมวิเคราะห์ได้ว่าผู้ซื้อสลากเป็นคนกลุ่มไหน อาชีพและเพศใด อยู่ในสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจระดับไหน กลุ่มคนที่ถูกหวยหรือถูกกินคือใคร ผู้ซื้อหวยเป็นคนเดียวกันกับผู้ที่มาลงทะเบียนเป็นผู้มีรายได้น้อยมากน้อยแค่ไหน
ความรู้ทางวิชาการดังกล่าว จะทำให้เราพัฒนาแก้ไขผลกระทบของการออกสลากกินแบ่งฯในอนาคตได้
๑๐. ผู้พิการทางสายตาที่เคยได้ประโยชน์จากการจัดสรรโควตาและมีบางส่วนนำไปขายให้กับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว รัฐควรจะต้องดูแลโดยตรง เพราะที่ผ่านมาผู้พิการทางสายตาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาต้องการมีเงินรายได้ ไม่ได้ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเร่ขายการพนัน
ส่วนพ่อค้าแม่ขาย ก็อาจได้รายได้จากการมีแอพพลิเคชั่นขายสลากกินแบ่งฯ โดยเร่ขายกับผู้ซื้อที่ไม่คุ้นเคยกับการซื้อตรงด้วยแอพพลิเคชั่น
ความหวังของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลประยุทธ์
เชื่อได้ว่า รัฐบาลจะหยุดยั้งความคิดที่จะออกหวยออนไลน์ประเภท ๒ ตัว ๓ ตัว LOTTO น้ำเต้า ปู ปลา ซึ่งทำรายได้ให้รัฐบาลจากการขายสิ่งมอมเมาประเภทใหม่ที่ยั่วยุประชาชน
.jpg)
โดยพื้นฐานความเป็นคนดีของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลอีกหลายคน ที่เข้าใจถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย และเข้าใจดีว่าสังคมไทยกำลังเป็นสังคมสูงวัยที่อนาคตจะมีผู้สูงอายุจำนวนมากมหาศาล รัฐต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีเงินออม ไว้ใช้ในยามชรา
แต่เมื่อไม่สามารถจะยกเลิกสลากกินแบ่งฯ ในเวลานี้ได้ ก็พัฒนาดัดแปลงระบบการซื้อขายสลากด้วยเทคโนโลยีใหม่ เพื่อประหยัดค่าการตลาด นำมาจ่ายคืนเป็นเงินออมใส่ในบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ระบบดังกล่าวจะได้เป็นการเชื้อชวนแนะนำให้ประชาชนรู้จักการออมโดยผ่านกองทุนการออมแห่งชาติเพื่อช่วยตัวของเขาเองในอนาคต
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี