ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ “การประชุมร่วมของรัฐสภาสมัยวิสามัญ (โดยไม่มีการลงมติ)” ระหว่างวันที่ 26-27 ต.ค. 2563 ที่ผ่านมา โดยในตอนท้ายก่อนจะปิดประชุม ช่วงค่ำวันที่ 27 ต.ค. 2563 มีวิวาทะเล็กๆระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่แสดงความเป็นห่วงเรื่อง “ผลกระทบจากสื่อออนไลน์”โดยในตอนหนึ่งได้เอ่ยคำว่า “ผู้หญิง” ขึ้นมา ดังนี้
“วันนี้ท่านก็เห็นอยู่แล้ว สังคมมีปัญหา ผู้หญิงก็มีปัญหา ในโทรศัพท์ก็ขึ้นมาเป็นชั่วโมงในสิ่งที่ไม่ควรจะแพร่ออกมา ไม่ว่าจะชวนเที่ยว ไม่ว่าจะนัดแนะ ไม่ว่าจะขายหวย บอกหวย นี่หรือครับสิ่งที่บอกว่าจะสร้างสังคมไทยให้เข้มแข็งอย่างที่ท่านว่า ท่านเคยไหมที่จะให้ประชาชนลดการซื้อสลากกินรวบ ผมไม่เคยได้ยิน แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้เงินต่างๆ ที่เขามีอยู่แล้ว น้อยอยู่แล้ว มันยิ่งน้อยใหญ่ ผมคิดว่าเราก็ต้องสร้างหลักคิดตรงนี้ไว้บ้าง แต่ก็สุดแล้วแต่ใครจะนำไปปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากคำพูดข้างต้น ทำให้ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยกมือขึ้นประท้วงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถอนคำพูด เพราะคนเป็นนายกฯไม่ควรเลือกปฏิบัติ (Discriminate) กับเพศใดเพศหนึ่งซึ่งแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยอมถอนคำว่าผู้หญิงออกแต่ก็ขอชี้แจงว่าคำพูดดังกล่าวหมายถึงผู้หญิงก็มีโอกาสตกเป็นเหยื่อ เช่น ถูกทำให้เป็นสินค้า ดังนั้นก็ต้องดูแลคนกลุ่มนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจคือ “คนไทยกับการเล่นหวย” ดังที่ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความเป็นห่วงเรื่องการเล่น “สลากกินรวบ” ซึ่งก็หมายถึง“หวยใต้ดิน” ที่แม้จะเป็นกิจกรรมที่ไม่ถูกกฎหมายแต่ก็เล่นกันทั่วไปทุกหย่อมหญ้าในสังคมไทย โดยเลขที่ออกนั้นจะอิงกับการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล(ลอตเตอรี่) ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน ในหมวดเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัว
ซึ่งคงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า “หวย (ทั้งใต้ดินและลอตเตอรี่) คือความหวังในชีวิตของคนไทย”ย้อนไปเมื่อเดือนต.ค. 2561 มีการจัดบรรยาย “พฤติกรรมการเงินแบบไทยๆ จากมุมมองเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมที่ทั้งสนุกและได้สาระ” ที่ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยวิทยากรคือ ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในตอนหนึ่งได้กล่าวถึงการสำรวจความคิดเห็นของคนไทยเกี่ยวกับพฤติกรรมการเล่นหวยไว้ดังนี้..
“ถามต่อไปอีกว่า ถ้าเราบอกว่าเงินทองเปลี่ยนประเทศได้ แล้วจะร่ำรวยได้อย่างไรในประเทศนี้ คำตอบคือ 76% บอกว่าต้องมีครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อรวย เกิดมารวย 11% ตอบว่าต้องถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 แล้วจำนวนหนึ่งบอกว่าต้องถูกติดกันหลายๆ รอบด้วยอีก 8% บอกว่าทำงานหนัก ขยันอดออม อีก 5% บอกว่ากตัญญูทำความดีทำบุญ นี่คือคำตอบของคนที่ตอบมาว่าทำอย่างไรถึงจะรวยได้”
“ผมเคยวิจารณ์งานของศูนย์การพนันที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมบอกว่ามันทำหน้าที่หลายอย่าง อันแรกคือความหวังที่จะเลื่อนชนชั้นโดยที่ไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงกับชีวิตตัวเอง อันที่ 2 คือ ถ้าคุณเป็นคนจน ความบันเทิงในชีวิตมีอะไรบ้าง ถ้ามีเงินก็ไปดูหนัง เพ้อฝันมีความสุขสนุกไป แต่เวลาซื้อหวย ซื้อวันที่ 5 ออกวันที่ 16 ใบละ 80 บาท ฝันว่าถูกรางวัลที่ 1 ฝันว่าจะเอาไปทำอะไรดี ฝันไป 10 วัน วันละ 8 บาท ถูกกว่าดูหนังอีก คุ้มค่าแล้ว ไม่ถูกก็คุ้มค่าแล้วเวลาที่ผ่านมา”
นอกจากคำกล่าวของ อ.ธานี ข้างต้นนี้แล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2563 มีการจัดเสวนา “พนันออฟไลน์สู่ออนไลน์ ภัยร้ายแรงงานไทย” ที่ รร.เอเชีย ย่านราชเทวี กรุงเทพฯ โดย วงศ์จันทร์ จันทร์ยิ้ม ตัวแทนมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล หนึ่งในองค์กรที่ร่วมจัดเสวนาดังกล่าว รับหน้าที่เปิดเผยผลสำรวจสถานการณ์การเล่นพนันออฟไลน์และพนันออนไลน์ในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน
โดยในส่วนของการพนันออฟไลน์ หรือการพนันแบบดั้งเดิมที่ไม่ได้เล่นผ่านอินเตอร์เนต สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 5,757 คน ในสถานประกอบการย่านปริมณฑล 12 แห่ง ระหว่างเดือนก.ค.-ส.ค. 2562 ซึ่งรายได้เฉลี่ยของแรงงานกลุ่มนี้อยู่ที่ 1-2หมื่นบาท/เดือน และรายจ่ายมีจำนวนใกล้เคียงกับรายได้ขณะที่ระดับการศึกษาส่วนใหญ่ ร้อยละ 51.33อยู่ในระดับมัธยมศึกษา รองลงมา ร้อยละ 30.9 ระดับ ปวช./ปวส. และอันดับ 3 ร้อยละ 8.53 ระดับปริญญาตรีดังนั้นคงไม่ผิดนักหากจะให้นิยามคนกลุ่มนี้ว่าเป็นคนระดับฐานราก
ข้อค้นพบบางประการที่น่าสนใจ 1.ผู้ใช้แรงงานจำนวนมากมองว่า “สลากกินแบ่งรัฐบาล” ไม่ใช่การพนัน หรือไม่แน่ใจว่าเป็นการพนันหรือไม่ โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 28.59 ระบุว่าไม่ใช่การพนัน และร้อยละ 20.64 ระบุว่าไม่แน่ใจว่าเป็นการพนันหรือไม่เช่นเดียวกับ “สลากออมสิน-สลากการกุศล” กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 35.4 ระบุว่าไม่ใช่การพนัน และร้อยละ 20.48 ระบุว่าไม่แน่ใจว่าเป็นการพนันหรือไม่ ซึ่งจะต่างจากหวยใต้ดิน ที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 88 ระบุว่าเป็นการพนัน
2.หวยคือการพนันยอดนิยม โดยจากกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 86.96 ที่ระบุว่าเล่นการพนัน พบว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลมาเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 36.16 รองลงมาคือหวยใต้ดิน ร้อยละ 35.02 ซึ่งก็สอดคล้องความถี่ในการเล่นพนัน ที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 61.21 ระบุว่า เดือนละ 1-2 ครั้ง หรือก็คือการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล (และหวยใต้ดินที่อิงเลขท้าย 2 ตัว-3 ตัวของสลากกินแบ่งฯ) ที่ออกเดือนละ 2 งวด
และ 3.กลุ่มตัวอย่างที่เล่นพนันหวังว่าเล่นแล้วชีวิตจะดีขึ้น โดยระบุสาเหตุ อันดับ 1 ร้อยละ 24.31 อยากรวย และอันดับ 2 ร้อยละ 14.85 อยากปลดหนี้ซึ่งในประเด็นการตัดสินใจเล่นพนันกับความหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ให้ความเห็นว่า “คนไทยยังขาดความรอบรู้ทางการเงิน (Financial Literacy)” หมายถึงการวางแผนและการบริหารจัดการเงิน
“เรื่องทักษะการจัดการชีวิตผมว่าคนไทยอ่อน เรามักจะได้เงินมาแล้วก็ทำอะไรกับมันไม่เป็น ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร การเสริมเรื่องทักษะการจัดการทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญ” ธนากร ฝากข้อคิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี