“หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไปตรงมา” ด้วยข้อมูลความเป็นจริงทั้งเศรษฐกิจ การเมือง บันเทิง สังคมฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” เริ่มสารตั้งต้นใน “บุคคลแนวหน้า” ด้วยโครงการดีๆของ “รัฐบาลทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่เกื้อหนุนจุนเจือกระดูกสันหลังของชาติให้ลืมตาอ้าปากได้ไม่มากก็น้อย จัด “โครงการตลาดนัดข้าวเปลือกนาปี” ซึ่งโครงการนี้เป็นกิจกรรมคู่ขนานกับมาตรการประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาล เป็นการเพิ่มทางเลือกในการจำหน่ายผลผลิตข้าวเปลือกของเกษตรกรในตลาดที่มีผู้ซื้อมากราย เพื่อให้เกิดการแข่งขัน โดยกิจกรรมนี้ที่เพชรบูรณ์กำหนดจัดกิจกรรมโครงการนี้ในช่วงที่ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาดจำนวน 4 ครั้ง ซึ่งได้รับความสนใจจากประดาเกษตรกรอย่างคึกคัก และส่งผลให้ราคาจำหน่ายในตลาดโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น เรื่องดีๆ แบบนี้มีเนื้อที่ก็ต้องประชาสัมพันธ์ชื่นชมกันหน่อย ..
.nn เรื่องดีๆ ทางเศรษฐกิจอีกประเด็นนั่นก็เรื่องราวกระทรวงพาณิชย์เช่นกัน “พิมพ์ชนกวอนขอพร” ผู้อำนวยการสนค. เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกเดือนตุลาคมอยู่ที่ 19,276.68 ล้านยูเอสดีหดตัวลง 6.71% แต่มีสัญญาณที่ดีขึ้น คาดว่าตัวเลขนำเข้าจะอยู่ที่ประมาณ 17,330.15 ล้านยูเอสดี ทำให้การค้าเกินดุล 2,046.53 ล้านเหรียญสหรัฐ น่าจับตามองกลุ่มอาหาร-อุตสาหกรรมเป็นดาวรุ่ง..
.nn เขียนเรื่องหน้าที่ “ผู้ว่าการแบงก์ชาติ - เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” กับ “ขุนคลัง – อาคมเต็มวิทยาไพสิฐ” ต้องเร่งโชว์กึ๋นโชว์ความสามารถทำค่าบาทอ่อนลง 10% หากหวังกระตุ้น GDP ให้โตขึ้น 5% ทำอย่างไรไปคิดมาอย่าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาและรูทวารทั้ง 7 นักธุรกิจไทยที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เขาเสียผลประโยชน์ ..
.nn แนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนค่าลงซื้อขายอยู่ในกรอบ 31.22-31.44 บาทต่อ 1 ยูเอสดี ขณะที่ “ธนาคารกลางยุโรปหรืออีบีซี” ประกาศคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุด -0.5% ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดยค่าเงินยูโรล่าสุดอยู่ที่ระดับ 36.3396 บาทต่อ 1 ยูโร หรืออ่อนค่าลง .0492 บาทต่อยูโร...
nn ประเด็นที่ต้องไม่ลืมอย่างยิ่งก็คือขณะนี้ดุลการค้าเกินดุลอยู่ราว1 แสนล้านบาทต่อเดือน แบงก์ชาติสมควรออกมาประกัน เงิน “ยูเอสดี” ออกพันธบัตรเพิ่มขึ้น 10% หรือราว 10,000 ล้านบาทต่อเดือน เท่ากับ 1.2 แสนล้านบาทต่อปี เทียบกับ Money Supply ซึ่งมีอยู่ประมาณ 2.45 ล้านล้านบาท ทำให้เงินหมุนเวียนมีมากขึ้นประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี มีเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี จะมีผลทำให้ค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อการอยู่ดีกินดีของประชาชน นี่แหละภารกิจแบงก์ชาติและ “อาคม แซ่จึง”ขุนคลังทีมทหารแก่.
..nn นอกจากนี้รัฐบาลควรผ่อนผันการเข้ามาทำธุรกิจและท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศภายใต้มาตรการควบคุมการดูแล “โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19” อย่างเข้มงวด ในด้านนโยบายการเงินแบงก์ชาติควรสั่งพักการชำระดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการและคนยากจนที่ได้รับผลกระทบจาก “วิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19” รัฐบาลอาจชดใช้ดอกเบี้ยให้ธนาคารพาณิชย์เท่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ประมาณ 0.1%-0.4% ต่อปี เพื่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเงินและการคลังของประเทศทำให้ทุกคนสามารถฟื้นกลับมาประกอบอาชีพได้ตามปกติ.
..nn ไม่เคยมีใครอบรมสั่งสอนหรืออย่างไร จึงเพ้อเจ้อตีความไปว่า “ถอยคนละก้าว” ของ “ทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยอมให้ทำผิดกฎหมายได้ พูดเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน เนี่ย!! น่ะรึ “คนรุ่นใหม่ที่จะสร้างสังคมสวยงามในอนาคต”...
nn กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา”ในที่สุด “รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ลูกแม่โดมจากชมรมธรรมศาสตร์และการชุมนุม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” ก็โดน “ศิลปินคนจริง ดี้-นิติพงษ์ห่อนาค” ยื่นแจ้งความดำเนินคดีต่อ “เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามผู้กระทำความผิดทางเทคโนโลยี” ฐานพิมพ์ข้อความจาบจ้วงล่วงละเมิดอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากนี้คงมีติดตามมาอีกเรื่อยๆ ตามความหยาบช้าต่ำทราม.
..nn เห็นกลุ่มมนุษย์แบกแอกแทนเดรัจฉานประกาศกันว่า 25 ธ.ค.นี้ จะจัดกิจกรรมนัดชุมนุมม็อบคณะราษฎรอีกครั้งเป้าประสงค์จะไปบุกสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถึงนาทีนี้ “ไม้หน้าสาม” ไม่ใช่ “ปีศาจคราบสื่อ” จึงเตือนสติเหล่าผู้กล้าที่จะมาร่วมชุมนุมทั้งหลายว่า สถานการณ์เริ่มไม่เป็นใจ หมอกและควันเริ่มจางความฮึกเหิมลด “มายาคติ” ที่คิดจะกดดันให้สมาชิกรัฐสภารับร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่รับเงินต่างชาติมาเคลื่อนไหวดำเนินการก็จบสิ้นล้มเหลวไม่เป็นท่า จะเดินกันต่อก็คิดให้หนักว่าจะดำเนินการอย่างไร เสียงปราศรัยบวกพฤติกรรมหยาบคายต่ำทรามที่กระทำในหลายพื้นที่ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จนก่อให้เกิดความเคียดแค้นไปทั่วนั้นอาจจะส่งผลสะท้อนกลับคืนมาอย่างคาดไม่ถึงก็เป็นได้ แกนนำหลายคน ชังชาติหลายตัวที่เคยแอบหลบอยู่เบื้องหลังก็ค่อยๆ แอบถอนตัวไปอย่างไม่สนใจมวลชนที่ถูกชักนำให้ออกมา กำลังมวลชนเองก็ค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ จนเป็นม็อบมะโนสาเร่มุ้งมิ้งไปทุกที นึกถึงสำนวนไทยไว้ก่อนดีไหม “รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง” อย่าเป็นเหยื่อล่อของนักการเมืองอีกเลย..
.nn ก่อนปิดท้ายมีเรื่องต้องเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งตรวจสอบบัญชี “จอน อึ๊งภากรณ์” และคณะผู้ก่อตั้ง “ไอลอว์” ว่ามีเส้นทางการเงินเป็นมาอย่างไรโดยละเอียดหลังจากยอมรับว่ารับเงินองค์กรต่างชาติมาจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวในหลายโปรเจกท์เยี่ยงนั้น รู้กันให้กระจ่างถึงระดับ “ขายชาติ” หรือไม่อย่างไร รวมถึง“ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม” สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายในที่ประชุมรัฐสภาว่า ครั้งหนึ่งเคยรับเงิน “องค์กรต่างประเทศสัญชาติเยอรมัน” มาจัดกิจกรรมในประเทศว่า ปัจจุบันยังรับอยู่หรือไม่อย่างไร มี “กลเกม”พลิกแพลงตบตากฎหมายหรือไม่ ...
nn ปิดท้ายฉบับนี้ ชื่นชม “บิ๊กบี้ – พลเอกณรงค์พันธ์จิตต์แก้วแท้” ผู้บัญชาการทหารบก ผู้กล้าคณะเรา อยู่ที่ใดชัยต้องมี ประกาศกร้าวให้ค่ายทหารทุกแห่ง เปิดให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเข้าใช้พื้นที่ในค่ายทหารทุกแห่งใช้เป็นที่ตากข้าวเปลือกที่เร่งเก็บเกี่ยวภายหลังประสบวิกฤติน้ำท่วมเพื่อให้ได้ความชื้นตามต้องการของตลาด ซึ่งจะทำให้ผลผลิตข้าวเปลือกขายได้ราคา ยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกร ทำให้เศรษฐกิจชุมชนดีขึ้นส่งผลถึงภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ คนทำดีก็ต้องชื่นชม
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี