เต็มไปด้วยสาระและข้อเท็จจริง คือ หนังสือพิมพ์แนวหน้า ทุกบรรทัด ตรงไป ตรงมา...nn การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่วันที่19 ธันวาคมที่ผ่านมา จนถึงเวลานี้มีแนวโน้มว่า ถ้าไม่ตั้งการ์ดสูงและนานอย่างที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ว่าเอาไว้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันอาจจะทะลุไปถึงเลข 4 หลัก ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก...
nn กระนั้นก็ตามภาพรวมทางเศรษฐกิจ ทาง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ยืนยันว่าเม็ดเงินที่รัฐบาลจัดสรรไว้เพื่อรับมือกับโควิด-19 ในปีงบประมาณ 2564 ราว 7.4 แสนล้านบาท ยังเพียงพอรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ...
nn และยังได้ให้คำมั่นว่า รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมการแพร่ระบาดเพื่อให้กินระยะเวลาน้อยที่สุด และออกมาตรการเพื่อจำกัดพื้นที่การแพร่ระบาดมากที่สุด โดยอยากให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์...
nn และยืนยันว่ารัฐบาลยังมีเงินจาก พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน) เหลืออยู่ซึ่งเพียงพอจะดูแลสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และเศรษฐกิจในประเทศได้...
nn ฝ่าย กฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ประเมินว่า หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุดจนต้องมีการล็อกดาวน์ และคลังต้องออกมาตรการเยียวยาประชาชน รอบ 2 นั้น กระทรวงการคลัง มีเงินเพียงพอที่จะเข้ามาบริหารจัดการ และดูแลเศรษฐกิจต่อไปได้ โดยปีงบประมาณ2564 รัฐบาลมีงบประมาณรายจ่าย 3.28 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นงบฯลงทุน 6 แสนล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังมีเม็ดเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้1 ล้านล้านบาท ซึ่งเหลืออยู่กว่า 6 แสนล้านบาท...
nn และปลัดฯคลัง ยังชี้แจงให้ประชาชนสบายใจว่า ขณะที่ฐานะการคลัง ช่วงต้นปีงบประมาณ 2564 ก็มีเงินคงคลังถึงกว่า 5.7 แสนล้านบาท ซึ่งในปีนี้สามารถกู้ชดเชยขาดดุล ตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีได้กว่า 7 แสนล้านบาท...
nnผมอยากให้มั่นใจเรื่องความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ซึ่งไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่มีทุนสำรองระหว่างประเทศมากเท่าช่วงนี้ ซึ่งมีอยู่กว่า 2.55 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราวๆ 7.6 ล้านล้านบาท) และยังมีช่องต่างๆ ให้สามารถดำเนินการได้ ภายใต้เกณฑ์วินัยการเงินการคลัง...
nn ด้าน กุลยา ตันติเตมิทโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า กระทรวงการคลังมองโอกาสและความท้าทายเศรษฐกิจไทยปี 2564 โอกาสมองถึงเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้าสำคัญที่กำลังฟื้นตัว เนื่องจาก ระยะหลังแม้การติดเชื้อจะสูงขึ้นในหลายประเทศทั้งสหรัฐและยุโรป แต่ล็อกดาวน์ไม่ได้เข้มข้นเช่นเดิมดังนั้น หลายประเทศจึงผ่อนคลายมาตรการทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ดังนั้น ถือเป็นโอกาสทองในการส่งออกสินค้าและบริการของไทย...
nnและทางโฆษกฯ ก.คลัง ยังระบุด้วยว่า ส่วนในอนาคตมีโจทย์สำคัญ คือ โลกยุคหลังโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และยั่งยืนตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติถือเป็นความท้าทายมาก และการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคระยะต่อไปมีประเด็นต้องพิจารณา เช่น การป้องกันการระบาดระลอกใหม่ การพัฒนาวัคซีนให้กระจายทั่วถึง การดูแลภาคเศรษฐกิจที่มีข้อจำกัดการฟื้นตัว...
nn โดยเฉพาะท่องเที่ยวขับเคลื่อนการใช้จ่ายภาครัฐ ขับเคลื่อนส่งออกสินค้า ลดความเหลื่อมล้ำเตรียมพร้อมรับสังคมสูงวัย ดังนั้น รัฐบาลจึงจะต้องดำเนินนโยบายการคลัง เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง...
nn ในส่วนของ ดอนนาครทรรพ ผอ.อาวุโส ฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า การกลับมาระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในหลายประเทศรวมถึงไทย ชี้ชัดว่าศึกคราวนี้ยังไม่จบง่ายๆ ดังนั้น การประคับประคองเศรษฐกิจในปี 2564 จึงมีความสำคัญมาก ขณะเดียวกัน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมแรงร่วมใจกันเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เพื่อยกศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจในโลกหลังโควิด-19 เพื่ออนาคตของลูกหลานเราด้วย...
nn ส่วนมุมมองของภาคเอกชน เช่น สุภาพร ลีนะบรรจง รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัดกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะยังคงอยู่ในภาวะหดตัวเนื่องจากการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย...
nn แต่เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้นในไตรมาสที่สอง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นหลังจากการเข้าถึงวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นวงกว้างมากขึ้น...
nn ด้าน มิ่งขวัญ ทองพฤกษา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ระบุว่า คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะใช้เวลาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ ในปี 2565-2566 แต่ถ้าโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง ซึ่งอาจจะไปตอกย้ำผลกระทบด้านลบกับธุรกิจในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว และการบิน ทั้งยังอาจส่งผลต่อเนื่องไปยังการจ้างงานและการบริโภคในประเทศด้วย...
nn “มือปราบ” เห็นว่า มาตรการที่ควบคุมไวรัส ในระยะนี้ยังถือหลัก ชีวิตประชาชนต้องมาก่อน เพราะถือว่า การดูแลตัวเอง สำคัญกว่าการ หวังน้ำบ่อหน้า คือ วัคซีน ซึ่งยังคาดคะเนไม่ได้ว่า จะมาให้ประชาชนใช้เมื่อไหร่...
nn อย่างไรก็ตาม ทุกมาตรการจะต้องมีผู้ได้รับผลกระทบในทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว ดังนั้น รัฐบาลจะต้องใช้ความรอบคอบในการดำเนินนโยบาย โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชน ควบคู่กับการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่แล้วเช่นกัน ขอให้กำลังใจครับ...nn สวัสดีครับ
มือปราบ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี