วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
รายได้หลักอย่างหนึ่งของประเทศไทยมาจากการท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตัวเลขรายได้เมื่อปี 2562 พบว่ามีรายได้รวม 3.06 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 3 จากปี 2561 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่น้อยกว่าปีก่อนหน้านั้น เนื่องจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติลดจำนวนลง
อย่างไรก็ตาม รายได้จากการท่องเที่ยวของไทย เมื่อเปรียบเทียบรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อ GDP ของไทยตั้งแต่ปี 2549เปรียบเทียบกับปี 2562 จะเห็นชัดเจนว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 1 เท่าตัว คือจากร้อยละ 5.7เพิ่มเป็น 11.5 (แต่แหล่งรายได้หลักตัวนี้มาจากนักท่องเที่ยวจีนอย่างมีนัยสำคัญ) เมื่อมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากมายมหาศาลโดยง่ายดายเช่นนี้ รัฐบาลไทยก็จึงทุ่มเทสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างบ้าคลั่งเพราะเห็นว่าได้เงินง่ายที่สุด และยังเห็นว่ารายได้ส่วนนี้ช่วยชดเชยการลดลงของรายได้จากการส่งออกของประเทศเนื่องจากศักยภาพการแข่งขันของไทยลดลงเมื่อเทียบกับนานาชาติ
แต่แล้วเมื่อโลกทั้งโลกต้องประสบกับหายนะภัยของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562จนถึงปัจจุบัน การเดินทางท่องเที่ยวของมนุษย์ก็ต้องหยุดชะงักลงโดยพลัน เพราะถ้าหากยังมีการเดินทางท่องเที่ยวมากมายเหมือนเดิม ก็หมายความว่าจะยิ่งเพิ่มโอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อมรณะตัวนี้ให้มากยิ่งขึ้น แล้วอัตราการล้มตายของมนุษย์ก็อาจจะมากกว่าที่เป็นอยู่ (ล่าสุดตัวเลขผู้เสียชีวิตจากทั่วโลกเพราะเชื้อโควิด-19 คือ 2,827,435 คนจำนวนผู้ติดเชื้อนี้ ประมาณ 130 ล้านคน รักษาหายแล้วประมาณ 104 ล้านคน)
เมื่อโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนักหน่วงทั่วโลก ประเทศไทยก็จำเป็นต้องปิดกั้นมิให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้โดยสะดวกง่ายดายเหมือนเช่นเคย เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีที่สุด เมื่อเป็นเช่นนั้นก็หมายถึงไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยอีกต่อไป แล้วยิ่งในปัจจุบันแนวโน้มการแพร่ระบาดโควิด-19 ก็ยังไม่เบาบางลงดังนั้นก็เป็นที่แน่นอนว่าเมืองไทยก็ยังจะไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวโดยเสรี เพราะฉะนั้นจากที่เคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไหลทะลักเข้ามาในไทยถึงปีละประมาณ 40 ล้านคน ก็จะลดเหลือเพียง 6-8 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งก็หมายความว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
เมื่อประเทศไทยพึ่งพาอาศัยรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมานานประมาณ 3 ทศวรรษโดยไม่พยายามพัฒนาแหล่งรายได้อื่นๆ จึงเท่ากับเศรษฐกิจไทยต้องอาศัยรายได้จากการท่องเที่ยวจากต่างชาติเป็นหลัก เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป เศรษฐกิจไทยก็จึงเสมือนดิ่งเหวไปโดยทันที ส่วนภาคธุรกิจในประเทศที่ต้องรอกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ประสบกับหายนะโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เช่น สายการบิน โรงแรม โรงพยาบาลที่เน้นลูกค้าต่างชาติ ส่วนธุรกิจบริการอื่นๆ เช่น สปา มัคคุเทศก์ รถเช่า ของที่ระลึก ก็ประสบหายนะไปพร้อมๆ กัน
ผู้เขียนเคยพูดมานานอย่างน้อย 4-5 ปีแล้วว่า ถ้าหากประเทศไทยยังต้องพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อไปเรื่อยๆรับรองว่าเศรษฐกิจไทยจะประสบหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากเกิดพิบัติภัยร้ายแรงอย่างใดอย่างหนึ่งกับโลกใบนี้ เช่นสงครามระหว่างประเทศขนาดใหญ่ที่ยืดเยื้อยาวนาน หรือเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ ไม่ปกติภายในประเทศไทย หรือไทยถูก boycott จากประเทศใดประเทศหนึ่งที่ส่งนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาเที่ยว ขอสารภาพว่าผู้เขียนไม่เคยคาดคิดเรื่องโรคติดต่อร้ายแรงใดๆ มาก่อน เพราะหลงคิดเอาเองว่าวิวัฒนาการทางการแพทย์ของโลก ดีจนไม่ต้องกลัวโรคภัยไข้เจ็บใดๆ อีกต่อไปแล้ว แต่เมื่อเกิดโรคโควิด-19 ขึ้นมา ก็จึงประจักษ์ว่าโรคร้ายไม่เคยหมดไปจากโลกใบนี้ ส่วนรัฐบาลไทยนั้น ถ้าหากยังเฝ้ารอเงินง่ายๆ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อไป โดยไม่มีปัญญาหารายได้ที่ยั่งยืนจากภาค Real Sectors ก็จงอย่าหวังเลยว่าจะทำให้คนไทยก้าวข้ามกับดักความยากจนแบบเช่นทุกวันนี้ไปได้

ดร เอ้ นำทีม ไทยก้าวใหม่ สมัคร สส บัญชีรายชื่อ ชูนโยบายศึกษา รร ปลอดภัย เรียนฟรี ปลดหนี้กยศ.
อยากได้เบอร์ที่คนจำได้ อ้อนขอประชาชนเทคะแนนหนุน ปชป ได้เป็นรัฐบาล
จตุพร ลั่น มือที่ใช้จับเบอร์ในวันนี้ คือมือที่จะเข้าไปทำงานช่วยประชาชน
วันนอร์ ย้ำ ยึดมั่นอุดมการณ์ พรรคเล็ก พรรคใหญ่ ไม่สำคัญ
'พิพัฒน์'ปลุกชาวใต้เลิกเป็นลูกคนข้างบ้าน! ขอกา'ภูมิใจไทย' ฟื้นความเจริญที่ถูกลืม40ปี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี