คนไทยจำนวนมากกว่าค่อนประเทศมีปัญหาเรื่องเงินออม คือไม่มีเงินเก็บเงินออมนั่นเอง แถมคนไทยจำนวนไม่น้อยยังมีนิสัยชอบใช้จ่ายเกินตัว ชอบสร้างหนี้สินจนท่วมหัวท่วมหู แล้วยังชอบหยิบยืมเงินของคนอื่นมาใช้ และจำนวนไม่น้อย ยืมเงินคนอื่นแล้วก็ไม่ยอมใช้คืน คนจำพวกเช่นนี้มีให้เห็นกลาดเกลื่อนบนแผ่นดินไทย
บางคนชอบกู้เงินชาวบ้านไปซื้อรถหรูมาขับ เพื่อแสดงความมีหน้ามีตา แต่กลับไม่มี
บ้านเป็นของตนเอง บางคนก็นำเงินอนาคตไปใช้เพื่อแต่งตัวหรูหราเกินฐานะ และชอบทำศัลยกรรมต่างๆ จนทั่วทั้งร่าง เช่น ทำหน้า ตัดกราม ทำจมูก กรีดตาสองชั้น ทำหน้าอก ทำก้น แล้วก็อีกสารพัดจะประดิษฐ์ เพราะคิดเอาเองว่าตนจะสวยจะงาม จะหล่อเหลามากกว่าเดิมแต่ลืมคิดไปว่า มันเป็นความงามแบบปั้นแต่งจากการนำเงินในอนาคตออกมาถลุง โดยไม่สนใจว่าอนาคตจะมีปัญญาใช้เงินกู้คืนเจ้าของหรือไม่
ข้าราชการไทยจำนวนไม่น้อย แม้บางคนจะเป็นครูบาอาจารย์ เป็นตำรวจ ทหาร ก็ไม่คิดเก็บคิดออม ดีแต่ตั้งหน้าตั้งตากู้สารพัดชนิดจนหนี้ท่วมหัว คนชอบกู้จะอ้างเหมือนๆ กันว่า กู้ตามสิทธิ์ มีสิทธิ์ก็ต้องกู้ แต่กู้แล้วไม่คิดว่ามีปัญญาใช้หนี้คืนได้หมดสิ้นหรือไม่ ครั้นเมื่อเป็นหนี้มากๆ จนดอกเบี้ยท่วมเงินต้น
มีกลุ่มคนที่อุตส่าห์ได้ทำอาชีพสอนหนังสือให้ความรู้คนอื่น แต่ชอบก่อหนี้ไว้จนท่วมหัว แล้วสุดท้ายก็ออกมาร้องแรกแหกกระเชอว่า ถูกเอารัดเอาเปรียบ เพราะดอกเบี้ยสูงมากจนไม่มีปัญญาจ่ายเงินคืนให้เจ้าของเงิน แต่กลับไม่เคยคิดว่าตอนที่แบกหน้า ทำหน้าทนไปขอกู้เงินจากเจ้าหนี้นั้น เจ้าหนี้เขาเอาปืนไปจี้หัวให้ต้องไปกู้เขา กระนั้นหรือ ครั้นเมื่อกู้เงินไปแล้ว กลับอ้างแบบแถว่าคิดดอกเบี้ยสูงมาก จนไม่มีปัญญาใช้คืน
ก็ต้องถามกลับว่า ก่อนจะเซ็นสัญญากู้ ไม่ได้อ่านสัญญา ไม่ได้ดูเงื่อนไขการจ่ายดอกเบี้ย บ้างเลยหรือ หรือว่าช่วงที่อยากได้เงินของคนอื่นนั้น เกิดอาการหน้ามืด จนสิ้นคิด ลืมคิดถึงภาระดอกเบี้ย หรือคิดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า กู้แล้วจะชักดาบ ไม่คืนเงิน จึงทำให้พบเห็นได้ว่าบางคนยังอุตส่าห์ลอยหน้าพูดโดยไม่อายอีกว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย
ความจริงข้อสำคัญที่รัฐบาลไทยทุกชุดต้องรู้ดีอยู่แก่ใจคือ คนไทยส่วนใหญ่มีเงินออมน้อยมาก แต่มีหนี้สินท่วมหัว แต่กลับไม่พบว่ารัฐบาลไทยจะเอาจริงเอาจังกับการสร้างนิสัยการออมให้กับประชาชน แถมล่าสุดยังมีรองนายกรัฐมนตรีรายหนึ่งยังอุตส่าห์บอกให้คนไทยช่วยกันแสดงความรักชาติ ด้วยการนำเงินออมออกมาใช้จ่ายเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้ตัวเลข GDP เพิ่มขึ้น
ขอถามจริงๆ เถอะว่า รองนายกรัฐมนตรีรายดังกล่าวทราบใช่ไหมว่า จากตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายน2563 ระบุว่า ผู้มีเงินฝากในธนาคารไม่เกินรายละ5 หมื่นบาท มีจำนวน 89.65 ล้านบัญชี หรือคิดเป็น 87 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนบัญชีเงินฝากทั้งหมดในระบบ ส่วนผู้มีเงินฝากเกิน 500 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวน 1,460 บัญชี ในกลุ่มนี้มีเงินเฉลี่ยในบัญชีรายละ 1,610 ล้านบาท
ดูจำนวนผู้มีเงินฝากแล้วพบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีเงินฝากในธนาคารน้อยมากหมายความว่าเป็นผู้มีเงินออมต่ำมากขอถามต่อไปว่ารองนายกรัฐมนตรีเคยคิดบ้างไหมว่าเมื่อคนกลุ่มนี้แก่ตัวลง เขาจะอยู่อย่างไร รัฐบาลมีปัญญาเลี้ยงดูเขาหรือ หรือรัฐบาลคิดง่ายๆ เพียงว่า ขอให้คนไทยนำเงินออมออกมาใช้มากๆ เพื่อช่วยเศรษฐกิจประเทศ เพราะรู้ดีว่าคนเหล่านั้นไม่มีโอกาสอยู่จนแก่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี