การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายทั้งคณะหรือรายบุคคลก็ตาม ก็จำเป็นต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจาก สส. ทั้งนั้น เพราะถ้าหาก สส. เกินกว่ากึ่งหนึ่งในรัฐสภายกมือสนับสนุนให้ผู้ถูกอภิปรายผ่านการถูกอภิปราย ก็หมายความว่าผู้ที่ถูกอภิปรายรายนั้นอยู่รอดปลอดภัย แล้วสามารถทำหน้าที่ต่อไปได้
แต่ถ้าผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้รับเสียงสนับสนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวน สส.ในรัฐสภา ก็หมายความว่าผู้ถูกอภิปรายรายนั้นต้องพ้นจากตำแหน่งไปโดยทันที แล้วถ้าหากนายกรัฐมนตรีไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สส. เกินกึ่งหนึ่งในรัฐสภา ก็หมายความว่านายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งไปโดยทันที และรัฐมนตรีทั้งคณะก็ต้องพ้นตำแหน่งไปทันทีโดยปริยาย โดยนายกรัฐมนตรีไม่สามารถใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรียุบสภาได้ด้วย
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลครั้งล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก เพราะมีข่าวมาโดยตลอดว่ามีขั้วอำนาจบางกลุ่มในพรรคพลังประชารัฐไม่สนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งต่อไปดังนั้นจึงต้องจับตามองดูให้ดีว่าในวันลงมติ 4 กันยายน 2564 นี้ จะมีปรากฏการณ์ใดๆ เกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐบ้าง แล้วสิ่งที่เป็นเสียงเล่าลือกันมานานว่ามีกลุ่มคนบางกลุ่มในพลังประชารัฐจะไม่ลงมติสนับสนุนนายกรัฐมนตรี จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ หากจริงจะมีคนในพลังประชารัฐสักกี่คนที่ไม่ vote สนับสนุนนายกรัฐมนตรี
แต่ก่อนอื่นต้องไม่ลืมความจริงว่าพรรคพลังประชารัฐ คือพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นเพราะความจำเป็นทางการเมือง เป็นพรรคที่เกิดจากการรวมตัวกันของนักการเมืองหน้าเก่าเก๋าเกมการเมือง ชนิดร้อยพ่อพันแม่หรือพันพ่อพันแม่ ซึ่งเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในเวทีการเมืองมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งหลายคนเป็นอดีตรัฐมนตรีที่กินตำแหน่งในกระทรวงต่างๆ มาแล้วหลายกระทรวง แต่บางรายก็มีสถานะที่คนในสังคมรู้กันเป็นอย่างดีว่า ไม่ต่างไปจากเจ้าพ่อ ผู้มีอิทธิพลเถื่อน ทั้งนี้ยังไม่นับรวมถึงคนบางคนที่สาธารณชนรับรู้ในนามเจ้าพ่อค้ายาเสพติดเจ้าพ่อซุ้มมือปืน เจ้าพ่อค้าของเถื่อน
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่คอข่าวการเมืองไทยจำพวกแฟนพันธุ์แท้บอกตรงกันคือ ขอให้จับตามองศึกภายในพลังประชารัฐระหว่างกลุ่มเอาธรรมนัสกับกลุ่มไม่เอาธรรมนัส ส่วนกลุ่มอื่นๆ ในพลังประชารัฐก็คือ กลุ่มของสุชาติ ชมกลิ่น บวกกับกลุ่มของสันติ พร้อมพัฒน์
ส่วนกลุ่มสามมิตรในพลังประชารัฐ ที่ประกอบด้วย สมศักดิ์ เทพสุทิน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อนุชา นาคาศัย และพรรคพวกก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่แฟนพันธุ์แท้การเมืองไทยจับตามองอย่างใกล้ชิดว่ากลุ่มนี้จะยกมือสนับสนุนนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แต่คอการเมืองไทยฟันธงว่ากลุ่มสามมิตรต้องยกมือเชียร์นายกรัฐมนตรีแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์
การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นพิธีกรรมชนิดหนึ่งทางการเมือง ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยมือของ สส. ยกเพื่อสนับสนุน ส่วนมือของ สส. ที่ยกขึ้นมานั้นจะเป็นมือของคนดีหรือคนชั่ว เรื่องนี้วิญญูชนประจักษ์ดีอยู่แก่ใจ แต่นายกรัฐมนตรีที่อ้างว่าตนเป็นคนทำดีเพื่อบ้านเมือง จำเป็นต้องอาศัยมือของ สส. มือและใจสกปรกยกเพื่อสนับสนุนหรือไม่ วันนี้ (4 กันยายน) สาธารณชนจะได้รับทราบกัน แต่เท่าที่ประเมินล่าสุดคือ เสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีต้องมีมากกว่าเสียงคัดค้านอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี