เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 48 ชั่วโมงก็จะถึงวันที่ 1 พ.ย.2564 “ดีเดย์เปิดประเทศ” ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 17 จังหวัด เพื่อเริ่มฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวซึ่งนอกจากเส้นทางทางอากาศอันเป็นช่องทางหลักในการเดินทางของนักท่องเที่ยวแล้ว ทางถนนและทางรางอันเป็นการเชื่อมต่อระหว่างเมืองต่างๆ ก็เตรียมความพร้อมด้านมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่นกัน
“ที่นี่แนวหน้า” สัปดาห์นี้ หยิบยกการพูดคุยกับผู้รับผิดชอบงานด้านขนส่งสาธารณะระหว่างเมือง อันประกอบด้วย “รถบัสโดยสาร-รถไฟ” ว่าด้วยการสร้างความมั่นใจทั้งกับประชาชนคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากรายการ “เพื่อนกันวันติดโควิด - Home Isolation Friends” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)กับ AIS มานำเสนอ
สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า บขส. มีนโยบาย“4 พร้อม” ประกอบด้วย 1.สถานีพร้อม มีการตั้งจุดคัดกรองมาตั้งแต่เริ่มเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิ หากผู้ใดที่อุณหภูมิสูงกว่าปกติจะไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ มีการทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ รวมถึงห้องน้ำทุกๆ 2-4 ชั่วโมง
2.พนักงานพร้อม พนักงานส่วนหน้าที่ต้องพบปะผู้ใช้บริการ ทั้งที่เป็นพนักงานขับรถ พนักงานประจำรถ และพนักงานจำหน่ายตั๋วโดยสาร ได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม และบางส่วนยังได้วัคซีนกระตุ้นเข็ม 3แล้ว 3.รถโดยสารพร้อม มีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบนรถโดยสารทั้งเที่ยวไปและกลับ รวมถึงทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ และ 4.การบริการพร้อม หมายถึงการตรวจเอกสาร หรือใช้แอปพลิเคชั่น ตามมาตรฐานด้านสาธารณสุข อนึ่ง กรณีผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว แต่ไม่ได้ใช้แอปพลิเคชั่นหมอพร้อม ที่ต้องติดตั้งในโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน แนะนำว่าให้เตรียมเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน และแจ้งว่าไปฉีดวัคซีนที่ใดเพื่อให้พนักงานสามารถตรวจสอบให้ได้
“ก่อนเดินทางเรามีการตรวจวัดอุณหภูมิของผู้โดยสารก่อนขึ้นรถ แล้วการรับประทานอาหารบนรถเราขอความร่วมมืองดรับประทานอาหารบนรถ ส่วนตัวของพนักงานขับรถและพนักงานประจำรถมีการให้ตรวจ ATK ทุก 7 วัน เพื่อเป็นการย้ำว่าในส่วนคนของเรามีความพร้อมในการต้อนรับการเปิดประเทศ แต่อันนี้เป็นมาตรการที่เราใช้มาแล้วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นการรองรับในช่วงหยุดยาว 21-24 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ก็มียอดผู้โดยสารมาใช้บริการมากขึ้นกว่าทั่วไป” สัญลักข์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวต่อไปว่าในส่วนของการเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเบื้องต้นคือการตรวจสอบใบรับรองการฉีดวัคซีน ซึ่งก็เริ่มใช้มาตรการไปบ้างแล้วในช่วงหยุดยาว 21-24 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ที่พบชาวต่างชาติ คาดว่าน่าจะมาอยู่ในประเทศไทยได้สักระยะหนึ่งแล้วจะเดินทางไปท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต โดย บขส. พยายามดำเนินการอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาด
เพ็ญศรี เหลืองอร่ามศรี หัวหน้ากลุ่มกำกับบริการและสภาพแวดล้อม กองกำกับกิจการ กรมการขนส่งทางราง กล่าวว่า เมื่อคนเริ่มกลับมาทำกิจกรรมต่างๆ จะเห็นจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น เช่น บริเวณชานชาลาที่จะเริ่มเห็นความหนาแน่นช่วงเช้าและเย็น ดังนั้นจึงต้องบริหารจัดการเพื่อลดความหนาแน่น เช่น กำหนดจุดยืนแถวแบบเว้นระยะห่าง กำหนดปริมาณผู้โดยสารเข้าพื้นที่ชานชาลา นอกจากนี้ยังคงการให้บริการผู้โดยสารไว้ที่ร้อยละ 75 จากความจุปกติบนขบวนรถ
เช่นเดียวกัน พนักงานประจำขบวนรถและพนักงานจำหน่ายตั๋วโดยสารได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้ว และบางส่วนก็ได้รับวัคซีนเข็ม 3 รวมถึงตรวจ ATK พนักงานทุกๆ 7 วัน ตามความเสี่ยงการสัมผัสโรคหรือตามความเหมาะสม พนักงานสวมอุปกรณ์ป้องกันทั้งเฟซชิลด์ หน้ากากอนามัยและถุงมือ เพราะพนักงานต้องอยู่ประจำพื้นที่เป็นเวลานาน หากติดเชื้อย่อมกระทบการให้บริการ
“1 พ.ย. 2564 จะมีมาตรการอย่างไรบ้าง คร่าวๆ ในส่วนนี้ ระบบรางเป็นการเดินทางในประเทศ ก็อาจจะมีตรงบริเวณชายแดน เริ่มมีตรงจุดที่ จ.หนองคาย กรณีนี้ต้องดูว่านักท่องเที่ยวมีวัคซีนพาสปอร์ตเรียบร้อยไหม? เราก็จะดูเรื่องเอกสาร จริงๆ ก็ถูกคัดกรองมาตั้งแต่หมวดอากาศแล้ว เขาจะเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเขาต้องได้รับวัคซีนครบ แล้วมีผล RT-PCR หรือ ATK ตรวจว่าไม่พบเชื้อภายใน 72 ชั่วโมงถึงเข้าประเทศมาได้
กรณีนี้เราก็ต้องมีมาตรการว่ากรณีนักท่องเที่ยวเราต้องตรวจสอบเอกสารเหล่านี้ ถ้าไม่มีเราก็ต้องสงวนสิทธิ์การให้บริการ เราต้องยึดความปลอดภัยคนส่วนใหญ่ไว้ก่อน รวมถึงกรณีที่เสี่ยงติดเชื้อ เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูกหรือไม่สวมแมสเข้ามาในระบบ เราก็ต้องสงวนสิทธิ์เช่นกัน และอาจต้องดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขด้วย ให้ไปพบแพทย์หรือว่าแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ” เพ็ญศรีกล่าว
เช่นเดียวกับ พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ที่กล่าวเสริมว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหากเข้ามาใช้บริการระบบรางก็ต้องสวมหน้ากากปิดปาก-จมูกเช่นเดียวกับคนไทย มีการประกาศผ่านระบบเสียงในระบบเป็นระยะๆ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน เพราะการจะไปบังคับตลอดเวลานั้นก็มีข้อจำกัดด้านกำลังเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ยืนยันว่ายังไม่เคยพบรายงานข่าวการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระบบราง และมาตรการสาธารณสุขก็ยังปฏิบัติอย่างเข้มงวดอยู่
“สำหรับการเดินทางระหว่างเมือง เช่น จากบางซื่อ (กรุงเทพฯ) ไป จ.เชียงใหม่ ต้องใช้วัคซีนพาสปอร์ต ต้องใส่แมส ต้องใช้ผล RT-PCR ซึ่งเขาคงมีติดตัวอยู่แล้วในวัคซีนพาสปอร์ต เหมือนรถไฟฟ้า เข้ามาไม่ใส่แมส เราเอาแมสไปถึงตัว แจกฟรีบ้างขายถูกๆ บ้าง อันนี้ก็เหมือนกัน ไม่มีผลตรวจ การรถไฟฯประสานองค์การเภสัชฯ เอาชุดตรวจ ATK ไปตาม เดี๋ยวนี้ 40 บาทเอง ถ้าแพงหน่อยตามร้านขายยาก็ 60 บาท
ค่าตั๋วจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ก็แพงเป็นพันอยู่แล้ว เขาก็สามารถซื้อชุดตรวจ ATK ที่สถานีต้นทาง หยอดแปบเดียว 15 นาทีก็ได้ผลแล้ว เอาผลไปส่งนายสถานี เขาก็ Access (เข้ามา) ได้ เรามีช่องทางให้เขาเข้ามาได้ แม้เขาจะมีข้อบกพร่องไปบ้างก็ตามข้อบกพร่องคือลืม ไม่ได้เอาวัคซีนพาสปอร์ตมา ไม่ได้เอาผล RT-PCR มา ก็ไม่ยากอะไร ก็ซื้อ ATK Test Kit (ชุดตรวจ) นั่นละ ที่สถานี แล้วก็ Test (ตรวจ) ตรงนั้น ถ้าผลเป็นลบก็เข้ามาได้” พิเชฐ กล่าว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี