“หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” บรรจงย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้างตามสไตล์ “บุคคลแนวหน้า” ทำความจริงให้ปรากฏ เริ่มต้นกันด้วยเรื่องราวที่ติดค้างไว้เมื่อฉบับที่แล้ว กรณีคำสั่ง “สรวิชญ์ ทับทิมสุข อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา” ตั้งกรรมการสอบวินัย “ศิริธน (มิ่งขวัญ) สุทธิบูรณ์”ออกจากราชการ ในฐานะกรรมการตรวจการจ้างโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนเทศบาลวัดหลวงพ่อเขียว งบฯ 2.26 ล้านบาทเมื่อปี 2556 โดยกล่าวหาว่าทำผิดวินัยร้ายแรง เปลี่ยนแปลงแบบอาคาร ทำให้ราชการเสียหายอย่างร้ายแรง ระหว่างสอบสวนนางสาวศิริธนยังไม่แล้วเสร็จ นางสาวศิริธน ไปรับการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่ง“ปลัดฯทต.ไผ่ดำพัฒนา จ.อ่างทอง” โดย “ไพโรจน์ พวงศิริ นายกฯทต.ไผ่ดำพัฒนา” ได้ตั้งกรรมการสอบสำนวนทต.บ้านแพรกมีคำสั่ง “ปลดนางสาวศิริธน” พร้อมกับพิจารณาผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดิน, ศูนย์ดำรงธรรม พบว่ามีความเห็นให้ยุติเรื่อง ไม่ได้ทำให้ราชการเสียหายอย่างร้ายแรงตามข้อกล่าวหา จึงมีมติเห็นว่าเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ให้ตัดเงินเดือนผู้ถูกร้อง 10% เป็นเวลา 3 เดือน แต่ ส.ต.อ.โกมนภู่สมบุญ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดอ่างทอง (ก.ท.จ.) เห็นว่า นายกฯทต.ไผ่ดำฯ ไม่มีอำนาจตั้งกรรมการสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมทำหนังสือหารือกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น(สถ.) ซึ่งรองอธิบดีฯ มีหนังสือตอบกลับที่ มท.0809.5/229 ลงวันที่ 5 พ.ค. 2563 สาระสำคัญคือทต.ไผ่ดำฯสามารถตั้งกรรมการฯเพิ่มเติมได้ ทว่า “ก.ท.จ.อ่างทองกลับมีมติปลดนางสาวศิริธนออกจากราชการ” โดย “ประทิว ภู่ประสงค์” ที่ชนะการเลือกตั้งเป็นนายกฯทต.ไผ่ดำฯ คนใหม่แทนนายไพโรจน์ยืนยันว่า มีคำสั่ง “ปิดกรอบอัตรากำลังตัดชื่อนางสาวศิริธนออกจากสารบบ” ในวันที่ 26 ส.ค.ทันที โดยไม่พิจารณาว่ากรณีดังกล่าวนางสาวศิริธนอุทธรณ์ โดยนายประทิวให้เหตุผลว่า จังหวัดอ่างทอง มีคำสั่งให้ “ยุบตำแหน่ง”...
nn จากนั้นไม่นานผลการประชุมพิจารณาอุทธรณ์ก.ท.จ.อ่างทองครั้งที่ 10/2564 มีมติกลับเห็นว่าคำสั่งนายกฯทต.บ้านแพรกไม่มีความเป็นธรรม อคติ จึงมีมติให้ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น“ไม้หน้าสาม” เพื่อทำความจริงให้ปรากฏจึงติดต่อหาข้อมูลจาก “แสงมณีมีน้อย” ท้องถิ่นจังหวัดอ่างทอง ได้รับคำตอบว่า จริงๆ จังหวัดก็หนักใจ เพราะมีอะไรก็โยนมาให้เรา “ต้นสังกัด (ทต.ไผ่ดำพัฒนา)” เสนอเรื่องขึ้นมาให้ “ยุบตำแหน่ง” เราก็ดำเนินการ เมื่อถามว่า เหตุใดไม่คัดค้าน เพราะยังอยู่ระหว่างการ “อุทธรณ์” ซึ่งมีกรอบเวลา 90 วัน ก็ได้รับคำตอบจาก “ส.ต.อ.โกมน” นิติกรฯว่า ตำแหน่งนางสาวศิริธนเป็นกรณีพิเศษเฉพาะตัว เพราะสอบไม่ได้ซี 8 เป็นซี 7 ที่มารับตำแหน่งปลัดฯ เมื่อก.ท.จ.อ่างทอง มีมติให้ไล่ออกจากราชการก็ต้อง “ยุบตำแหน่ง”...
nn “ไม้หน้าสาม” ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกรณีนี้ ญาติก็ไม่ใช่ รู้จักก็ไม่รู้จักแต่เรื่องราวเช่นนี้ปล่อยผ่านไม่ได้ โดยพยายามแสวงหาข้อเท็จจริงจากท่านนิติกรฯ เพิ่มเติมเช่นนั้นแล้ว บังเกิดคำถามลามในใจว่าเช่นนั้นจะเรียกผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้าส่วนราชการมาประชุมพิจารณาอุทธรณ์ไปเพื่ออิหยังวะ??? ... อีกทั้งเมื่อผลอุทธรณ์มีมติกลับให้เป็นความผิดไม่ร้ายแรง มีมติลดเงินเดือน 1 ขั้น จะดำเนินการอย่างไรเพื่อเยียวยา สิทธิต่างๆ ของนางสาวศิริธนที่สู้อุตส่าห์เฝ้าปฏิบัติหน้าที่ในราชการมานานอย่างน้อย 7-8 ปี ท่านนิติกรฯ เสนอทางออกว่า สามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้“ไม้หน้าสาม” ได้ยินได้ฟังท้องถิ่นจังหวัดอ่างทองอธิบายแถลงเยี่ยงนี้ ก็ยิ่งเกิดคำถามมากมาย ว่า การพิจารณาของก.ท.จ.อ่างทอง มีหลักวิธีการที่แปลกพิสดาร ระบบที่วางไว้น่าจะเป็นกลไกที่สร้างความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการสอบสวน หรือลงโทษกับข้าราชการได้อย่างสง่างามหากยึดมั่นในหลัก “นิติธรรม-มโนธรรม” ดังนั้นต้องคัดค้าน หรือแนะนำให้นายกทต.ไผ่ดำพัฒนาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ขัดต่อหลักการ กล่าวคือการเร่งรีบ “ยุบตำแหน่ง” หลังจากก.ท.จ.อ่างทองมีมติปลดในระยะเวลาเพียงแค่ 30 วันเท่านั้น ตีความได้ว่าส่อแสดงเจตนาชัดเจนของกระบวนการพิจารณาที่ส่อไปในทางไม่โปร่งใสหรือไม่???? “ไม้หน้าสาม” สอบถามไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องใน “กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น”ก็ได้รับคำตอบว่า กฎระเบียบมีอยู่ชัดเจนนับแต่ปี 2551 ว่าด้วยขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลของ ก.ท.จ. เมื่อมติก.ท.จ.เป็นเช่นไร ก็ต้องดำเนินการตามมติ หากมติเหล่านั้นไม่ขัดต่อกฎระเบียบ และข้อกฎหมาย...
nn คงต้องสะกิด “ประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น” เรื่องเยี่ยงนี้เห็นทีจะต้องขันนอตข้าราชการที่อาศัยช่องว่างทางกฎหมาย ตีความแบบ “กำปั้นทุบดิน” โดยเฉพาะการเสนอให้ “ยุบตำแหน่ง” ข้าราชการในขณะที่อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ หาไม่แล้วจะสร้างความเสียหายให้กับข้าราชการอีกเป็นจำนวนมาก หลักนิติรัฐ นิติธรรม และมโนธรรม จะเป็นแค่วาทกรรมประดิษฐ์ที่สวยหรู หากในทางปฏิบัติผู้มีอำนาจยังขาดหลักธรรมขั้นพื้นฐานเหล่านี้ ฝ่ายผู้บริหารการเมืองท้องถิ่นก็เช่นกันควรจะศึกษาข้อกฎหมายระเบียบวิธีการปฏิบัติให้ถ่องแท้ อย่าได้เที่ยวทำตามคำสั่งของผู้ลุแก่อำนาจ หาไม่แล้วใครก็ไม่อาจช่วยผู้ปฏิบัติให้รอดพ้นจากความผิดตามกฎหมายได้ ก.ท.จ.มีมติอย่างไร ต้องปฏิบัติตาม เพราะนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจที่จะปลดท่านตกจากเก้าอี้นายกเล็กได้ กรณีนี้“ไม้หน้าสาม” ย้ำชัดๆ ถึง “ประทิว ภู่ประสงค์นายกทต.ไผ่ดำพัฒนา” ต้องทำตามมติก.ท.จ.อ่างทองคืนตำแหน่งให้กับนางสาวศิริธน...
nn สองสามวันมานี้เห็นการตอบโต้กันของคนที่โกนหัวอย่าง “พระเปรียญธรรม 9 ประโยค -พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ” ที่ประกาศ “ลาสิกขาบท” กับ “คนหัวสองสีนักร้องแห่งปี -ศรีสุวรรณ จรรยา” กรณีทรัพย์สินมหาสมบัติที่ได้มาระหว่างการเป็นบรรพชิตจากพุทธบริษัทว่าเป็นสมบัติแห่งตนนั้น “ไม้หน้าสาม”ก็เคยมีประสบการณ์บวชเล่าเรียนมาไม่มากพรรษานักแต่พอสำเหนียกจนเกิดสำนึกได้ จึงอยากบอกท่าน “ศรีสุวรรณ จรรยา” ว่า จะถกเถียงด้วยสัมปชัญญะกับคนไม่สำเหนียกก็ไร้ซึ่งสามัญสำนึกแยกแยะไม่ออกหรอกขอรับ “บุญทำกรรมแต่ง” เพราะพระเปรียญ 9 ประโยคท่านนี้ออกมาตอบโต้กี่ครั้งก็มีแค่วาทกรรมประดิษฐ์หาได้มีสาระของธรรมะไม่ มีแต่กิเลสตัณหานั่นโน่นนี่ เป็นบุญของศาสนาและพุทธบริษัทยิ่งนักกับการประกาศลาสิกขาครั้งนี้..
nn ทิ้งท้ายฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม”มีข่าวดีที่น่าจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าจากรัฐบาล “ทหารแก่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและพรรคร่วมรัฐบาล” นั่คืออัตราค่าบริการผ่านทางด่วนพิเศษใหม่ที่จะมีการขึ้นราคาในทุก 5 ปีตามสัญญาสัมปทานการลงทุน ...
nn เริ่มที่ “ทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกทม.” ที่จะเก็บราคาค่าผ่านทางใหม่ใน “วันที่ 15 ธันวาคม 2564” ตาม “มาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติการทางพิเศษ แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550” ดังนี้ รถ4 ล้อ จากเดิม 50 บาท ราคาใหม่ปรับเป็น 65 บาท รถ6-10 ล้อ เดิม 80 บาทใหม่เก็บ 105 บาท และรถมากกว่า 10 ล้อเดิม115 บาทใหม่เก็บ 150 บาท ขณะที่ดอนเมืองโทลล์เวย์ช่วง “ดินแดง – ดอนเมือง” มีการปรับอัตราค่าผ่านทางใหม่โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2564 นั้น รถ 4 ล้อ จากเดิม 70 บาท เป็น 80 บาท, รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 100 บาทเป็น 110 บาท ส่วนช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน รถ 4 ล้อ จาก 30 บาทปรับเป็น 35 บาท, รถมากกว่า 4 ล้อจาก 40 บาท ปรับเป็น 45 บาท และตลอดเส้นทาง รถ 4 ล้อ จาก 100 บาทปรับเป็น 115 บาท, รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 140 บาท ปรับเป็น 155 บาท จับตา “สินค้าเกษตร และ สินค้าอุปโภคบริโภค”มีขยับปรับราคาแน่นอน!?!?!...nn...
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี