วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ตามหลักเศรษฐศาสตร์สากล การเกิดสภาพเงินเฟ้อในประเทศใดประเทศหนึ่ง มิใช่เรื่องเลวร้ายไปเสียทุกกรณี เพราะหากมีอัตราเงินเฟ้อในปริมาณพอเหมาะ หรือเงินเฟ้อเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ก็จะเป็นผลดีต่อระบบการผลิต และระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้ เพราะจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ผลิตสินค้า และช่วย
ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งเท่ากับขยายกำลังการผลิต และขยายจำนวนการว่าจ้างแรงงานในระบบเศรษฐกิจ และสุดท้ายก็ทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวขึ้น
เราจะพบว่าในช่วงที่ยังมีอัตราเงินเฟ้อในระดับที่เหมาะสม จึงมีการเปิดและขยายกิจการต่างๆ เพิ่มขึ้น มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น เพราะผู้ผลิตทราบว่าจะยังสามารถหากำไรจากการทำธุรกิจได้ แต่ถ้าหากไม่มีอัตราเงินเฟ้อเลยก็หมายความว่าข้าวของและบริการต่างๆไม่สามารถขายได้ หรืออาจจะขายได้น้อยมากๆจนเกือบขายไม่ได้ ซึ่งหมายความว่าระบบเศรษฐกิจอาจอยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง ชะงักงัน จนสุดท้ายกลายเป็นสภาวะเงินฝืด ซึ่งก็นับเป็นปัญหาร้ายแรงของระบบเศรษฐกิจเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อย่อมส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคนทุกคน แต่สำหรับคนที่มีฐานะยากจน หรือตกงาน ก็จะยิ่งได้รับผลกระทบหนักมากขึ้นจากปัญหาเงินเฟ้อ เพราะราคาข้าวของและบริการต่างๆ จะแพงขึ้น แต่ปัญหาเงินเฟ้อจะไม่ส่งผลกระทบมากจนเกินรับได้ หากคนส่วนใหญ่ของสังคมมีรายได้
เพียงพอ และมีการปรับขึ้นเงินรายได้หรือเงินเดือนในอัตราที่ไม่ต่ำเกินกว่าอัตราเงินเฟ้อมากนัก หรือถ้าหากได้รับการเพิ่มเงินเดือนและค่าแรงในอัตราที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ก็จะทำให้ปัญหาในการดำรงชีวิตไม่มากนัก
แต่การที่จะไม่มีเงินเฟ้อในสังคมเลย ก็น่าจะเป็นเรื่องยาก เพราะในเมื่อค่าจ้างค่าแรงขึ้น แต่จะไม่ให้เงินเฟ้อเกิดขึ้น ก็คงไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ถ้าหากเกิดปัญหา
เงินเฟ้อมากๆ และมากเสียจนเกินกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าแรงของคนทั่วไป ก็จะเกิดปัญหากับระบบเศรษฐกิจอีก เพราะกำลังซื้อจะลดลง การค้าการขายก็จะลดลงด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศใดประสบกับปัญหาเงินเฟ้อ ก็ต้องพิจารณาให้ลึกซึ้งว่า ต้นตอของปัญหาเงินเฟ้อเกิดมาจากอะไร และเงินเฟ้ออยู่ในระดับอัตราที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด แต่หากเกิดปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง เฉียบพลันโดยไร้เหตุผลที่เพียงพอ ก็ต้องกลับไปพิจารณาว่าอะไรคือต้นตอของปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นภาระสำคัญที่รัฐบาลต้องสามารถบริหารและจัดการอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ แต่หากรัฐบาลไม่สามารถจัดการบริหารเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็หมายความว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป
หากมูลเหตุของการเกิดปัญหาเงินเฟ้อมาจากการที่มีผู้จงใจบิดเบือนการตลาด เช่น มีการกักตุนสินค้า หรือมีการผูกขาดสินค้าไว้ในมือของใครคนใดคนหนึ่ง จนทำให้เกิดปัญหาราคาสินค้าแพงเกินเหตุ เรื่องแบบนี้รัฐบาลต้องเข้าไปจัดการโดยพลัน ต้องไม่ปล่อยให้ปัญหานี้เกิดขึ้นยาวนาน เช่น ยกตัวอย่างล่าสุดมีปัญหาเรื่องเนื้อหมูแพง คำถามคือทำไมเนื้อหมูจึงแพง แพงเพราะเหตุปัจจัยอะไร หากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะกลไกการตลาดโลก เรื่องนี้อาจแก้ได้ยาก แต่หากเป็นปัญหาจากความอ่อนด้อย หละหลวม ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล รัฐบาลก็ไม่สมควรอยู่บริหารประเทศต่อไป เพราะเมื่อไร้ปัญญาบริหารประเทศเพื่อให้ประชาชนมีความสุข ความสงบ ก็ไม่ต้องอยู่ในอำนาจต่อไป เพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนแม้แต่น้อย

อนาคตสั่นคลอน! 'ปราชญ์ สามสี' ชี้ 'พรรคส้ม' ไม่รอดกระแสชะลอ จ่อเป็น'กาฝาก'ในการเมืองใหม่
ร้านค้าไม่รับสแกนจ่าย 'คนละครึ่งพลัส' หากยอดไม่ถึง 50 บาท
'ปลอดประสพ'น้อมรำลึก 'สมเด็จพระพันปีหลวง' กับการประมงไทย(ตอนที่ 1)
'สงขลา' กำจัด 'ปลาหมอคางดำ' ควบคุมระบาดสัตว์น้ำต่างถิ่น
'กัมพูชา'แถลงเดือด! อ้างไทยขู่ยึดปราสาทตาควายโดยกำลังทหาร ลั่นสูญเสียความไว้วางใจแล้ว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี