แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบ และทำงาน ตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งปณิธานในทางนี้ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้...(พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาดุสิดาลัยวันที่ 4 ธันวาคม 2517)...
nn การบริหารราชการแผ่นดินแบบไทยๆ ในยุคที่นักการเมืองเป็นใหญ่ที่แสนประหลาด เพราะแทนที่จะแก้ปัญหาให้ตรงจุดตรงประเด็น เพื่อแก้ปัญหาให้ได้แบบขุดรากถอนโคน ก็กลับทำเสมือนลูบหน้าปะจมูก ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก ตัวอย่างเช่น เมื่อบ้านเมืองมีปัญหาหมูแพง ไข่แพง ก็แก้ปัญหาโดยการให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ออกมติให้ไก่และเนื้อไก่เป็นสินค้าควบคุม แล้วออกมาตรการให้ผู้เลี้ยงไก่จำนวนตั้งแต่หนึ่งแสนตัวขึ้นไป รวมถึงกำหนดให้โรงงานชำแหละไก่ที่ชำแหละไก่วันละมากกว่า 4 พันตัว ต้องแจ้งปริมาณไก่ และสต๊อกไก่ รวมถึงต้นทุนราคาจำหน่ายให้คณะกรรมการฯ ทราบทุกเดือน...
nn นับเป็นเรื่องน่าตลกมากตรงที่ว่าเมื่อเกิดปัญหาเนื้อหมูแพง แต่กลับแก้ปัญหาหมูแพงด้วยการออกมาตรการมาเพื่อควบคุมการขายไก่ ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ตรงที่ว่าเพื่อป้องกันการขายไก่ราคาแพง แต่ป้ญหาสำคัญอยู่ที่เนื้อหมูแพงมิใช่่หรือ แล้วทำไมรัฐบาลจึงไม่มีปัญญาแก้ปัญหาให้ตรงจุด ตรงประเด็น ทำไมไม่ค้นหามูลเหตุว่าหมูแพง เพราะอะไร ใครเป็นต้นตอของปัญหาหมูแพง หากให้พูดตรงๆ คือ รัฐบาลไม่มีปัญญาแก้ปัญหาหมูแพง ก็เลยเฉไฉเล่นเกมแก้ปัญหาไก่แพง ทั้งๆ ที่ยังไม่เกิดปัญหาไก่แพง...
nn พูดก็พูดเถอะ รัฐบาลนี้ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาของแพงได้เลย ไม่มีจริงๆ ไม่ต้องดูอะไรมากเลย ดูแค่การแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพง ก็เห็นชัดแล้วว่ารัฐบาลไม่มีปัญญาแก้ ทั้งๆ ที่รัฐบาลคือผู้ผลิตสลากกินแบ่งด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคา...
nn ถามจริงๆ เถอะ การที่รัฐบาลแก้ปัญหาของแพงไม่ได้ มันเกิดมาจากรัฐบาลปล่อยปละละเลย ใช่หรือไม่ หรือว่าจริงๆ แล้วต้นตอที่ทำให้ข้าวของแพงมาจากความไม่เป็นประสาของรัฐบาล จนทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยพากันวิพากษ์ว่า ต้นตอที่ทำให้ของแพงน่าจะมาจากรัฐบาลนั่นแหละ เพราะรัฐบาลไม่สามารถควบคุมราคาสินค้าให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะพอสมได้...
nn น่าตลกที่รัฐบาลบอกว่าจะพยายามทำให้สินค้าไม่แพง และจะขอให้ผู้ผลิตสินค้าไม่ขึ้นราคาจำหน่าย เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าในราคาแพง แต่กลับปรากฏว่า สินค้าไม่ขึ้นราคา แต่ปริมาณสินค้ากลับลดน้อยลง เช่น ผู้ผลิตยาสีฟันอ้างว่าไม่ขึ้นราคา แต่ลดปริมาณบรรจุในหลอดลงหลายสิบมิลลิลิตร หรือซีซีเช่นเดียวกันกับการที่ผู้ผลิตน้ำอัดลมอ้างว่าจะไม่ขึ้นราคาจำหน่าย แต่ใช้กลอุบายบรรจุน้ำอัดลมในขวดที่เล็กลง...
nn ขอถามรัฐบาลตรงๆ ว่านี่คือการไม่ขึ้นราคาจำหน่ายสินค้าเช่นนั้นหรือ หรือรัฐบาลเห็นว่านี่คือการไม่ขึ้นราคาสินค้า ขอถามตรงไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่า นี่คือการตรึงราคาสินค้า ใช่หรือไม่ กรุณาตอบให้ชัดเจนด้วย...
nn เมื่อเช้าวันพุธ ธรรมกรได้ดูข่าวจำพวกจอมพล่ามในทีวีช่องหนึ่ง บอกซื้อไปเลยก็ได้ ไทยพีบีเอส เหตุที่ยอมดูข่าวในวันนั้นก็เพราะ มีข่าวว่าคนเลี้ยงหมูรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงในจังหวัดระยอง ผู้หญิงรายนั้นบอกด้วยอาการราวกับคนของขึ้นว่า หมูที่เธอเลี้ยงไว้มีเป็นร้อยตัว พร้อมขายแล้ว เธอบอกว่าขายหมูเป็นราคากิโลกรัมละ 60 บาทเท่านั้น ยังขายไม่ได้ ไม่มีใครไปซื้อ แล้วเธอก็บ่นไปเรื่อย ว่าลงทุนไปตั้งมากมายแต่ขายหมูไม่ได้ ทั้งๆ ที่ขายหมูเป็นๆ เพียงกิโลฯ ละ 60 บาท แต่เมื่อข่าวนี้กระจายออกไป ก็มีคนกลุ่มหนึ่งไปขอซื้อหมูจากผู้หญิงที่ให้ข่าวกับไทยพีบีเอสเพราะเห็นว่าเธอบอกว่าขายหมูแค่กิโลกรัมละ 60 บาทเท่านั้น แต่เมื่อติดต่อขอซื้อจริงๆ กลับได้รับคำตอบว่า ขายไม่ได้ เพราะต้องขายให้กับผู้รับซื้อรายหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถขายให้คนอื่นๆ ได้...
nn อ้าว! เหตุไฉนจึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ก็ไหนเธอให้ข่าวว่าเธอขายหมูเป็นไม่ได้ เพราะไม่มีคนไปรับซื้อว่าแล้วเธอผู้นั้นก็บ่นๆๆ ด้วยอาการอารมณ์เสียแบบสุดๆ แต่เมื่อมีคนไปขอซื้อหมูจากเล้าของเธอ เธอกลับบอกว่าไม่ขาย เพราะขายให้ไม่ได้ อ้าว! เจ๊ เหตุไฉนเป็นอย่างนี้ไปได้ ก็ไหนเจ๊บ่นด้วยความอารมณ์เสียว่า ไม่มีคนซื้อ แล้วเมื่อมีคนไปขอซื้อ เจ๊กลับไม่ยอมขาย ตกลงว่าเจ๊พูดกับไทยพีบีเอสเพื่อให้ตัวเองเป็นข่าวเท่านั้นหรือ แล้วไทยพีบีเอสก็ไม่ยอมรายงานว่าใครคือคนที่เจ๊แกจะขายหมูให้ แต่ไทยพีบีเอสอุตส่าห์นำเสนอข่าวนี้ตั้งนาน คำถามคือ เสนอข่าวแบบนี้เพื่ออะไร จะบอกว่าหมูไม่แพงหรือจะบอกว่าอะไรมิทราบ หรือแค่เปิดโอกาสให้เจ๊รายนั้นได้บ่นออกอากาศเท่านั้น...
nn หลังผลการเลือกตั้งซ่อมเบื้องต้นที่ชุมพร และสงขลาถูกประกาศให้สาธารณชนได้รับทราบโดยสาธารณชนรับรู้ทั่วกันว่าผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ชนะทั้งสองแห่ง ก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ตกลงแล้วพรรคพลังประชารัฐ กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะเกิดอาการแตกแยกกันอย่างรุนแรงหรือไม่ คอการเมืองตอบตรงกันว่า แตกยิ่งกว่าแตก แต่ถึงจะแตกกันหนักสักเพียงใด ก็ไม่ต้องห่วง เพราะตราบใดที่ทั้งสองพรรคยังสามารถร่วมกันเป็นรัฐบาลได้ ก็จะยังไม่ฟาดฟันกันจนเลือดตกยางออก แต่จะจิกๆ กัดๆ แทะๆ กันไปกันมาเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันประกาศยุบสภา ซึ่งวันนั้นนั่นแหละคือวันสิ้นสุดไมตรีต่อกัน แล้วก็จะออกมาฟาดฟันกันอย่างไม่ไว้หน้า...
nn แต่สิ่งคอการเมืองไทยได้ประจักษ์แจ้งแล้วก็คือภายในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอยู่ใต้การนำของบิ๊กป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ น่าจะแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้ง หลังพรรคพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพร และสงขลา โดยมีหลักฐานยืนยันคือถ้อยคำบางคำที่ปรากฏในไลน์ของแกนนำบางคนของพรรคพลังประชารัฐ...nn แต่เมื่อข่าวไลน์เจ้าปัญหาปรากฏ ก็ทำให้สุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งนักข่าวทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายาว่า สุชาติ ชมเก่ง รมว.แรงงาน ออกมาบอกว่าตนเองได้เคลียร์ใจกับผู้กองตุ๋ย-ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนั้น สุชาติก็ได้ออกมาบอกว่าคนที่นำไลน์เจ้าปัญหาออกมาเปิดเผยไม่ใช่ลูกผู้ชาย เมื่อ สุชาติ บอกว่าคนเอาไลน์ไปนำเสนอกับคนภายนอกไม่ใช่ลูกผู้ชาย ก็เลยทำให้คอการเมืองมองไปว่าแล้วในพรรคพลังประชารัฐนั้นมีลูกผู้หญิงอยู่กี่คน แล้วลูกผู้หญิงคนไหนในพรรคที่จะนำข้อความในไลน์ออกไปแพร่งพรายให้คนภายนอกรู้ เรื่องนี้เลยทำให้หลายคนอยากวิ่งไปถาม หนูแหม่ม สาวตาโตประจำพรรคพลังประชารัฐว่ารู้ไหมว่าคนที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายที่สุชาติกล่าวถึงนั้นเป็นลูกผู้หญิงรายใดกันแน่...
nn ยังคงติดใจในรสชาติของการมีอำนาจการเมืองไม่เสื่อมคลาย หลังจากได้เสพอำนาจการเมืองมาระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์และ อุตตม สาวนายน สองอดีตรัฐมนตรีในยุครัฐบาลประยุทธ์ ก็ออกมาเปิดพรรคการเมืองใหม่ชื่อว่าสร้างอนาคตไทย โดยประกาศชัดๆ ว่า ไม่เอาประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งโฆษณาว่าพรรคนี้ไม่โกงชาติ ไม่ปล้นประเทศ แต่จะขอเป็นทางเลือก แล้วก็อ้างว่ายึดมั่นในประชาธิปไตย เมื่อพรรคนี้โฆษณาแบบนี้ ก็เลยมีคำถามตัวโตๆ กลับไปว่า แล้วทำไมสมัยก่อนจึงยอมเป็นรัฐมนตรีภายใต้การนำของประยุทธ์ ครั้นเมื่อถูกเตะออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกลับมาประกาศว่าไม่เอาประยุทธ์ ตกลงที่ประกาศเช่นนี้เพราะแรงแค้นที่ถูกเตะออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีใช่หรือไม่ หากไม่เอาประยุทธ์จริงๆ แล้วทำไมยอมไปกินตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลประยุทธ์ ไหนตอบคำถามข้อนี้ให้ชัดทีสิพ่อคุณ...nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี