วันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ /

วันจันทร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 02.00 น.
โควิดระลอกใหม่ ดูแลรักษาอย่างไร

ดูทั้งหมด

  •  

กระแสความรู้สึกและดูเหมือนว่าจะมีความวิตกกังวลอยู่ด้วยในผู้คนจำนวนไม่น้อยในขณะนี้ก็คือเรื่องของการที่มีการกลับมาระบาดอีกครั้งหนึ่งของโรคโควิด-19 ซึ่งถึงแม้ว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมดจะไม่ได้ถูกนำเสนอออกมา เนื่องจากขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขจะรายงานเฉพาะตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่มีอาการมากและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยรายงานเป็นรายสัปดาห์เท่านั้นซึ่งหากมีการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดจริงซึ่งหมายถึงผู้ที่มีอาการเพียงเล็กน้อยด้วยนั้น ก็น่าจะมีจำนวนหลายหมื่นคนต่อวัน

ตัวเลขอย่างเป็นทางการของกระทรวงสาธารณสุขในรอบสัปดาห์ก่อนนั้น มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอาการมากและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามที่กล่าวไว้แล้ว 4,914 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 74 รายในจำนวนทั้งหมดนี้มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 553 ราย และมีผู้ที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจมากกว่า 319 ราย เป็นตัวเลขที่มากกว่าในรอบสัปดาห์ก่อนหน้านั้นพอสมควร ซึ่งแสดงว่าน่าจะมีการระบาดใหม่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากอาการโดยส่วนใหญ่ของผู้ติดเชื้อนั้นไม่รุนแรง จึงไม่เป็นกระแสข่าวที่ออกมาในทางลบมากนัก


ในเรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุขก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ดังจะเห็นได้จากการที่ได้มีการออกประกาศแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ฉบับใหม่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้ และเนื่องจากเป็นประกาศที่เป็นประโยชน์ไม่ใช่เฉพาะต่อผู้ที่อยู่ในกระบวนการรักษาเท่านั้น แต่จะเป็นประโยชน์ด้วยเช่นเดียวกันกับประชาชนในการที่จะได้รับรู้ในเรื่องของโรคนี้ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองและหากต้องติดเชื้อและเข้าสู่กระบวนการรักษาจะได้มีความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขในครั้งนี้ไม่ได้มีการอ้างอิงถึงสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019เนื่องจากเชื้อส่วนใหญ่ที่ระบาดอยู่ขณะนี้ยังเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการกลายพันธุ์ย่อยจำนวนอยู่บ้าง ก็ยังไม่มีข้อมูลใดๆ ว่าก่อให้เกิดอาการรุนแรงจนเป็นเรื่องที่น่ากลัวแต่อย่างใด

ดังที่ได้เคยกล่าวและเป็นเรื่องที่น่าจะต้องรับรู้โดยทั่วกันว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดใด ยี่ห้อใดและจำนวนเข็มเท่าใด ก็ไม่สามารถจะป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ เพียงแต่หากได้รับเชื้อเข้าไปสู่ภูมิต้านทานที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นจะมีปริมาณมากเพียงพอในการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงได้ โดยเฉพาะหากได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 3 เข็ม หรือ 4 เข็มขึ้นไป อาจจะมีข้อยกเว้นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทั้งในเรื่องของผู้สูงอายุ และผู้เป็นโรคในกลุ่ม 608 บางรายอยู่บ้าง

ใบประกาศฉบับดังกล่าวนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้แบ่งผู้ป่วยตามอาการและความรุนแรง เป็น 4 กลุ่มใหญ่โดยพิจารณาจากผู้ติดเชื้อเข้าข่าย ผู้ที่มีผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR ให้ผลบวก ทั้งผู้ที่มีอาการและไม่แสดงอาการ โดยแบ่งกลุ่ม ตามความรุนแรงของโรคและปัจจัยเสี่ยงเป็น 4 กลุ่มคือ

กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือสบายดี

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงหรือมีโรคร่วมสำคัญอื่นๆ

กลุ่มที่ 3 ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงแต่มีปัจจัยเสี่ยง หรือผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแต่มีปอดอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายได้แก่ อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป มีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือปอดเรื้อรังอื่นๆ โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง เบาหวาน ภาวะอ้วน ตับแข็ง ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำและผู้ติดเชื้อ HIV

กลุ่มที่ 4 ผู้ป่วยยืนยันที่มีปอดอักเสบและระดับออกซิเจนต่ำกว่า 94 เปอร์เซ็นต์

โดยได้มีแนวทางในการรักษา ตามระดับความรุนแรงของโรค ทั้ง 4 กลุ่มดังนี้

กลุ่มที่ 1 ให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอก โดยให้ยารักษาตามอาการ ไม่ให้ยาต้านไวรัส เนื่องจากส่วนมากหายได้เอง โดยปฏิบัติตัวตามแนวทาง DMH คือสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ

กลุ่มที่ 2 ให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอก โดยรักษาตามอาการ การให้ยาต้านไวรัสหรือไม่ให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ และปฏิบัติตัวตามแนวทาง DMH เช่นกัน

กลุ่มที่ 3 ผู้ป่วยกลุ่มนี้ นอกจากการรักษาตามอาการแล้ว จำเป็นต้องให้ยาต้านไวรัสร่วมด้วยเสมอ โดยขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่มีอยู่ว่ามากหรือน้อย ยาต้านไวรัสที่ใช้ในกลุ่มนี้มีอยู่ 4 ตัว ด้วยกันคือแพ็กซ์โลวิด (paxlovid) เรมดิซิเวียร์ (remdisivir) โมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ซึ่งทั้ง 3 ตัวนี้จะใชัได้ผลดีเมื่อเริ่มยาภายในระยะเวลา 5 วัน ตั้งแต่เริ่มมีอาการ โดยขนาดปริมาณและวิธีที่ให้นั้น เป็นไปตามข้อกำหนดของยาแต่ละตัว ส่วนยาตัวที่ 4 ที่ถูกนำมาใช้ขณะนี้มีชื่อว่า LAAB (Long Acting Antibody) เป็นภูมิต้านทานสำเร็จรูป โดยเป็นยา 2 ตัวซึ่งนำมาใช้พร้อมกันด้วยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณสะโพกอย่างละ 1 เข็ม ควรฉีดภายใน 5 วัน เมื่อเริ่มมีอาการ มีข้อบ่งชี้เฉพาะในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องล้างไต ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมได้ไม่ค่อยดี ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ เป็นยาราคาแพงและต้องเบิกจ่ายเป็นกรณีเฉพาะเท่านั้น

กลุ่มที่ 4 ผู้ป่วยกลุ่มนี้แนะนำให้เริ่มต้นรักษาโดยยาเรมดิซิเวียร์อย่างเร็วที่สุด โดยต้องให้เป็นระยะเวลา 5-10 วันแล้วแต่อาการทางคลินิก ผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องให้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ร่วมด้วยเสมอนอกเหนือจากยาตามอาการอื่นๆ ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งของกลุ่มนี้อาจจะต้องเข้ารับการรักษาในแผนกผู้ป่วยหนักและต้องใส่ท่อช่วยหายใจ

กรณีที่โรคโควิด-19 เกิดในเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีก็ยังคงจัดกลุ่มตามความรุนแรงของอาการเป็น 4 กลุ่มเช่นเดียวกับในผู้ใหญ่ โดยผู้ป่วยตั้งแต่กลุ่ม 2 ขึ้นไปอาจต้องให้ยาฟาวิพิราเวียร์ร่วมด้วยเป็นเวลา 5 วัน ส่วนผู้ป่วยกลุ่ม 3 จะให้ยาเเรมดิซิเวียร์ 3 วัน หรือฟาวิพิราเวียร์ 5 วันตามการพิจารณาของแพทย์ รวมทั้งยังอาจใช้ยาแอร์ LAAB ได้ด้วย ในพวกที่มีปัจจัยเสี่ยงรุนแรง

ส่วนในกลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มที่ 4 ที่เกิดขึ้นในเด็กช่วงอายุดังกล่าว ยาต้านไวรัส ที่แนะนำให้ใช้ในขณะนี้คือเรมดิซิเวียร์เท่านั้น โดยต้องให้ร่วมกับยากลุ่มสเตียรอยด์ตามดุลยพินิจของแพทย์

ขอกล่าวถึงการรักษาโรคโควิด-19 ในหญิงตั้งครรภ์ด้วย เพราะว่าการตั้งครรภ์ถือว่าเป็นอาการเสี่ยงและการใช้ยาต้านไวรัสยังมีข้อจำกัด ฉะนั้นเมื่อป่วยเป็นโควิด-19 นั้น จะต้องดูอายุของการตั้งครรภ์ประกอบการรักษาด้วยเสมอ ห้ามใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 1 เนื่องจากยาตัวนี้จะทำให้เด็กอ่อนในครรภ์เสียชีวิตหรือพิการได้ แต่สามารถจะใช้ได้ในหญิงตั้งครรภ์ไตรมาส 2 และ 3 ตามการพิจารณาของแพทย์ร่วมกับผู้ป่วยและญาติ กรณีที่แพทย์เห็นว่าจะต้องให้ยาต้านไวรัสนั้น ยาที่อาจจะปลอดภัยในขณะนี้คือเรมดิซิเวียร์ซึ่งสามารถใช้ได้ในการตั้งครรภ์ทุกไตรมาส โดยควรให้ผู้ป่วยและญาติได้ร่วมตัดสินใจกับแพทย์ในการให้ยาเพื่อการรักษาเสมอ ยาโมลนูพิราเวียร์ซึ่งใช้ได้ผลค่อนข้างดีในผู้ใหญ่นั้น ห้ามนำมาใช้ในหญิงมีครรภ์เพราะจะทำให้เกิดความพิการของเด็ก

สำหรับยาฟ้าทะลายโจรซึ่งเป็นยาที่มีการนำมาใช้เองอย่างแพร่หลายโดยประชาชนนั้น ยังสามารถใช้ได้ในผู้ป่วยที่มีอาการน้อยและไม่มีปัจจัยเสี่ยงในผู้ที่ไม่มีข้อห้ามในการใช้ยาตัวนี้ แนะนำให้ใช้ชนิดแคปซูลขนาด 400 mg ของอภัยภูเบศร ซึ่งใน 1 เม็ดจะมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ประมาณ 12 มิลลิกรัม โดยรับประทานครั้งละ 5 เม็ด วันละ 3 เวลาก่อนอาหารเป็นระยะเวลา 5 วัน ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง และห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ

ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าขณะนี้ผู้ป่วยที่มีอาการและสงสัยว่าเป็นโรคโควิด-19 นั้นจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามที่มีสิทธิพื้นฐานอยู่เท่านั้น ยกเว้นเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วยรุนแรงที่กระทบต่อการหายใจ ที่อาจจะเข้าข่ายผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ซึ่งยังสามารถจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งได้

ในระบอบประชาธิปไตยนั้นประชาชนทุกคนต้องรู้จักทั้งเรื่องสิทธิและหน้าที่ ซึ่งจะต้องนำมาใช้ควบคู่กันเสมอ การอ้างเพียงสิทธิอย่างเดียวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และการใช้สิทธิ์นั้น ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นเป็นอันขาด รวมทั้งประชาชนต้องมีหน้าที่ตามที่กรอบกฎหมายได้กำหนดไว้เสมอ

นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:52 น. 'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!
22:29 น. น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง'อดีตรองเสธ.กัมพูชา' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น
22:22 น. ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม
22:13 น. ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย
21:41 น. หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
ปิดตำนาน156ปี! 'กษัตริย์ชาร์ลส์'ประกาศปลดระวาง'รถไฟหลวง' สมาชิกราชวงศ์ไปใช้รถไฟปกติแทน
'เท้ง'แย่แล้ว!! เจอขบวนรถทัวร์แห่คอมเมนต์แจกพยัญชนะไทยฉ่ำ!!
บิ๊กเนม'ปชป.'ร่วมวงเพียบ!! 'คุณหญิงกัลยา'ตั้ง'พรรคไทยก้าวใหม่' พร้อมตั้ง'สุชัชวีร์'นั่งหัวหน้าฯ
‘ทักษิณ‘ พร้อมลูกสาว ’เอม พินทองทา‘ เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก คดี ม.112
ดูทั้งหมด
ต้องเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือ
บุคคลแนวหน้า : 6 กรกฎาคม 2568
ชีวิตประจำวันของผม-การทำงาน
หน้าต้องทนสูงมาก จึงทำแบบนี้ได้
วิวาทะ ว่าด้วย‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!

ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม

หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต

อุบตอบมีชาติไหนบ้าง?! 'ทรัมป์'ลงนามจดหมายแจ้งภาษีตอบโต้12ประเทศ พร้อมร่อน7ก.ค.นี้

โหดเหี้ยม! คนร้ายซุ่มยิง‘ตำรวจ’ สภ.กรงปินัง เสียชีวิต หน้าร้านสะดวกซื้อใน จ.ยะลา

'องค์ดาไลลามะ'หวังมีพระชนม์ชีพยืนยาวนานถึง130ปี ก่อนกลับชาติมาเกิดเป็นผู้นำทิเบต

  • Breaking News
  • \'อดีต ส.ว.สมชาย\'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!! 'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!
  • น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง\'อดีตรองเสธ.กัมพูชา\' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง'อดีตรองเสธ.กัมพูชา' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น
  • ครั้งแรกในรอบ102ปี! \'ฝรั่งเศส\'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม
  • ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย
  • หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต
ดูทั้งหมด
Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved