วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
สถานการณ์ของโรคโควิด-19 ที่ดูเหมือนว่าจะสงบลงไปในช่วงเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมา จนทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เกิดความวิตกกังวลอีกต่อไป ก็มีทีท่าว่าจะไม่เป็นไปเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ จำนวนของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าปกติที่เคยเป็น ที่ปรากฏชัดเจนก็คือตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายใหม่และมีอาการที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เคยอยู่ในระดับต่ำกว่า 200 รายต่อสัปดาห์มาโดยตลอดได้เปลี่ยนไป โดยข้อมูลในระหว่างวันที่ 9-15 เมษายน ของกระทรวงสาธารณสุขพบว่ามีผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลรวมทั้งสิ้น 435 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 19 ราย
จากสภาพความเป็นจริงในโรงพยาบาลต่างๆ ขณะนี้ไม่ว่าจะของภาครัฐหรือเอกชนพบว่ามีผู้ที่มีอาการบ่งชี้ว่าน่าจะเป็นโควิด-19 เข้ารับการตรวจรักษา และพบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคยเป็นอย่างชัดเจน แต่ก็ยังเป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่ได้มีอาการรุนแรงที่จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ยกเว้นในกลุ่มผู้ป่วยเสี่ยง 608 ตามเกณฑ์เดิมที่ใช้อยู่ หากมีอาการมากพอสมควรจะถูกรับไว้ในโรงพยาบาล เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
ข้อมูลในขณะนี้พบว่า เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอมิครอน ที่มีรหัสประจำตัวว่า XBB .15 ซึ่งเป็นต้นเหตุของผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ ได้ถูกแทรกแซงโดยเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ที่มีรหัสว่า XBB.1.16 โดยเชื้อตัวใหม่นี้ถูกพบครั้งแรกๆ ในอังกฤษและอินเดีย แต่ขณะนี้ก็แพร่กระจายไปในหลายประเทศมากกว่า 22 ประเทศแล้วรวมทั้งสหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบเอเชียอื่นๆ อาทิเช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และรวมทั้งประเทศไทยซึ่งมีผู้ติดเชื้อตัวนี้เพิ่มมากขึ้น
จากการศึกษาพบว่า เชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้เป็นเชื้อที่มีการติดต่อและแพร่กระจายได้ง่ายกว่าเชื้อตัวเดิม และยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันชัดเจนว่าเชื้อตัวนี้เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดอาการรุนแรงมากกว่าโอมิครอนสายพันธุ์เก่า โดยขณะนี้พบว่าเชื้อตัวใหม่คือ XBB.1.16 นั้นมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งในบางประเทศเกินกว่าร้อยละ 20 ของผู้ที่ติดเชื้อ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในประเทศไทยนั้นมีการยืนยันผู้ติดเชื้อตัวนี้แล้วอย่างน้อย 8 ราย ซึ่งโดยความจริงเชื่อว่ามีมากกว่านี้เป็นจำนวนพอสมควร
จะขอนำข้อมูลจากการแถลงของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ 2-3 ท่านมาเพื่อให้ได้รับทราบโดยทั่วกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมทั้งการดูแลป้องกันตัวเองเพื่อให้ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 จากเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้
ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เรียกชื่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ว่า “ดาวดวงแก้ว” เป็นการเรียกแทนดาว Archturus ซึ่งน่าจะมาจากชื่อของเทพในนิยายกรีกโบราณที่ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของดาวดวงหนึ่งที่มีความสว่างมาก และรู้จักกันว่าเป็นดาวที่มีหน้าที่ปกป้องหมี
โดยอาจารย์ได้กล่าวว่าโรคจากเชื้อไวรัสตัวใหม่นี้เพิ่งเริ่มระบาด และจะระบาดสูงสุดในเดือนมิถุนายน จะไปลดลงในเดือนกันยายนตามฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจซึ่งในช่วงนี้เป็นฤดูฝนและโรงเรียนเปิดเทอม โอกาสของการระบาดจึงจะมีสูงขึ้น เชื้อใหม่ที่เกิดขึ้นนี้กลายพันธุ์มาจากโอมิครอนดั้งเดิมที่มีรหัสว่า BA .2.75 เปลี่ยนมาเป็น XBB.1.5 และเปลี่ยนต่อมาเป็น XBB.1.16 เป็นการกลายพันธุ์ในตำแหน่งหนามแหลม (spike protein) โดยเป็นเชื้อที่แพร่กระจายได้ง่ายกว่าและ เร็วกว่า XBB.1.5 ประมาณ 1.2 เท่า อาการที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยจากเชื้อนี้อาจจะมากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนได้บ้าง และอาจจะพบมีอาการตาแดงร่วมด้วยโดยเฉพาะในเด็ก ในเรื่องของการดูแลรักษานั้นยังคงเหมือนเดิม โดยต้องเฝ้าระวังใน กลุ่มเสี่ยง 608 และเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี
ในส่วนของการใช้วัคซีน เนื่องจากเชื้อสายพันธุ์ XBB ทุกตัว หลบหลีกภูมิต้านทานเดิมได้ดี โรคนี้เมื่อเป็นแล้วจึงมีโอกาสเป็นอีกได้ การฉีดวัคซีนยังคงเป็นการใช้เพื่อป้องกันอาการรุนแรงของโรคเท่านั้น โดยแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 608 ควรได้รับวัคซีนกระตุ้นหากได้รับเข็มก่อนหน้านี้มาเกินกว่า 6 เดือนแล้ว สำหรับสตรีมีครรภ์ให้พิจารณากระตุ้นตามความเหมาะสม ซึ่งต่อไปการฉีดวัคซีนจะถูกปรับให้เป็นการฉีดประจำปี โดยฉีดก่อนเริ่มเข้าฤดูฝน ส่วนในคนปกติและอายุน้อยกว่า 60 ปี นั้น การฉีดวัคซีนคงจะขึ้นอยู่กับความสมัครใจ
ส่วนมาตรการในการป้องกันที่สำคัญก็คงเหมือนเดิม อันได้แก่การใส่หน้ากากอนามัย การหมั่นล้างมือและการรักษาระยะห่าง สิ่งที่จะต้องเน้นคือการเฝ้าระวังสถานที่ที่มีบุคคลรวมกันอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น เรือนจำ โรงเรียน ต้องดูแลในเรื่องความสะอาด สุขอนามัย การล้างมือ นักเรียนที่ป่วยไม่ควรไปโรงเรียน และผู้ป่วยทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัดและมีระเบียบวินัย
ความเห็นจากแพทย์อีกท่านหนึ่ง คือนายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน ซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้เชี่ยวชาญ โรคปอดวิกฤตบำบัด ได้ให้ความเห็นในเรื่องเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 ไว้ว่า เชื้อตัวนี้กำลังเริ่มระบาดมากขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และน่าจะเป็นเชื้อหลักในอนาคตอันไม่ไกลนี้โดยเชื้อดังกล่าวเป็นเชื้อที่ติดต่อและแพร่กระจายได้ง่ายจริง ผู้ที่ป่วยจากการติดเชื้อตัวนี้จะมีอาการไม่ต่างจากเชื้ออื่น คือมีไข้ซึ่งอาจจะสูงได้ ไอ เจ็บคอมาก ปวดศีรษะ ปวดตามเนื้อตัว คลื่นไส้อาเจียน หรือท้องเสียได้ด้วย ยกเว้นอาการที่ไม่ได้กลิ่นหรือรู้รส ไม่ค่อยพบในผู้ติดเชื้อตัวนี้
ในส่วนของการรักษานั้น กรณีที่มีอาการรุนแรงหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น อายุมาก มีโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้มีโรคความดัน หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต่างๆ เหล่านี้ยาที่ได้ผลดีหากเป็นยาฉีดคือเรมเดซิเวียร์ ซึ่งผู้ป่วยต้องพักรักษาในโรงพยาบาล ส่วนยากินนั้นคือแพ็กซ์โลวิด ซึ่งเป็นยาผสมของยาต้านไวรัส 2 ตัว แต่ยาตัวนี้มีข้อเสีย คืออาจจะมีปฏิกิริยากับยาบางอย่าง ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน กรณีที่มีการใช้ร่วมกัน เช่น ยาลดความดัน ยาละลายลิ่มเลือดยาลดไขมัน เป็นต้น จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ส่วนยาโมลนูพิราเวียร์ก็ยังเป็นยาที่ได้ผลอยู่พอสมควรในการป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงมากขึ้น และหลังจากรักษาจนอาการดีขึ้นแล้วยังคงต้องกักตัวเป็นระยะเวลา 5 วัน หลังจากนั้นแนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัย อีกประมาณ 10 วัน
เรื่องของการฉีดวัคซีนนายแพทย์ธานีแนะนำว่า ในกลุ่มเสี่ยงหลังจากเคยได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไปและอยู่ในพื้นที่ระบาด ก็ควรจะเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ โดยแนะนำให้ใช้วัคซีนเอ็มอาร์เอนเอชนิดใหม่ที่เป็น Bivalent ที่น่าจะให้ผลในการป้องกันอาการรุนแรงได้ดีกว่าวัคซีนสายพันธุ์เดียว ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยงและมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ส่วนวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปที่เรียกกันว่า LAAB และประเทศไทยได้ใช้อยู่บ้างนั้น ไม่ควรจะนำมาใช้อีกต่อไป เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันถึงประโยชน์ที่ได้รับ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ยกเลิกการใช้ไปแล้ว
ศาสตราจารย์แพทย์หญิงกุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคติดเชื้อในเด็ก ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ที่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้ให้ความเห็นไว้ว่า โควิด-19 เป็นโรคที่จะอยู่กับมนุษยชาติตลอดไป โดยเชื้อไวรัสจะเกิดการกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ และสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนได้ จากที่มีการระบาดของเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่เป็น BA.2.75 มานานพอสมควร ทำให้เกิดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่หลบภูมิคุ้มกันได้มาแทนที่ ซึ่งก็คือ XBB.1.16 ที่เป็นเชื้อที่แบ่งตัวได้เก่งกว่าเดิม ทำให้มีการแพร่กระจายได้ง่าย และติดต่อได้มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นเชื้อที่มีความรุนแรงมากขึ้น และยังไม่ดื้อต่อยาตัวใด
แต่สำหรับกลุ่มเสี่ยงนั้น เชื้อทุกตัวมีโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการรุนแรงได้ จึงควรเป็นกลุ่มที่ได้รับวัคซีนกระตุ้นหลังจากเข็มสุดท้ายตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่ฉีดไว้เดิมเริ่มแผ่วลงแล้วโดยท่านได้กล่าวว่า วัคซีนชนิด Monovalent ซึ่งใช้อยู่เดิมยังได้ผลอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าวัคซีนชนิด Bivalentจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีกว่า แต่ก็มีปัญหาเรื่องปริมาณและการกระจายของวัคซีนในประเทศไทยยังไม่ทั่วถึง การฉีดวัคซีนที่สามารถหาได้จึงเป็นเรื่องที่ควรกระทำ โดยในอนาคตก็คงต้องฉีดวัคซีนปีละ 1 เข็มเป็นประจำในช่วงก่อนเข้าฤดูฝน ที่จะเป็นช่วงของการที่มีการระบาดของไวรัสต่างๆซึ่งรวมทั้งไข้หวัดใหญ่ ที่ประชาชนคุ้นเคยดีอยู่แล้ว
จะเห็นว่าความเห็นของอาจารย์ทั้ง 3 ท่าน ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก และทุกท่านยังยืนยันว่าการป้องกันโรคโควิด-19ที่ดีที่สุด คือการป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือบ่อยๆ และการรักษาระยะห่างกับผู้คนอื่น ร่วมกับการฉีดวัคซีน ซึ่งจะต้องมีการฉีดเข็มกระตุ้น เป็นระยะๆไป ตามความเหมาะสม เพื่อลดโอกาสของการเป็นโรคโควิด-19 ซึ่งจะเป็นโรคที่อยู่กับมนุษยชาติตลอดไป
นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร

ธรรมนัส สั่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าไข่ไก่ แก้ปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำ
‘อุ้ม-ตัง-มุ้ย’มาแล้ว!‘จู๊ดเบลล์’ประเดิมช้างศึกแบโผแข้งชี้ชะตาเอเชียนคัพ
นายกฯลั่นไม่มีใครใหญ่กว่า 'บิ๊กต่าย' แถมมี 'สมอลหนู' คอยดู ท้าผู้หวังดีบอกชื่อจริง อย่าเผยแค่ตัวย่อ
‘สหมงคลฟิล์มฯ’ คอนเฟิร์ม ‘เสือ’ ได้ไปต่อ!ขยาย ‘จักรวาลเสือ’
ศาลเลื่อนอ่านอุทธรณ์ ไปปีหน้า คดีหวย ‘หงษ์ทอง’ ขายเกินราคา เหตุจำเลยยังไม่ทราบนัด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี