วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
อียิปต์มีอารยธรรมเจริญรุ่งเรืองระดับสูง ตั้งแต่ 3,500 ปีก่อนค.ศ.ในขณะที่ “ชาวยิว” หรือ “ชาวเฮมรู” หรือ “ชาวอิสราเอล” เมื่อ 2,000 ปีก่อนค.ศ.เป็น “ชนกลุ่มน้อย” ที่เร่ร่อนอยู่ในทะเลทรายอาหรับที่กว้างใหญ่ไพศาล
ชาวยิวต่างเกิดความ “มุ่งมั่น” จะเดินทางไปสู่ “แผ่นดินพระจันทร์เสี้ยวอันรุ่งเรือง (Fertile Cresent)”ที่ชาวยิวต่างกล่าวว่า “เป็นแผ่นดินที่พระเจ้าให้คำมั่นว่า
จะมอบให้แก่ชาวฮิบรู”
ชาวยิวรุ่นแล้วรุ่นเล่าต่างดั้นด้นจะไปสู่ “แผ่นดินแห่งคำมั่นสัญญา” ดังกล่าว ซึ่งมีชนชาติกลุ่มอื่นครอบครองอยู่และต่อต้านยิวไม่ให้มาแย่งชิงง่ายๆ
การหาช่องทางไปตั้งถิ่นฐานใน “แผ่นดินแห่งคำมั่นสัญญาจากพระเจ้า” ชาวยิวกลับหลงทางล่วงล้ำเข้าเขตแดนอียิปต์ จึง “ถูกจับเป็นทาสใช้งานหนักในการสร้าง
พีระมิด”
“ยิวเป็นทาสในอียิปต์ยาวนานถึง 430 ปี” แล้วได้ผู้นำชื่อ “โมเสส” พาหนีรอดพ้นจากอียิปต์ได้สำเร็จ (ฮอลลีวู้ดเคยสร้างเป็นหนังเรื่องบัญญัติ 10 ประการ) แล้วเดินทางไปถึง “แผ่นดินแห่งคำมั่นสัญญาจากพระเจ้า” ได้สำเร็จ และสร้างบ้านแปงเมืองขึ้นมา“ดินแดนดังกล่าวก็คือปาเลสไตน์” หรือ “ดินแดนวงแหวนแห่งพระจันทร์เสี้ยว”
หลังจาก “โมเสส” ได้พาชาวยิวสร้างเมืองอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์เป็นที่เรียบร้อย และได้ลาจากโลกนี้ไป อาณาจักรอิสราเอลก็มีกษัตริย์ที่เป็น “มหาบุรุษ” ทำการปกครองมาสามองค์ ได้แก่
“กษัตริย์ซาอูร์ กษัตริย์ดาวิด และกษัตริย์โซโลมอน” (ฮอลลีวู้ดได้สร้างเป็นหนังทุกองค์กษัตริย์ โดยเฉพาะกษัตริย์โซโลมอน ในหนังเรื่อง Solomon
and Sheba สร้างในปี 1959 นำแสดงโดย ยูล บรีนเนอร์ เป็นหนังสุดดังไม่แพ้เรื่อง บัญญัติ 10 ประการ)
หลังจากกษัตริย์โซโลมอนสิ้นพระชนม์ “อาณาจักรอิสราเอลในปาเลสไตน์” ก็แตกแยกเป็นสองประเทศ “ฝ่ายเหนือ” เรียกตัวเองเป็น “อาณาจักรอิสราเอล” เหมือนชื่อเดิม “ฝ่ายใต้” เรียกว่า “อาณาจักรยูดาห์” แล้วเกิดความขัดแย้ง “รบกันเอง”อย่างยาวนาน
ในที่สุด “อาณาจักรอิสราเอล” ก็ถูก “อัสซีเรีย ยึดครองในปี 730 ปีก่อนค.ศ.” และ “อาณาจักรยูดาห์” ก็ถูก “อัสซีเรียยึดครองในปี 701 ก่อนค.ศ.”
หลังจากนั้น อัสซีเรียก็รบแพ้เปอร์เซีย ดินแดนยิวก็ตกเป็นของอาณาจักรเปอร์เซีย และเป็นของอาณาจักรกรีกตามลำดับ จนถึง “ปีที่ 66 ก่อนค.ศ.โรมันก็ได้ครอบครองปาเลสไตน์แทนกรีก” แล้ว “โรมันได้ขับไล่ยิวทุกคนให้พ้นจากปาเลสไตน์”
นับแต่นั้นมา “ยิวทุกคนจึงกลายเป็นคนไร้ประเทศ” แล้วกระจัดกระจายไปทั่วตะวันออกกลาง กระจายไปทุกประเทศทั่วยุโรปและทั่วโลกในลำดับถัดมา
แม้จะ “สิ้นชาติ” ไปกว่า 2,000 ปี “ยิวก็ยังรักษารากเหง้าแห่งความเป็นยิวได้อย่างเหนียวแน่นอัศจรรย์” โดยเกิดจากการนับถือศาสนายิวและเชื่อมั่นในพระเจ้าองค์เดียวคือ “ยะโฮวา”
ชาวยิวไร้ประเทศมายาวนานกว่า 2,000 ปี จนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 องค์การไซโอน (Zion Movement) ของชาวยิวทั่วโลกที่ (ร่ำรวยมหาศาลและมีอิทธิพลต่อรัฐบาลและสหรัฐและชาติตะวันตกทุกประเทศ) ได้แตะมือกับรัฐบาลอังกฤษซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมในตะวันออกกลางได้ยกดินแดนปาเลสไตน์ให้ตั้งเป็นประเทศอิสราเอลในปีค.ศ.1949 โดยแผ่นดินนี้มีชาติอาหรับปักหลังต่อจากยิวมายาวนานกว่า 2,000 ปีเช่นกัน
ดังนั้น “ปัญหาแย่งแผ่นดินปาเลสไตน์” จึงกลายเป็น “ตำนานสงครามอมตะ”ที่ “จบไม่ได้”
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม

ถึงอ่างทองแล้ว! ชายพิการปั่นจักรยานจาก'แม่สาย-กรุงเทพฯ' กราบพระบรมศพ'พระพันปีหลวง'
เยี่ยม'น้องลูกชิ้น' เด็ก16ปีหนัก180 กก. แม่สุดปลื้มลูกชายจะกลับมาเดินได้
'โฆษกรัฐบาล'แจงนโยบาย'แก้ไขหนี้เสียต่ำแสน' ลดเงื่อนไขชำระ ให้ลูกหนี้กลับเข้าระบบ
'ในหลวง-พระราชินี'พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆเฝ้าฯถวายเงิน
สวยงามแปลกตา! ยอดเขาแหลม ที่ทองผาภูมิ เปล่งประกายสีทองอร่าม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี