“บุคคลแนวหน้า ใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า/ แนวหน้าออนไลน์,www.naewna.com สื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้“ไม้หน้าสาม ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏ ให้สังคมไทยเท่าทันเล่ห์ทันเหลี่ยม นักการเมืองเสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติ ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสี ติ่งแดงด้อมส้ม ผู้ใฝ่หาโลกกว้างอย่างเท่าเทียม” เริ่มกันที่ “สัจธรรมแห่งชีวิต”...“ปรีชา สุดสงวนอธิบดีอัยการคดีอาญา” ไม่กลัวน้ำร้อน “เห็นโจรขึ้นคานหาม เอามือประสานกัน” ตั้งโต๊ะแถลงหลัง “โจรอุบาทว์โกงบ้านกินเมือง ฉ้อฉลเงินภาษีประชาชน”เข้าพบในคดีความผิดมาตรา 112 ว่า “ทักกี้/ทักษิณ ชินวัตร”มีอาการป่วยเข้าขั้นวิกฤต เดินไม่ไหว พูดไม่ค่อยได้ ประมาณว่าจะตายวันตายพรุ่งเสียอย่างนั้น...เท่ากับทนายแผ่นดินทำหน้าที่แพทย์ผู้รักษาปกป้องวินิจฉัยอาการผู้ป่วยจบสิ้นกระบวนความ...ผมนั่งคุยกับท่าน ท่านคุยไม่มีเสียงเลยดูสภาพแล้ว ป่วยจริงๆ” จะอย่างไรไม่รู้แหละ จากนี้ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่ตามบทบัญญัติอย่างเถรตรงให้สมราคาภาษีที่ประชาชนจ่าย...

nn “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท” หมดมุขถึงกับออกอาการไม้เขี่ย “สุนัขเน่า” ที่หน้าท่าน้ำลั่นไม่นานเกินรอ 10,000 บาทมาแน่มาช้าแต่มาชัวร์อ้างเปิดประตูออกจากบ้านมาดำเนินการไม่ได้ถูกดักตีหัว...ยันต้องกระตุ้นเศรษฐกิจวิกฤตตามนโยบายที่ประกาศ...

nn จนถึงวินาทีนี้ วินาทีที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ต้องถูกจดจำในคราบโจรอุบาทว์โกงบ้านกินเมืองฉ้อฉลเงินภาษีประชาชนเข้าพกเข้าห่อตัวเอง ส่วนเศษเนื้อข้างเขียงก็ให้ติ่งให้ลิ่วล้อได้ใช้ลิ้นเลียพอรับรู้รสชาติแลกกับอิสรภาพของคนในตระกูลและคนใกล้ชิดลิ่วล้อ ส่วนจอมบงการเล่นละครบทป่วยนอนบนฟูกสบายแอร์เย็นฉ่ำจนครบกำหนดกติกาพักโทษ กลับบ้านอย่างเท่ “โจรกระจอก”ที่เหลือก็แค่ “โคกระบือให้สนตะพาย” เท่านั้น...“ไม่ติดใจอะไรดอก แต่พวกเขาจะไม่มีวันลืม เขาจะจดจำ ตลอดไปจนแก่เฒ่ารอโอกาสเล่าขานความอัปรีย์จัญไรของตระกูลนี้ให้ลูกหลานฟัง คนชื่อนี้นามสกุลนี้ เรื่องราววงศาคณาญาติพวกนี้ สิ่งที่เกิดวันนี้ มีอะไรบ้างทั้งในแง่บวกแง่ลบที่ตรึงอยู่ในความทรงจำของเราและ digital footprint มากมายชั่วกัปชั่วกัลป์”...

nn คิวต่อไปกระดิกนิ้วเท้านับวันรอเวลา “จ๊าดง่าว– ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” โซซัดโซเซกลับเข้าประเทศตามไอดอลแน่นอน ทว่า “ยิ่งลักษณ์” จะซมซานซมเซมาในมาดผู้ป่วยเยี่ยงพี่ชายคงไม่ได้ หนังม้วนใหม่ผู้แสดงคนใหม่บทบาทลีลาพลิ้วโยกย้ายย่อมแตกต่างกันไป ที่สำคัญอายุอานามเพิ่งจะ 50 ปลายๆ ยังไม่หกสิบด้วยซ้ำคงต้องหาเล่ห์เพทุบายนานหน่อย งานนี้ “ทักกี้” คงไม่ปล่อยให้น้องสาวเฉาตายต่างประเทศแน่นอน...

nn ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน เป็นสัจธรรมที่ยึดถือและปฏิบัติมาได้ตลอดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา จาก “นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร” ได้ “พักโทษ” ชนิดหนึ่งเดียวในโลกที่ประดา เสนาบดีและอัครเสนาบดีเรียงหน้ามายืนยันว่า “นักโทษอุบาทว์ที่โกงบ้านกินเมือง ฉ้อฉลเงินภาษีอากรประชาชน” เข้าพกเข้าห่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตาม “ก.ม.” แล้ว หน้าไม่ด้านจิตไม่ไร้สามัญสำนึกจริงคงสำรอกสำรากอย่างไร้ยางอายเยี่ยงนี้ไม่ได้แน่ เพราะ “ก.ม.” ที่พวกท่านทั้งหลายขากถุยสสส์สำรอกสำรากนั้นมันเป็นอักษรย่อของคำว่า “กฎแม้ว” เสียมากกว่า “กฎหมาย” สังคมไทยส่วนใหญ่ทานข้าวทานอาหารครบ 5 หมู่บางทีมีอาหารเสริมอีกต่างหาก ไอ้ที่ทานหญ้าให้สนตะพายตอนนี้คงมีน้อยแล้วว่าไหม “ติ่งแดง/ด้อมส้ม”...

nn การเดินทางมาของ “สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน (ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา)” เพื่อเยี่ยมเยียนพี่ชายที่ป่วยตายวันตายพรุ่งที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เมื่อกลางสัปดาห์ คนชาญฉลาดบริหารองค์กรใหญ่โตอย่าง “เศรษฐา ทวีสิน ศฐ 30” น่าจะสำเหนียก กับ “สถานภาพส่วนตน”ได้เป็นอย่างดี จากนี้แม่น้ำทุกสายคงไหลเข้า-ออก ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 แทน “บ้านพิษณุโลก,ตึกสันติไมตรี” เป็นแน่แท้ ใครก็รู้ว่า “สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน” มีอำนาจเบ็ดเสร็จในราชอาณาจักรกัมพูชาแค่ไหน ไอ้ที่ถ่ายโอนอำนาจให้บุตรชายเป็นนายกรัฐมนตรีก็แค่ปาหี่การละครเหมือนบทละครในประเทศไทยเท่านั้น อย่างนี้เรื่องแหล่งพลังงานธรรมชาติบนพื้นที่ทับซ้อน น้ำหน้าอย่าง “หนูน้อยถุงเท้าแดง – เศรษฐา ทวีสิน” จะมีปัญญามากพอจะเจรจาให้เกิดความสำเร็จเป็นประโยชน์แก่ราชอาณาจักรไทยอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยกระนั้นหรือ จำได้ว่า “บทบรรณาธิการนสพ.แนวหน้า” เคยนำเสนอเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงที่ราคาพลังงานเชื้อเพลิงในตลาดโลกถีบตัวสูงขึ้นจนเกินเยียวยา เรื่องนี้มีเอ็มโอยูนำทางท่านอยู่แล้ว เหลือแค่ผลประโยชน์ที่ใครควรได้เท่าใดเท่านั้นและแบ๊กอัพควรจะเป็นใคร ระหว่าง “จักรวรรดินิยมอเมริกา” พญาอินทรีที่จ้องทึ้งเลือดเนื้อเอาเปรียบราษฎรทั้งสองประเทศ หรือจะเป็น “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ที่เป็นมหามิตรของราชอาณาจักรไทยมาตลอด ทั้งยังมีสายสัมพันธ์กับ “สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน” อย่างแนบแน่นโดยเฉพาะด้านการลงทุน...

nn ทิ้งท้าย ใครไม่อาย ผมอาย อายมากที่ผู้บริหารประเทศของเราเป็นแบบนี้ไปได้ ท่านทราบกันไหมว่า รัฐบาลสิงคโปร์ภายใต้การบริหาร ของ “ลี เซียน ลุง” เสนองบประมาณปี 2024 ของสิงคโปร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมบัตรกำนัลช็อปปิ้งมูลค่า 600 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 16,000 บาท มากกว่าเงินดิจิทัลรัฐบาลเพื่อไทยเสียอีก) สำหรับแต่ละครัวเรือนโดยแบ่งแจกเป็นสองรอบในเดือนมิถุนายนและมกราคมปีหน้ารัฐบาลสิงคโปร์ย้ำว่าการแจกเงินเป็นเรื่องประชาสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนที่สูงขึ้น ไม่ได้ย้ำว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้จีดีพีโตขึ้นอย่างที่ “รัฐบาลเป็ดง่อย/ดาวไร้แสง” สำรอกสำรากทุกวี่วัน สิงคโปร์ปรับตัวให้สอดคล้องกับกรอบการทำงานระหว่างประเทศในการปฏิรูปกฎเกณฑ์ที่มุ่งแก้ไขปัญหาการเก็บภาษีที่ไม่สอดคล้องกันในประเทศต่างๆ “กระทรวงพาณิชย์สิงคโปร์รายงานว่าการเติบโตมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและอุปสงค์ทั่วโลกที่ดีขึ้น” หมายความว่าอย่างไร หมายความว่านโยบายนี้ของสิงคโปร์จะไม่มีการกู้เงินมาแจกประชาชนและกลุ่มเปราะบางในประเทศ แต่กล้าหาญที่จะ “ปรับภาษีมูลค่าเพิ่มหรือจากธุรกิจที่มีกำไรสูง” ... ฮะ ... ฮะ ... ฮ่ะ ...ฮา ... ฮ่า ทว่านักการเมืองไทย “สติว ปิด” มีมิติมองอย่างเดียวคือเงินกู้ที่ไม่ต้องกระทบธุรกิจตนเองและพวกพ้องจนขาดพันธมิตรอีกต่างหาก ที่สำคัญกู้แล้วประชาชนชดใช้ อย่าง “โครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ด” งบประมาณปี 2567 รัฐบาลตั้งใช้หนี้ไว้เท่าใด

ไม้หน้าสาม