วันอังคาร ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันอังคาร ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.
พลังแผ่นดินไทย

ดูทั้งหมด

  •  

1. เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2568 พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา โดยพลโทสรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย นำโดย พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วย พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่บริเวณช่องบก

จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบการปรับการวางกำลังให้กลับไปสู่แนววางกำลังเดิมเมื่อปี พ.ศ. 2567 เพื่อลดการเผชิญหน้า


พร้อมทั้งกลบคูติดต่อ(คูเลต) กลับไปสู่สภาพเดิม สร้างบรรยากาศที่เกื้อกูลต่อการประชุม JBC ใน 14 มิ.ย. 2568 ซึ่งเป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืนต่อไป

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้ กลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางหารือการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่องในอนาคต

2. ฝ่ายกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ ยืนยันไม่มีการถอนทหารออกจากพื้นที่อธิปไตยกัมพูชา การปรับกำลังมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมพร้อมปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนเท่านั้น

แถลงการณ์ระบุว่า

“1. ไม่มีการถอนทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของกัมพูชา และที่กองทัพกัมพูชายึดครองมาเป็นเวลานาน

2. การเตรียมกำลังทั้งหมดของกองทัพกัมพูชา รวมถึงการประจำการ การส่งกำลัง การปรับเปลี่ยนและการระดมกำลัง อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาและมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาเท่านั้น

3. กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติ แต่ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ

4. กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้ามาร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับไทย โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อสานต่อการทำงานรังวัดเขตแดนและปักปันเขตแดน
ที่เหลือระหว่างสองประเทศ นอกเหนือจากพื้นที่ที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) พิจารณา...”

3. “ฮุนเซน” โพสต์ยอมรับว่ามีการปรับกำลังทหารในพื้นที่ขัดแย้งกับไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะนองเลือด แต่ยืนยันไม่ใช่การถอนทหาร

เหมือนนอนบนเตียงแค่ยกหัวขึ้นเพื่อนอนใหม่ ดินแดนยังเป็นของกัมพูชา

ส่วนการยื่นฟ้องต่อศาลโลกยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

เมื่อคืนวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์ข้อความในโพสต์เฟซบุ๊ก “Samdech Hun Sen of Cambodia” ระบุว่า

“การปรับกำลังทหารในพื้นที่ขัดแย้ง ซึ่งผู้บัญชาการทหารของทั้งสองประเทศ กัมพูชาและไทย เห็นพ้องต้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันขนาดใหญ่ เป็นสิ่งจำเป็น

..ประชาชนของทั้งสองประเทศ กัมพูชาและไทย ต้องการสันติภาพที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง และไม่ต้องการเห็นสงคราม การแสวงหาวิธีแก้ปัญหาผ่านการเจรจาได้ดำเนินการตั้งแต่ระดับรัฐบาลไปจนถึงผู้บัญชาการหน่วยในแนวหน้า ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ดังกล่าว

...โปรดเข้าใจว่าการปรับกำลังทหารนั้นไม่ใช่การถอนทหารออกจากดินแดนของตนเอง แต่เป็นการปรับกำลังทหารในดินแดนของตนเอง การปรับกำลังทหารก็เหมือนกับการนอนบนเตียง ตั้งแต่หัวถึงปลายเท้าเราอยู่บนที่นอน แต่ตอนนี้เรายกหัวขึ้นเพื่อจะนอนใหม่ ดินแดนของเราก็ยังคงเป็นดินแดนของเรา”

ปรากฏว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กในชื่อ Rim Chanra ได้ถามว่า “นั่นหมายถึงการถอนทหารออกจากดินแดนที่เราอ้างสิทธิไว้ในตอนแรกใช่หรือไม่? ดูเหมือนว่าคำว่า “การส่งต่อกำลังไปยังพื้นที่ที่เหมาะสม”ไม่ค่อยเป็นที่เข้าใจนัก

สมเด็จฮุนเซนตอบว่า ขอให้เข้าใจคำว่าการปรับกำลัง แตกต่างจากการถอนทหาร

นอกจากนี้ สมเด็จฮุนเซนยังยืนยันว่า การฟ้องคดีต่อ ICJ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง

4. กล่องดวงใจผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาลกัมพูชา

เหตุที่ฝ่ายกัมพูชายอมกลบคูเลต ในจุดที่รุกล้ำไทย 15 เมตร และปรับกำลังกลับไปยังที่ตั้งเดิมนั้น ไม่ใช่เพราะรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์แสดงไมตรีเชื้อเชิญเข้าเจรจาทวิภาคีแต่อย่างใด

แต่เป็นเพราะประเทศไทย ได้แสดงพลังของประเทศชาติ ทำให้ฝ่ายกัมพูชาได้ตระหนักว่ามีราคาต้องจ่ายมากขนาดไหน หากตัดสินใจเลือกเดินตามแนวทางใดๆ

สำนักข่าวอิศรา เปิดเผยว่า....

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ในช่วงเย็น กองทัพไทยได้มีการออกเอกสารข่าวแจกในนามของศูนย์อํานวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) ในประเด็นเรื่องการแก้ไขปัญหาริมพรมแดนไทยและกัมพูชา ทั้งในด้านของการควบคุมการปิดจุดผ่านแดน การตรวจค้นคนเข้าเมือง การแก้ไขปัญหาความผิดทางไซเบอร์และการค้ามนุษย์ และปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ

รายละเอียดเนื้อหามีดังนี้

จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา โดยปัจจุบันมีกําลังติดอาวุธ ของฝ่ายกัมพูชาได้วางกําลังรุกล้ำอธิปไตยของไทยทั้งนี้ รัฐบาล กระทรวงกลาโหม
และกองทัพบก ได้ใช้ความพยายาม อย่างถึงที่สุดในการคลี่คลายความตึงเครียดตามแนวชายแดนโดยใช้กลไกทวิภาคีที่มีการตกลงกันไว้กับกัมพูชา แต่ไม่ได้รับการตอบสนองในเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชา

ทั้งยังปรากฏว่ากัมพูชาได้มีการเพิ่มเติมกําลังพล อาวุธและยุทโธปกรณ์เข้ามาประชิดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

และมีการดัดแปลงที่มั่นทางทหารซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบแก่พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน

กองทัพบกและกองทัพเรือ ภายใต้มติสภาความมั่นคงแห่งชาติและตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม จึงได้กําหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภทเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ซึ่งเป็นไปตามคําสั่งกองทัพบก (เฉพาะ) ที่ 806/2568 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2568 และคําสั่งกองทัพเรือ (เฉพาะ) ที่ 447/2568 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2568

ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนดังกล่าว จึงให้หน่วยงานภายใต้กลไก ศอ.ปชด. ดําเนินการดังนี้

1. ให้จังหวัดชายแดนในฐานะศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านกัมพูชา และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ให้การสนับสนุนกองกําลังสุรนารี กองกําลังบูรพา และตราด ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและดําเนินการตามมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนดังกล่าวและกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี

2. ให้สํานักงานตรวจคนเข้าเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดการผ่านเข้า-ออก ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ของบุคคลและกลุ่มบุคคล โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการกระทําความผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีและบ่อนการพนัน อาทิ พื้นที่ชายแดนอําเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ อําเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ อําเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว อําเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี และอําเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด

นอกจากนั้น ยังปรากฏข่าวสารว่ามีบุคคลและกลุ่มบุคคลยังคงมีการกระทําผิดด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นการบ่อนทําลายสภาพเศรษฐกิจและสังคม ทั้งภายในประเทศไทย และประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ดังนั้น เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ศอ.ปชด. จึงมีมาตรการ ดังนี้

1. แจ้งให้ฝ่ายกัมพูชาเร่งรัดปราบปรามผู้ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ในทุกพื้นที่ทันที จับกุมและบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทําความผิดรวมถึงผู้สนับสนุนทั้งหมด

2. จะได้ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามฯ อาทิ การตัดกระแสไฟฟ้า การระงับสัญญาณ อินเตอร์เนตที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ การควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ที่อาจจะนําไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ โดยจะได้นําเสนอมาตรการดังกล่าวต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติต่อไป

ทั้งนี้ ศอ.ปชด. จะอํานวยการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กําหนดข้างต้น ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และเพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติโดยไม่ให้กระทบต่อการดํารงชีวิตประจําวัน ของพี่น้องประชาชนบริเวณชายแดน พร้อมทั้งจะได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพิจารณาเพิ่มเติมมาตรการที่จําเป็นจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายต่อไป

อนึ่ง เอกสารข่าวแจกดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวในช่วงบ่ายวันที่ 8 มิ.ย.ว่า นับตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่บริเวณชายแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทหารฝ่ายกัมพูชาได้ติดต่อมายังกองกำลังสุรนารี เพื่อขอเจรจาโดยทางกองกำลังสุรนารีได้รายงานไปยัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้รายงานไปยัง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อขออนุมัติในการเข้าไปพูดคุยโดยทาง ผบ.ทบ.ได้อนุมัติให้กองกำลังสุรนารี จัดทหารเข้าไปพูดคุย ต่อมาได้ข้อยุติว่ากองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายจะถอยออกจากจุดที่มีการปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2568 กลับไปยังจุดเดิมที่เคยอยู่เมื่อปี 2567 พร้อมทั้งให้ฝ่ายกัมพูชาปิดกลบคูเลต ปรับสภาพพื้นที่ให้กลับคืนสภาพเดิมซึ่งขณะนี้ทหารของทั้งสองฝ่ายได้ถอยกลับไปยังจุดเดิมแล้ว...”

5. ทีมโฆษกกองทัพบก ได้กล่าวถึง DIME หรือ “เครื่องมือของพลังอำนาจแห่งชาติ” (Instruments of National Power)

ระบุว่า พลังอำนาจแห่งชาติ หรือ National Power หมายถึง ขีดความสามารถรวมของประเทศ ในการใช้อิทธิพล บังคับ หรือสร้างแรงจูงใจให้ประเทศอื่น ยอมรับและดำเนินการตาม
เป้าหมายหรือผลประโยชน์ของตน

โดยเป็นแนวคิดกว้าง ที่ครอบคลุมทั้ง ทรัพยากร ภาวะผู้นำ ระบบการเมือง ความสามัคคีของประชาชน และองค์ประกอบอื่นๆ ที่ส่งผลต่อสถานะของชาติในเวทีระหว่างประเทศ

ส่วน “DIME” เป็นเครื่องมือหนึ่งในการเสริมสร้างพลังอำนาจแห่งชาติ (Instruments of National Power)) หรือเป็นองค์ประกอบหลักของพลังอำนาจแห่งชาติ

โดย DIME เป็นตัวอักษรตัวแรกของคำ 4 คำ ที่หมายถึงพลังแต่ละด้าน ที่รัฐสามารถใช้ได้ในบริบทต่างๆ เพื่อเสริมสร้างอำนาจแห่งชาติ ประกอบด้วย

D - Diplomacy : การทูต

I – Information : ข้อมูลข่าวสาร/การสื่อสาร

M - Military : การทหาร

E - Economic : เศรษฐกิจ

ซึ่งทีมโฆษกกองทัพบก ขอเสนอมุมมองต่างๆ ของ DIME เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจโดยง่าย ดังนี้

DIME คือ “เครื่องมือ” หรือวิธีการที่รัฐใช้พลังอำนาจของตน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์หรือผลประโยชน์ของชาติ

DIME สะท้อน “ทรัพยากรเชิงอำนาจ” ซึ่งหากรัฐใดมี DIME ที่เข้มแข็ง รัฐนั้นก็ยิ่งมีพลังอำนาจแห่งชาติสูง เช่น ประเทศที่มีเศรษฐกิจมั่นคง กองทัพแข็งแกร่ง ระบบทูตทั่วโลก

การจัดการ DIME = การบริหารพลังอำนาจโดยผู้นำต้องใช้ DIME อย่างสมดุล อาทิ การใช้การทูตควบคู่เศรษฐกิจ และการทหาร

รัฐจะใช้ DIME เพื่อสร้างอิทธิพลต่อผู้อื่น อาทิ การให้ทุนช่วยเหลือ (E) พร้อมเผยแพร่สื่อมวลชน (I) เพื่อเปลี่ยนมุมมองของประเทศเป้าหมาย

ดังนั้น สามารถสรุปสั้นๆ ได้ว่า DIME คือเครื่องมือ หรือ “วิธีการ” เพื่อได้มาซึ่งพลังอำนาจแห่งชาติ ที่ถือเป็น “ศักยภาพรวม” ที่มีอยู่ในตัวรัฐหรือประเทศนั้นๆ

โมเดล DIME ในการวิเคราะห์และอธิบาย #พลังอำนาจแห่งชาติของไทย เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจได้โดยง่าย ดังนี้

D – Diplomacy เช่น การที่ไทยใช้การเจรจาเพื่อสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในด้านการค้าและความมั่นคง เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในภูมิภาค, การจัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission ; JBC) เพื่อสร้างสันติภาพและลดข้อขัดแย้ง รวมถึงการชี้แจงต่อนานาชาติ ผ่านช่องทางด้านการทูต ถึงสถานการณ์ตามห้วงเวลา จุดยืนของชาติ ตลอดจนแนวนโยบายในการใช้แก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศ

I - Information เช่น การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลวัฒนธรรมไทย สร้างการรับรู้ในเวทีนานาชาติถึงอุปนิสัยที่เป็นมิตร รักสงบ ของพี่น้องชาวไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประชาชนในภูมิภาค

M – Military เพื่อป้องกันอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ รวมทั้งการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งไม่เพียงเฉพาะประชาชนชาวไทย แต่ยังมีบทบาทในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนของประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคตามหลักมนุษยธรรม ดังเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยปรากฏในห้วงที่ผ่านมา อาทิ อุทกภัย, แผ่นดินไหว หรือการช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน

E – Economic เช่น การเปิดจุดผ่านแดนถาวร, การค้าชายแดน และการลงทุนร่วมระหว่างประเทศ ซึ่งสร้างรายได้ให้ประเทศไทยและประเทศคู่ค้า รวมถึงเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ทั้งนี้ จากโมเดลข้างต้นที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่าประเทศหรือรัฐต่างๆ สามารถสร้างพลังอำนาจของชาติจากวิธีหรือกระบวนการในหลากหลายรูปแบบ หรืออาจจะใช้ทุกเครื่องมือ โดยให้น้ำหนักหรือความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ตามแต่สถานการณ์ภายใต้กรอบ DIME

กองทัพบก ในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐ ถือว่า “พลังอำนาจแห่งชาติด้านการทหารเป็นเครื่องมือหนึ่งของรัฐ ที่มีไว้เพื่อดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมือง อันมีผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือกิจเพื่อการอื่นใด” โดยใช้ความพร้อมของกองทัพบก ทั้งกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและดูแลประชาชน ภายใต้กรอบกติกาต่างๆ อย่างเหมาะสม และสอดคล้องตามแนวนโยบายของผู้บังคับบัญชาอย่างเต็มขีดความสามารถ

6. นี่คือพลังของแผ่นดินไทย พลังของประเทศชาติไทย อย่างแท้จริง

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
17:21 น. เทียบกันชัดๆลายเซ็น 'วิชัย สุดสวาสดิ์' รทสช.หลังปัดร่วมวงลงชื่อยืนนายกฯขอเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี
17:16 น. ผงะ! ‘หมอแอร์’ สวมชื่อคนตายกว่า 300 คนรับยา ช็อคต่อ!พบเงินหมุนทะลุ 400 ล้าน
17:13 น. รวบพ่อค้ายาบ้า! พร้อมของกลาง3แสนเม็ด-ตบตา จนท.ขนด้วยรถทัวร์โดยสาร
17:00 น. ไม่หนักใจ! 'ประเสริฐ'ลั่นงบน้ำ 5.1 หมื่นล้านไร้ทุจริต พร้อมแจง ป.ป.ช. ทุกเมื่อ
16:58 น. 5 ประเด็นเร่งด่วน! 'นายกฯอิ๊งค์'ประชุมปรามปรามสิ่งผิดกฎหมาย
ดูทั้งหมด
'อ.จุฬาฯ'เตือนหยุดคลั่งชาติ ชื่นชม'กัมพูชา'ฉลาดใช้'การทูต'
'สาธิต' ขอบคุณ 'กัมพูชา-ฮุนเซ็น' ที่ทำให้กองทัพไทยได้ตื่นตัว
ทั่วโลกยลโฉมครั้งแรก! 'ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์'โพสต์ภาพอบอุ่นคู่'เจ้าหญิงลิลิเบต'พระธิดาองค์น้อย
'ปองพล'เสนอไทยดัน'ปราสาทตาเมือนธม-ตาเมือนโต๊ด-ตาควาย' ขึ้นบัญชีเบื้องต้นมรดกโลก
ตรรกะวิบัติ!? ทัวร์ลงถล่มยับ‘สส.จิรัฏฐ์’โพสต์แซะ‘กองทัพ’ ถามแรงเคยช่วยอะไรบ้าง
ดูทั้งหมด
ยิ่งหนาว..ยิ่งโหด
สงคราม‘ไทย-เขมร’ยังไม่จบ
เดี๋ยวมันก็มาอีก
มันจบแล้วครับนาย (1)
พลังแผ่นดินไทย
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไม่หนักใจ! 'ประเสริฐ'ลั่นงบน้ำ 5.1 หมื่นล้านไร้ทุจริต พร้อมแจง ป.ป.ช. ทุกเมื่อ

ดูจะๆ!‘กองทัพไทย’งัด‘ภาพถ่ายทางอากาศ’ มัด‘เขมร’ขยับกิจกรรมทางทหารตลอด

พ่อค้าแม่ค้าตลาดสดแนวชายแดน บ่นอุบ ค้าขายซบเซา-ต้องปิดไวขึ้น

ครม.อึมครึม! 'รมต.ภท.'เข้าห้องช้า-'พีระพันธุ์'มาแต่ไม่มีใครเห็น

เชื้อเพลิงฟอสซิล vs พลังงานสะอาด อะไรคือความสมดุลด้านพลังงาน ?

ธรรมะย่อมชนะอธรรม! 'เหรัญญิก​ รทสช.'​ยัน'พีระพันธุ์'​กำลังใจยังดี​

  • Breaking News
  • เทียบกันชัดๆลายเซ็น \'วิชัย สุดสวาสดิ์\' รทสช.หลังปัดร่วมวงลงชื่อยืนนายกฯขอเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี เทียบกันชัดๆลายเซ็น 'วิชัย สุดสวาสดิ์' รทสช.หลังปัดร่วมวงลงชื่อยืนนายกฯขอเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี
  • ผงะ! ‘หมอแอร์’ สวมชื่อคนตายกว่า 300 คนรับยา ช็อคต่อ!พบเงินหมุนทะลุ 400 ล้าน ผงะ! ‘หมอแอร์’ สวมชื่อคนตายกว่า 300 คนรับยา ช็อคต่อ!พบเงินหมุนทะลุ 400 ล้าน
  • รวบพ่อค้ายาบ้า! พร้อมของกลาง3แสนเม็ด-ตบตา จนท.ขนด้วยรถทัวร์โดยสาร รวบพ่อค้ายาบ้า! พร้อมของกลาง3แสนเม็ด-ตบตา จนท.ขนด้วยรถทัวร์โดยสาร
  • ไม่หนักใจ! \'ประเสริฐ\'ลั่นงบน้ำ 5.1 หมื่นล้านไร้ทุจริต พร้อมแจง ป.ป.ช. ทุกเมื่อ ไม่หนักใจ! 'ประเสริฐ'ลั่นงบน้ำ 5.1 หมื่นล้านไร้ทุจริต พร้อมแจง ป.ป.ช. ทุกเมื่อ
  • 5 ประเด็นเร่งด่วน! \'นายกฯอิ๊งค์\'ประชุมปรามปรามสิ่งผิดกฎหมาย 5 ประเด็นเร่งด่วน! 'นายกฯอิ๊งค์'ประชุมปรามปรามสิ่งผิดกฎหมาย
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

พลังแผ่นดินไทย

พลังแผ่นดินไทย

10 มิ.ย. 2568

พระหายาก คือ พระหนีคดี

พระหายาก คือ พระหนีคดี

9 มิ.ย. 2568

รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์มุ้งมิ้ง  อ่อนหัด อ่อนแอ โอนเอนเข้าทางกัมพูชา

รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์มุ้งมิ้ง อ่อนหัด อ่อนแอ โอนเอนเข้าทางกัมพูชา

6 มิ.ย. 2568

นายกฯทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน  เกียรติภูมิของประเทศชาติกำลังถูกย่ำยี

นายกฯทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เกียรติภูมิของประเทศชาติกำลังถูกย่ำยี

5 มิ.ย. 2568

แพทยสภา อย่าสยบต่ออำนาจการเมือง

แพทยสภา อย่าสยบต่ออำนาจการเมือง

4 มิ.ย. 2568

รัฐอันธพาล  (อัณฑะ-พาล) ของใคร?

รัฐอันธพาล (อัณฑะ-พาล) ของใคร?

3 มิ.ย. 2568

ฮุนเซน กำเริบเสิบสาน

ฮุนเซน กำเริบเสิบสาน

2 มิ.ย. 2568

อย่าเอาฝันร้าย มาขายเป็นฝันดี  สถานการณ์จริงกาสิโน

อย่าเอาฝันร้าย มาขายเป็นฝันดี สถานการณ์จริงกาสิโน

30 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved