แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn เมื่อปีที่แล้วมา ข้าพเจ้าได้เตือนผู้สำเร็จการศึกษารุ่นก่อนให้ยึดคุณธรรมสำคัญข้อหนึ่งเป็นเครื่องกำกับใจ ไม่ว่าจะทำอะไร คุณธรรมข้อนั้นก็คือ
ความสุจริต ท่านจะต้องสุจริตต่อบ้านเมือง สุจริตต่อประชาชน และสุจริตต่อหน้าที่ ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าใคร่จะให้คติเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง คือนอกจากความรู้ และความสุจริตประจำตัวแล้ว ท่านควรมีหรือตั้งจุดหมายให้แน่วแน่ในการงานที่จะกระทำนั้น ความคิดไตร่ตรองว่าจะทำอะไรบ้าง แล้วใช้กิจการที่กระทำหรือดำเนินอยู่นั้น จึงจะเจริญก้าวหน้าเกิดประโยชน์งอกงามยิ่งขึ้น การหัดใช้ความคิดให้เป็นระเบียบตรงตามแนวทาง หรือจุดหมายที่ได้ตั้งไว้นั้น เป็นความต้องการอยู่ในปัจจุบันนี้ ถ้าไม่ใช้ความคิด ผลงานเคยได้อย่างไรก็จะได้เพียงแค่นั้นเอง เป็นงานที่ล้าหลัง ตัวท่านเองก็จะเป็นคนล้าหลัง ประเทศชาติของท่านก็จะไม่ก้าวหน้าทันสมัย และการใช้ความคิดดั่งว่านี้จำเป็นต้องใช้สติควบคุม มิฉะนั้น ก็จะเป็นความคิดที่ฟุ้งซ่าน ซึ่งประเทศชาติไม่พึงปรารถนา...(ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 7 กรกฎาคม 2498)

...nn เมื่อทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีอาญาผู้มีอภิสิทธิ์เหลือล้น อยู่ในสถานะจนตรอก เพราะถูกรุมล้อมด้วยปัญหานานาประการที่เขาจงใจก่อขึ้นด้วยตัวเอง แล้วในยามจนตรอกนั้น ทักษิณก็ยังพยายามจะลากรัฐบาลผสมที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำให้สามารถยึดกุมอำนาจรัฐให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการมีอำนาจรัฐเท่านั้นคือการช่วยต่อลมหายใจให้ทักษิณ แต่ความฝันของทักษิณกำลังเลือนรางและดับมอดลงในเร็วๆ นี้ เพราะความผิดทั้งปวงที่เขาก่อไว้กำลังจะปรากฏผลกับเขาในอนาคตอันใกล้ เพราะฉะนั้น ก่อนจะหมดอำนาจทางการเมืองอย่างไม่มีวันได้อำนาจกลับมาอีก ทักษิณจึงพยายามกระเสือกกระสนทุกหนทาง เพราะต้องการยึดกุมอำนาจรัฐไว้ให้จงได้ แม้เขาจะรู้ความฝันของเขาไม่มีวันเป็นจริง แต่เขาก็ต้องหลอกตัวเองต่อไป

...nn มีคำถามว่าทำไมทักษิณกล้าเปิดหน้ามากกว่าช่วงที่เขาเพิ่งกลับประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ตอบว่าเพราะเขาจำเป็นต้องทำ เนื่องจากเขารู้ดีแล้วว่าหุ่นเชิดที่ชื่อแพทองธาร ชินวัตร ที่เขาชักเชิดอยู่นั้นไม่มีความสามารถจริงๆ ดังนั้นเขาจึงต้องเปิดหน้าออกไปอยู่หน้าฉากเอง เพราะหากปล่อยให้หุ่นกระบอกแพทองธารเล่นบทต่อไป ก็หมายถึงความบรรลัยจะบังเกิดกับเขาและครอบครัวของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

...nn มีคำถามว่าหากถึงที่สุดแล้ว ทักษิณจะกลับไปยกมือไหว้ของให้อนุทิน ชาญวีรกูล และเนวิน ชิดชอบ แห่งพรรคภูมิใจไทย กลับไปร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยหรือไม่ ตอบว่าถ้าจำเป็นต้องยกมือไหว้ เพื่อให้ตนเองมีอำนาจต่อไปได้ ทักษิณก็ไม่ลังเลที่จะทำ เพราะการยกมือไหว้แล้วต่อชีวิตทางการเมืองให้เขาได้ เขาก็ต้องทำอย่างแน่นอน หรือมิฉะนั้น เขาก็ต้องกลับไปยกมือไหว้ฮุนเซน แห่งกัมพูชา หากเขาจำเป็นหาที่หลบหนีคดีอาญาอีกครั้ง คอการเมืองไทยรู้ดีว่าทักษิณทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตนเองอยู่รอด แล้วหากทำแล้วตัวเองสามารถมีอำนาจรัฐต่อไปได้ เขาก็ไม่ลังเลที่จะทำอย่างแน่นอน แต่ปัญหาคือทักษิณจะมีความสามารถอยู่ในอำนาจรัฐได้อีกกี่วัน อย่าลืมว่าเขาอายุ 75 ปีแล้ว แม้เขาจะยังฝันค้างกับความสำเร็จเมื่อปี 2544 แต่มันก็คืออดีตที่ไม่มีวันหวนคืนอีกแล้ว ดังนั้น ทักษิณในวันนี้จึงอยู่ได้ด้วยการหลอกตัวเองว่าเขายังเป็นทักษิณในปี 2544 ทั้งๆ ที่ยุคนี้คือยุค 2568

...nn Big Boss ผู้มีตำแหน่ง CEO ของคิง เพาเวอร์ ชื่อ นิตินัย ศิริสมรรถการ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย หรือ AOT (แต่ต้องย้ำว่าเจ้าของคิงเพาเวอร์ ตัวจริงคือ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และ เอมอร ศรีวัฒนประภา) ประกาศปิดDuty Free ในเมือง หรือที่เรียกว่า Duty Free downtown ที่มหานคร ศรีวารี และพัทยาส่วนที่รางน้ำ One Bangkok (ลุมพินี) และภูเก็ต ยังเปิดให้บริการต่อไป แต่ที่น่าสนใจคือการประกาศให้พนักงานสมัครใจลาออก โดยน่าจะเปิดให้เข้าร่วมโครงการในเร็วๆ นี้ คำถามคือเกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจใหญ่โตมโหฬารของตระกูลศรีวัฒนประภา ทั้งๆ ที่เมื่อไม่กี่ปีมานี้คิง เพาเวอร์ มีพลานุภาพสูงมาก

...nn เพราะว่าการเมืองเปลี่ยนขั้วอำนาจใช่หรือไม่ จึงทำให้ความยิ่งใหญ่ อู้ฟู่ ล่ำซำ ของตระกูลศรีวัฒนประภา ลดน้อยถอยลง แต่หากจะว่ากันแบบนั้นก็น่าจะเป็นจริงอยู่บ้าง แต่ก็ต้องมองไปถึงกิจการต่างๆ ที่กลุ่มคิง เพาเวอร์ ถือครองอยู่ด้วย โดยเฉพาะกิจการทีมฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ อังกฤษ เพราะล่าสุดมีข่าวยืนยันว่ารายได้ของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ลดหดหายไปมากมายจนน่าใจหาย

...nn แต่ไม่ว่ารายได้ของตระกูลศรีวัฒนประภาจะลดลงไป ก็ยังคงปรากฏว่าตระกูลศรีวัฒนประภาย้งคงติดอันดับมหาเศรษฐีอันดับ 7 ของไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 1.32 แสนล้านบาท (3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

...nn ต้องมาจับตาเฝ้ามองกันต่อไปว่า ในที่สุดแล้วคิง เพาเวอร์ จะถอดใจเลิกทำธุรกิจ Duty Free ในสนามบินนานาชาติทุกแห่งของไทยที่อยู่ใต้การดูแลของ AOT หรือไม่ และเมื่อไร แล้วถ้าหากคิง เพาเวอร์ ถอนใจและเลิกจริงๆ จะมีนายทุน เจ้าสัวรายใหม่ชื่ออะไรเข้าไปทำกิจการ Duty Free ในท่าอากาศยานนานาชาติที่อยู่ในกำมือของ AOT

...nn อุทาหรณ์เรื่องคิง เพาเวอร์ ปิดกิจการ Duty Free ในท่าอากาศยานนานาชาติ ได้กล่าวเป็นเรื่อง talk of the town มาแล้วเมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2568 เมื่อ AOT ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าคิง เพาเวอร์ แจ้งขอยกเลิกสัญญาการได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ภายในท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT โดย คิง เพาเวอร์ ให้เหตุผลว่าขายของได้น้อยลง รายได้ลดลง ประสบปัญหาขาดทุน และวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายเชิงรุกในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทย เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง หมายถึงรายได้ของร้าน Duty Free ของคิง เพาเวอร์ ก็ประสบปัญหาตามไปด้วย

...nn วิทัย รัตนากร ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 หลังจากเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ พ้นจากตำแหน่งในวันที่ 30 กันยายน 2568

...nn เบื้องหลังการเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ โดย วิทัย ถูกวิพากษ์ว่าเพราะรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทยต้องการมือไม้ของตนเองเข้าไปดูแลแบงก์ชาติให้อยู่ในกำมือของนักการเมืองผู้มีอำนาจรัฐให้มากขึ้นและเบ็ดเสร็จมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำมองว่าเศรษฐพุฒิหัวแข็ง ไม่สนองตอบนโยบายขายฝันของรัฐบาลเพื่อไทย แถมยังค้านเรื่องการลดดอกเบี้ยตามคำสั่งของรัฐบาล แล้วก็ไม่ตอบสนองเรื่องทำให้ค่าเงินบาทเปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการของฐบาล

...nn แน่นอนว่าความต้องการของรัฐบาลที่ต้องการดึงคะแนนนิยมการเมืองเข้าตัวเอง ด้วยการออกนโยบายลดแลกแจกแถม ตามแบบฉบับนโยบายประชานิยม ย่อมเป็นเรื่องที่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติที่มีมโนสำนึกและมีความรับผิดชอบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริงไม่สามารถยอมตามคำสั่งของรัฐบาลที่เห็นแก่ตัวได้เป็นอันขาด เพราะหากผู้ว่าฯ แบงก์ชาติทำตัวเสมือนสุนัขรับใช้ของรัฐบาลเห็นแก่ตัว ก็เท่ากับมีส่วนร่วมทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยโดยปริยาย

...nn แน่นอนว่าการแต่งตั้งวิทัยให้กินตำแหน่งผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย่อมมีทั้งคนเห็นด้วยและคัดค้าน แต่ผู้ที่เห็นด้วยอย่างออกนอกหน้ากับการแต่งตั้งวิทัย คือ อิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดย อิศเรศ ให้เหตุผลว่าเพราะวิทัยมีความเข้าใจสภาพเศรษฐกิจไทยทั้งระดับ Macro และ Micro รวมถึงเข้าใจ  Real Setor เป็นอย่างดี แต่เมื่อฟังคำพูดของอิศเรศดีๆ จะเข้าใจว่าเขาต้องการให้วิทัยลดดอกเบี้ยลงมา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่กลุ่มพ่อค้าต้องการดอกเบี้ยถูกๆ เพราะดอกเบี้ยคือต้นทุนสำคัญอย่างหนึ่งของการทำธุรกิจ หากดอกเบี้ยแพง พ่อค้าก็ได้กำไรน้อยเป็นธรรมดา นอกจากนั้น อิศเรศ ยังต้องกาให้ค่าเงินบาทอ่อนลงด้วย เพราะอ้างว่าจะทำให้ได้ประโยชน์กับกลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไทยไปขายต่างประเทศ ซึ่งก็เข้าใจได้เช่นกันกลุ่มคนส่งสินค้าออกต้องการเช่นนั้น แต่ถามอิศเรศว่าแล้วประเทศไทยมีแค่ผู้ส่งสินค้าออกเท่านั้นหรือ ไม่มีผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศหรือ แล้วไม่มีคนส่งลูกไปเรียนหนังสือที่เมืองนอกหรือ อิศเรศ ต้องเข้าใจด้วยว่าในประเทศไทยมีทั้งสองกลุ่มคือคนที่ต้องการให้ค่าเงินบาทแข็งและอ่อน ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าทำอย่างไรจะให้ค่าเงินบาทมีความพอดี ไม่แข็งเกินไปหรืออ่อนเกินไปเพราะฉะนั้น หากผู้ว่าฯ แบงก์ชาติไม่มีหลักการ ไม่ยึดมั่นในหลักความสมดุลแล้วรับรองว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยบรรลัยแน่นอน ส่วนเรื่องที่อ้างว่าแบงก์พาณิชย์ได้กำไรล้นเหลือ ในขณะที่ธุรกิจอื่นตายกันหมดประเทศ เรื่องนี้ต้องกลับไปดูว่ากำไรของแบงค์พาณิชย์มันเป็นกำไรที่สมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะคงไม่มีใครทำธุรกิจแล้วต้องการประสบกับการขาดทุน แต่หากแบงก์พาณิชย์ขาดทุนและต้องปิดตัว หรือล่มลง ก็หมายความว่าจะเกิดความวินาศบรรลัยแบบลูกโซ่ในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ หากเกิดความวิบัติดังกล่าวขึ้นจริง ก็หมายความว่าเศรษฐกิจไทยก็ต้องพบกับความบรรลัยอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

...nn วิญญูชนย้ำว่าต้องการให้ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติเป็นคนมีหลักเกณฑ์ มีกระดูกสันหลังยึดความเจริญมั่นคงของเศรษฐกิจแบบยั่งยืนยาวนานและถาวร แน่นอนว่าแบงก์ชาติไม่ใช่รัฐอิสระ และต้องทำงานสอนประสานกับรัฐบาล แต่นั่นหมายความว่ารัฐบาลต้องมีความหวังดีต่อประเทศชาติโดยแท้จริง ไม่ใช่รัฐบาลที่เข้ามากอบโกยโกงกินชาติบ้านเมือง ขอถามคำถามสุดท้ายว่านักธุรกิจต้องการให้รัฐบาลที่เน้นนโยบายประชานิยมมีอำนาจเหนือผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ใช่หรือไม่ นักธุรกิจต้องการตกอยู่ในปัญหาวิกฤตเหมือนช่วงฟองสบู่แตกในยุควิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ใช่หรือไม่...nn

ธรรมกร