แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...■■ การศึกษาค้นคว้าวิชาชั้นสูงนั้น เท่ากับการสร้างสมกำลังอันแรงกล้าไว้ในตัว กำลังนั้นคือกำลังแห่งความรู้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บุคคลสามารถปฏิบัติการได้ดีขึ้น มากขึ้น อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในทางดีที่สร้างสรรค์ประโยชน์ ทั้งในทางชั่วที่ก่อโทษเสียหาย ผู้มีกำลังดังกล่าว จึงต้องมีความรับผิดชอบอย่างสูง ที่จะต้องควบคุมการใช้กำลังปฏิบัติงานของตน ให้เป็นไปแต่ในทางที่ดี ที่สร้างสรรค์แต่ฝ่ายเดียว นอกจากนั้นยังได้แนะนำด้วยว่า ทางที่ดีบุคคลควรพยายามเสียสละ ทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมให้มาก เพราะการปฏิบัติบำเพ็ญประโยชน์อยู่เสมอนั้น สามารถสร้างเสริมความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชำนาญให้มั่นคงและเพิ่มพูนยิ่งขึ้นทุกขณะ ... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 11 กรกฎาคม 2524)
...■■ วิวาทะระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร (เจ้าของพรรคเพื่อไทย ผู้มีอิทธิพลการเมืองเหนือนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร) กับฮุนเซน (นายกรัฐมนตรีตลอดกาลของกัมพูชา) เป็นเรื่องปาหี่การเมืองไทย-กัมพูชา เพราะต่างฝ่ายต่างสาดโคลนเข้าใส่กันทำนองว่าเอ็งสาดข้า ข้าสาดเอ็ง แต่ไม่มีฝ่ายใดกล้าออกหมัดเด็ดเพื่อน็อกฝ่ายตรงข้ามพฤติกรรมการเมืองที่ทั้งฮุนเซนและทักษิณเล่นกันในขณะนี้ ถูกวิเคราะห์ว่าเป็นการสาดน้ำลายใส่กันรายวัน ทั้งๆ ที่ทั้งสองฝ่ายต่างกุมข้อมูลลึกๆ และเด็ดดวงไว้ แต่ทั้งสองก็ไม่กล้าเปิดข้อมูลลับของกันและกัน เพราะเมื่อเปิดแล้วจะทำให้ทั้งสองฝ่ายถึงกับกาลวิบัติทั้งคู่ เรื่องแบบนี้เข้าทำนอง ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
...■■ หลังจากวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ที่ฮุนเซนจงใจเปิดคลิปเสียงสนทนากับแพทองธาร ก็เท่ากับเป็นการเปิดฉากสงครามระหว่างตระกูลฮุนกับตระกูลชินวัตร แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าทักษิณเสียฟอร์มการเมืองให้กับฮุนเซนอย่างชัดเจน เพราะกว่าทักษิณจะออกมาโต้กลับ ก็ทอดเวลาออกไปยาวนานมาก ซึ่งผิดวิสัยปากไวตามแบบฉบับทักษิณ แต่แล้วทักษิณก็จำต้องเล่นบทนายกรัฐมนตรีตัวจริง เมื่อรู้ชัดว่าแพทองธารอ่อนด้อยเชิงการเมืองมาก หากปล่อยให้แพทองธารทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปก็คงจะทำให้พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลถึงกาลอวสานในเร็ววันดังนั้น ทักษิณจึงเปิดหน้าชัดๆ ว่าตนเองคือนายกฯ ตัวจริง โดยการเดินเข้าบ้านพิษณุโลกในฐานะผู้บงการรัฐบาล ถามว่าทำไมทักษิณจึงกล้าเปิดตัวอย่างโฉ่งฉ่างครึกโครมไม่เกรงใจศาลได้ถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ทักษิณยังอยู่ในระหว่างถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง คำตอบที่คอการเมืองฟันธงคือทักษิณต้องการบอกสังคมไทยและสังคมโลกชัดๆ ว่า ไม่มีกฎหมายไทยมาตราไหนเอาผิดหรือห้ามทักษิณได้ เพราะขึ้นชื่อว่าทักษิณ ชินวัตร แล้วไม่มีคำว่าเกรงกลัวกฎหมายไทย เพราะทักษิณมั่นใจว่ามีอำนาจเหนือผู้บังคับใช้กฎหมายทุกรายในประเทศไทย
...■■ หลังจากนี้ สังคมไทยจะได้พบกับการเดินสายของทักษิณเพื่อพูด พูด และพูดแก้ตัวไปตามเวทีต่างๆที่ทักษิณมีอำนาจเหนือผู้จัดงาน และที่สำคัญคือทักษิณจะต้องแสดงบทนำการเมืองให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในยามที่แพทองธารไร้สมรรถภาพทางการเมือง
...■■ มีการตั้งคำถามว่าทักษิณรู้สึกผิดบ้างไหมที่ส่งแพทองธาร ไปตายบนเวทีการเมือง มีคำตอบว่าทักษิณน่าจะรู้สึกปวดร้าวใจมากกว่ารู้สึกผิด เพราะไม่คิดว่าลูกสาวคนสุดท้องของตนจะเดี้ยงด้อยไร้ความสามารถถึงเพียงนี้ และนี่ก็คงทำให้ทักษิณสำเหนียกได้แล้วว่า ที่ตนเองเคยเข้าใจว่าตนนั้นเจ๋งเป้งเยี่ยมยุทธ์จนหาใครเสมอเหมือนหรือเทียบเทียมได้นั้น แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆ แล้วก็พบว่า บ่มิไก๊ ไร้สาระ ต้องย้ำว่าบาดแผลการเมืองที่ แพทองธาร ได้รับในครั้งนี้ เกิดมาจากความอวดดีถือดีของทักษิณโดยแท้ ทักษิณ คงยังไม่สำเหนียกว่าความล้มเหลวทั้งปวงที่ตนเองได้รับมาโดยตลอด ตั้งแต่การส่ง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร ไปกินตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มันคือความไร้ประสิทธิภาพทางการเมืองของทักษิณ เพราะการที่ส่งคนของตนเองไปนั่งเก้าอี้นายกฯได้ แต่ไม่สามารถอยู่บนเก้าอี้ได้ครบวาระ มันคือการประจานความด้อยและเดี้ยงทางการเมือง
...■■ ว่ากันตามจริงแล้ว ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา มีมาโดยตลอด หนักบ้าง เบาบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา แต่มันน่าสมเพชเวทนายิ่งนักที่ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ดันมาระเบิดระเบ้อจนเละเทะในยุคทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลังเก้าอี้นายกฯ ที่ แพทองธาร นั่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าคลิปเสียงสนทนาระหว่าง แพทองธาร กับ ฮุนเซน คือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้หลังของทักษิณหักลง แล้วหลังจากนี้ แพทองธาร กับ ทักษิณ ก็จะต้องเผชิญหน้ากับข้อกฎหมายต่างๆ นานา ที่ฝ่ายทักษิณเรียกแบบเหยียดหยามว่านิติสงคราม
...■■ แม้ฝ่ายทักษิณ และฝ่ายของพรรคการเมืองสีส้ม (พรรคประชาชน) พยายามด้อยค่ากระบวนการยุติธรรมว่า นิติสงคราม แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีความและเรื่องราวผิดปกติที่เกิดจากการกระทำของ ทักษิณ และ แพทองธาร
...■■ ศาลรัฐธรรมนูญให้เวลา 15 วัน กับ แพทองธาร เพื่อส่งคำชี้แจงเพิ่มเติมในประเด็นที่แพทองธารถูกฟ้องร้องว่าทำผิดจริยธรรมของนายกรัฐมนตรีอย่างร้ายแรง ซึ่งเส้นตายเส้นแรกคือวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 แต่ก็เป็นไปตามคาดคือ ทีมงานในสังกัดแพทองธาร เล่นเกมขอขยายเวลาให้คำชี้แจงเพิ่มเติมออกไป โดยศาลรัฐธรรมนูญก็น่าจะต้องให้ขยายเวลาได้ แต่คำถามคือให้ขยายเวลาไปอีกกี่วัน หรือกี่ครั้ง เรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องพินิจพิเคราะห์ให้ดี เพราะหากทำอะไรให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่สาธารณชนแล้ว ผลร้ายก็จะตกกับศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน แต่หากศาลรัฐธรรมนูญยึดหลักการหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัดเที่ยงตรงแล้ว ก็จะเป็นปราการป้องกันภัยให้ศาลรัฐธรรมนูญได้อย่างดี
...■■ มีคำถามว่าทักษิณจะยอมให้แพทองธารประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนถึงวันตัดสินโดยศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เพราะการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ก่อนศาลฯ ตัดสิน จะช่วยรักษา แพทองธาร ไว้ได้ ซึ่งดีกว่าปล่อยให้ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน แต่บางฝ่ายก็บอกว่า ทักษิณกำลังดิ้นรนเพื่อหาทางให้ศาลตัดสินให้ผลออกมาเป็นคุณกับ แพทองธาร แล้ว ขณะเดียวกัน ทักษิณก็กำลังดิ้นทุกหนทางเพื่อให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินให้เกิดผลดีกับทักษิณมากที่สุด
...■■ แต่มีผู้ตั้งประเด็นแย้งว่า ต่อให้ทักษิณจะดิ้นรน หรือทุรนทุรายสักเพียงใดก็ตาม ศาลต่างๆ ก็ไม่มีวันตัดสินให้ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง หรือไม่เคารพตัวบทกฎหมายได้อย่างแน่นอน ส่วนที่วิตกกันว่าจะเกิดข้อแก้ตัวแบบเดิมคือ บกพร่องโดยสุจริต ได้หรือไม่ เรื่องนี้คอการเมืองฟันธงว่าการแก้ตัวแบบเอาสีข้างเข้าถูแบบเดิมนั้น มันหมดยุคสมัยไปแล้ว ขืนศาลรัฐธรรมนูญยังยอมให้เกิดเรื่องบัดสีดังกล่าวได้อีก ก็รับรองว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญน่าจะจงใจฆ่าตัวตายกลางศาล
...■■ ส่วนเรื่องที่ ปริญญา เทวานฤมิตกุล จากนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะต้องทำตัวให้เป็นศาลจริงๆ ก็ทำให้เกิดคำถามโต้กลับว่า แล้วปริญญามีหลักฐานตรงไหนที่ชี้ชัดว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่ศาลจริงๆ แล้วที่ปริญญาวิพากษ์ประมาณว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีความไม่ค่อยจะเที่ยงธรรม เพราะไม่เปิดโอกาสให้นักการเมืองผู้ถูกร้องให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือบรรดา สส. ที่ถูกตัดสินวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่ง หรือเรื่องพรรคการเมืองที่ถูกร้องให้ยุบพรรค โดย ปริญญา บอกว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่เปิดโอกาสให้คนและพรรคมีสิทธิ์ชี้แจงเพื่อต่อสู้คดี ซึ่งผิดไปจากการต่อสู้คดีบนศาลยุติธรรมทั่วไป
...■■ เวลาที่ปริญญาอ้างเรื่องศาลรัฐธรรมนูญไม่ยอมให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงต่อสู้คดี ก็เลยทำให้คนที่เรียกกฎหมายเหมือน ปริญญา ถามกลับว่า ปริญญาแน่ใจหรือว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงต่อสู้คดี ปริญญา มีหลักฐานชัดๆ มาประกอบคำพูดหรือไม่ แล้วการที่ศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาให้ แพทองธารส่งคำชี้แจงเพิ่มเติม หรือนำเสนอหลักฐานต่างๆ ส่งให้กับศาลเพิ่มเติม ไม่เรียกว่าให้โอกาสผู้ถูกร้องเรียกหรือ...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี