แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn ปัญหาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่มีทางแก้ไขได้ ถ้ารู้จักคิดให้ดี ปฏิบัติให้ถูก การคิดได้ดีนั้นมิใช่การคิดได้ด้วยลูกคิด หรือด้วยสมองกล เพราะโลกเราในปัจจุบันจะวิวัฒนาการไปมากเพียงใดก็ตาม ก็ยังไม่มีเครื่องมืออันวิเศษชนิดใดสามารถขบคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ การขบคิดด้วยวินิจฉัยปัญหาจึงต้องใช้สติปัญญา คือคิดด้วยสติรู้ตัวอยู่เสมอ เพื่อหยุดยั้งและป้องกันความประมาทผิดพลาดและอคติต่างๆ มิให้เกิดขึ้น ช่วยให้การใช้ปัญญาพิจารณาปัญหาต่างๆ เป็นไปอย่างเที่ยงตรงทำให้เห็นเหตุเห็นผลที่เกี่ยวเนื่องกัน เป็นกระบวนการได้กระจ่างชัดทุกขั้นตอน...(ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 1 สิงหาคม 2539)
...nn ศาลชั้นต้นของศาลอาญายกฟ้องคดีทักษิณ ชินวัตร ละเมิดมาตรา 112 และพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม ด้วยเหตุผลหลายข้อ เช่น ทักษิณไม่ได้กล่าวถึงพระนามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยตรง และใช้สรรพนามเรียกบุคคลที่สามว่า เขา แล้วก็อ้างว่าพยานของฝ่ายโจทก์เป็นผู้เคยร่วมประท้วงขับไล่ทักษิณมาก่อน
...nn ขอย้ำว่านั่นคือคำตัดสินของศาลชั้นต้น ซึ่งจำเป็นที่อัยการต้องฟ้องร้องต่อในชั้นอุทธรณ์ แล้วต้องดำเนินการไปจนชั้นฎีกา เพื่อให้คดีนี้สิ้นสุดแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไร้ข้อสงสัย แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องรอดูว่าอัยการจะฟ้องร้องในชั้นศาลอุทธรณ์หรือไม่ โดยมีระยะเวลา 30 วัน หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอดูว่าพล้งของภาคประชาสังคมจะดำเนินการกดดันอย่างเข้มข้นเพื่อให้อัยการฟ้องร้องในชั้นศาลอุทธรณ์หรือไม่ แต่เท่าที่มีเสียงออกมาจากภาคประชาชนก็คือ หากถ้อยคำที่ทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อฯ เกาหลีใต้ ที่วิญญูชนจับความได้ชัดเจนว่าทักษิณจงใจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่เมื่อศาลอาญาชั้นต้นบอกว่าเรื่องนี้ไม่ผิดกฎหมาย นั่นหมายความว่านี่คือบรรทัดฐานที่คนทั่วไปจะใช้กล่าวหาว่าร้ายพระมหากษัตริย์ไทยต่อไปในอนาคตได้ ใช่หรือไม่ แล้วมีสิ่งที่วิญญูชนถามกันอย่างครึกโครมคือ การกล่าวหาว่าร้ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจำเป็นต้องกล่าวชื่อพระเจ้าแผ่นดิน พระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินี และองค์รัชทายาทอย่างชัดเจนโจ่งแจ้งจึงจะถึงว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กระนั้นหรือ หากศาลวางแนวไว้แบบนี้ รับรองได้เลยว่าผู้คนที่จงใจเซาะกร่อนบ่อนทำลายและตั้งใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จะใช้แนวทางที่ศาลอาญาชั้นต้นวางไว้เพื่อทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่ต้องสงสัย
...nn มีคำถามว่าทำไมศาลอาญาชั้นต้นจึงบอกว่าพยานของโจทก์ที่ยื่นฟ้องทักษิณทำผิดคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จึงบอกว่าอนันต์เหล่าเลิศวรกุล อดีตอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่เป็นกลาง เนื่องจากอนันต์เคยร่วมขับไล่ทักษิณมาก่อน ขออภัยนะที่ต้องถามศาลอาญาตรงๆ ว่าการที่คนคนไหนก็ตามเคยร่วมขับไล่ทักษิณแล้ว คนคนนั้นไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องทักษิณ หรือไม่เป็นพยานในคดีคนอื่นฟ้องร้องทักษิณ ศาลอาญาจะยึดแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม หากศาลอาญายึดแบบนี้ ก็ต้องถามกลับว่าแล้วทำไมศาลอาญาจึงอนุญาตให้ ทองธง จันทรางศุ และวิษณุ เครืองามไปเป็นพยานของทักษิณได้ ศาลอาญาลืมไปหรือไรว่าธงทองและวิษณุคือคนที่ทักษิณปูนบำเหน็จให้ได้กินตำแหน่งแห่งที่สำคัญต่างๆ นานา มากมายมหาศาล ย้ำว่า ธงทอง และ วิษณุ คือคนของทักษิณ แล้วที่แบบนี้ทำไมศาลอาญาอนุญาตให้คนใต้อาณัติของทักษิณไปเป็นพยานให้ทักษิณ ศาลต้องอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดก่อนที่คนไทยจำนวนไม่น้อยจะบอกว่าต่อไปจะเชื่อเพียงศาลพระภูมิเท่านั้น
...nnส่วนสิ่งที่วิญญูชนสงสัยมากและพยายามถามไปยังนักกฎหมายที่เชี่ยวชาญคดีหมิ่นประมาทคือ การว่าร้ายบุคคลและจงใจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจำเป็นต้องเอ่ยชื่อพระมหากษัตริย์ให้ชัดเจน ใช่หรือไม่ หากไม่เอ่ยพระนามให้ชัด ไม่ถือว่าจงใจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นต่อไปนี้ศาลก็น่าจะเตรียมรับมือกับกลอุบาย ลูกเล่น และแผ่นการร้ายของเหล่าบรรดาผู้จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้จงดีก็แล้วกัน เพราะคนเหล่านั้นสามารถหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้โดยไม่ต้องเอ่ยพระนามพระมหากษัตริย์ แต่สามารถทำให้คนเข้าใจได้ว่าเขากล่าวหรือกระทำการนั้นๆ เพราะวัตถุประสงค์ใด
...nn น่าสมเพชกับคำพูดที่แสนประหลาดพิสดารชนิดที่ว่าไม่ดูสถานภาพของตนเองที่กล่าวโดยทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ศาลอาญาชั้นต้นยกฟ้องคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพราะทักษิณกล่าวแบบหลงตัวเอง เพราะยังนึกว่าตัวเองคือนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ติดตามข่าววันนั้นได้ยินเหมือนๆ กันว่า วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของทักษิณบอกกับนักข่าวว่า ทักษิณพูดหลังจากศาลยกฟ้องว่าต่อไปนี้จะได้ทำคุณประโยชน์ แล้วก็ทำงานเพื่อประเทศชาติเต็มที่ ถามว่าเหตุใดทักษิณจึงพูดข้อความดังกล่าวราวกับว่าเขาคือ นายกรัฐมนตรี ถามว่าทักษิณจะใช้หน้าที่หรือตำแหน่งใดทำงานเพื่อประเทศชาติ หรือว่านั่นคือคำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งของทักษิณ เนื่องจากทักษิณยังคงเชื่อว่าเขาคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง
...nn วิญญูชนถามว่า ในเมื่อทักษิณอ้างว่าแก่แล้ว จะขอกลับประเทศไทยมาเลี้ยงหลาน แต่แล้วทำไมจึงจะไม่ไปเลี้ยงหลาน แต่เหตุใดจึงขอไปทำงานเพื่อประเทศชาติถามจริงๆ ประเทศไทยต้องรอให้ทักษิณทำงานให้หรือ ประเทศไทยไปไม่รอดหากไม่มีทักษิณหรือ แล้วแน่ใจหรือว่าทักษิณต้องการทำงานให้ประเทศไทยโดยแท้จริง ต้องย้ำว่าคนรู้ทันทักษิณต่างบอกตรงกันว่าทักษิณไม่เคยทำเพื่อประเทศไทย แต่ทำเพื่อตนเองมาโดยตลอด ส่วนคำว่าทำเพื่อประเทศไทยเป็นเพียงคำอ้างสวยหรูเท่านั้น
...nn 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีแพทองธารชินวัตร ถูกฟ้องโดยสมาชิกวุฒิสภา 36 คน เข้าชื่อยื่นให้ประธานวุฒิสภาฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในคดีความเป็นรัฐมนตรีของแพทองธารสิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัวหรือไม่อันเนื่องมาจากเรื่องบทสนทนาระหว่างแพทองธารกับฮุนเซนขอย้ำว่าวิญญูชนในสังคมไทยให้ความเห็นตรงกันว่าบทสนทนานั้นบ่งบอกว่าแพทองธารขายชาติ
...nn ก่อนจะถึง 29 สิงหาคม มีการคาดการณ์ว่าแพทองธารอาจจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะประเมินสถานการณ์การเมืองแล้วว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิพากษาให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะมีความผิดฐานละเมิดจรรยาบรรณ และจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้อย่าลืมว่าตั้งแต่1 กรกฎาคมเป็นต้นมาถึงบัดนี้แพทองธารถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ แล้วทุกคนก็รู้ดีว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญ คือ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ คือผู้ที่อยู่ในส่วนตุลาการรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย ครั้งเมื่อไปไล่ดูการตัดสินของนครินทร์ในคดีต่างๆ ที่สังคมติดตามเฝ้าดูก็จะพบว่านครินทร์คือผู้ที่วางตัวอยู่ในฝ่ายเสียงข้างน้อยของศาลรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด ตั้งแต่คดี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์แห่งพรรคก้าวไกลถือหุ้นบริษัทไอทีวี และคดี เศรษฐา ทวีสิน ไล่เรื่อยมาจนถึงคดี แพทองธาร ชินวัตร ก็ต้องจับตามองกันต่อไปว่าในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ชื่อของ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์จะอยู่ในฝั่งไหน แล้วจะเป็นไปเหมือนที่วิญญูชนวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่
...nn คอการเมืองไทยวิจารณ์ว่า ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยแพทองธารอย่างไรก็ตาม แต่อนาคตการเมืองของแพทองธารสูญสิ้น สิ้นสูญไปแล้วตั้งแต่วันที่วิญญูชนได้ยินเสียงสนทนาระหว่างแพทองธารกับฮุนเซน แห่งกัมพูชา เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แพทองธาร ไม่เหลือความน่าเชื่อถือทางการเมืองอีกต่อไป ไม่ใช่เพราะว่าแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีอายุน้อย แต่เพราะว่าวิญญูชนไม่เชื่อถือไม่ศรัทธาในความซื่อสัตย์ และไม่เชื่อว่ามีจริยธรรมของนักการเมืองแต่ที่หนักที่สุดคือวิญญูชนฟันธงตรงกันว่าแพทองธาร ขายชาติ...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี