แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn อุดมคติหรือการปฏิบัติดำเนินการใดๆ ก็ตามจำเป็นต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง เป็นระเบียบ และสุจริตเป็นพื้นฐาน มิฉะนั้นจะไม่มีวันที่จะทำไปได้ หรือเป็นไปได้อย่างที่คิดเลย เห็นได้จากความจริงที่เป็นมาแล้วไม่ว่าในยุคใดสมัยใด จึงใคร่จะกล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า การฝึกหัดทางใจนี้สำคัญอย่างยิ่งยวด จำเป็นที่จะต้องระมัดระวัง ฝึกฝนอยู่เสมอตลอดชีวิต จึงจะคงความสุจริต เข้มแข็งและเป็นระเบียบไว้ได้ ไม่พ่ายแพ้แก่ความลุ่มหลงลืมตัว... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 13 กรกฎาคม 2516)
...nn ความน่าสมเพชอย่างหนึ่งของสังคมไทยยุคที่คนสอนกฎหมายในมหาวิทยาลัยต่างคนต่างพล่ามต่างพูด พูดกันไปคนละทิศละทาง พูดโดยไม่สนใจหลักนิติปรัชญา เมื่อสังคมมีคนสอนกฎหมายช่างพล่าม แต่พล่ามโดยไม่นำพาหลักนิติปรัชญา สังคมก็จึงเกิดความสับสนอลหม่าน ไม่ต้องดูอะไรมากเลย ดูจากการที่คนสอนกฎหมายออกมาพล่ามว่าศาลรัฐธรรมนูญของไทยเป็นศาลที่ตั้งขึ้นมาเพื่อประหัตประหารนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และยุบพรรคการเมือง รวมถึงสั่งให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง
...nn อันที่จริงหากคนสอนกฎหมายจะวิพากษ์โดยชี้ให้สังคมเห็นชัดเจนว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรายใดที่พิจารณาหรือพิพากษาผิดหลักตัวบทกฎหมาย หรือตัดสินโดยอคติไม่เป็นธรรม ก็ยังน่าจะพอเข้าใจได้ว่าคนสอนกฎหมายพล่ามด้วยหลักการที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แต่เท่าที่เห็นและได้ยินคนสอนกฎหมายจำพวกจอมพล่ามเอาแต่อ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญไทยมีอำนาจมากเกินกว่าศาลรัฐธรรมนูญทั่วโลก ก็ต้องถามคนสอนกฎหมายไทยจำพวกช่างพล่ามกลับว่า แล้วนักการเมือง นายกรัฐมนตรี และพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาลงโทษนั้น ทำผิดกฎหมายจริงหรือไม่ หากคนสอนกฎหมายจอมพล่ามมั่นใจว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ทำตามหลักเกณฑ์ตัวบทกฎหมาย ก็จงชี้ชัดให้กระจ่างแจ้งอย่าดีแต่พล่ามไปเรื่อย ส่วนคนจัดการรายการทีวี วิทยุทั้งแบบ Online และแบบOffline ที่ทำหน้าที่ผู้สัมภาษณ์ก็จงหาความรู้ใส่สมองตัวเองด้วย อย่าดีแต่เปิดเวทีให้คนสอนกฎหมายจอมพล่ามไปพ่นความจริงบ้างเท็จบ้าง แล้วทำให้สังคมเกิดความสับสน
...nn องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังคงอยู่ในกระบวนการไต่สวนตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้กระทำผิดคดีอาญาแผ่นดินและหลบหนีคดีไปจากราชอาณาจักรไทย แล้วที่สุดกลับประเทศไทยเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้ว แต่กลับกลายเป็นประเด็นที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว โดยอ้างว่าตนเองป่วยหนักสาหัสอาจเสียชีวิตได้ทุกวินาที จนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยพักอยู่ห้อง VVIP รอยัลสวีทที่แสนจะหรูหรา ห้องนี้อยู่ที่ตึกชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา แต่ก็มีผู้ยืนยันตรงกันหลายคนว่าทักษิณไม่ได้ป่วยขั้นสาหัสจนเข้าขั้นวิกฤต ดังจะพบว่าจวบจนบัดนี้ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าอาการป่วยสาหัสที่อ้างนั้นคืออาการอะไร ครั้งสาธารณชนขอดูหลักฐานการรักษาทางการแพทย์ ก็กลับถูกบ่ายเบี่ยงอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ทั้งๆ ที่ทักษิณเป็นบุคคลสาธารณะ เรื่องนี้มีความลับลมคมในมากเหลือเกิน มากเสียจนคนมีสติมีปัญญาต่างฟันธงตรงกันว่าทักษิณไม่ได้ป่วยขั้นสาหัสจนอยู่ในช่วงวิกฤตต่อชีวิต แล้วก็มีความเห็นจากสาธารณชนว่าทักษิณอ้างเรื่องนี้เพราะไม่ต้องการอยู่ในคุก แล้วก็เป็นความจริงที่ว่าไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งชี้ชัดเจนว่าทักษิณเข้าคุกแม้แต่วินาทีเดียว
...nn ธรรมกรได้พูดคุยกับอดีตผู้ต้องขังหลายราย โดยมีทั้งผู้ต้องขังในคดีลักทรัพย์ และคดียาเสพติด แต่ต้องย้ำว่าสำหรับผู้ต้องขังคดียาเสพติดนั้นคดียังไม่ถึงที่สุด แต่ถูกศาลสั่งให้จำขังไว้ก่อนระหว่างพิจารณาคดี แล้วได้รับทราบข้อมูลมากมายว่าในคุกมีคนเจ็บป่วยขั้นวิกฤตจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครได้รับอภิสิทธิ์มากมายเหมือนที่ทักษิณได้รับ เรื่องคนคุกเจ็บป่วยสาหัสนั้นก็มีมากมาย แต่เท่าที่เห็นก็พบว่าถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นส่วนใหญ่ ไม่เคยมีใครถูกส่งตัวไปรักษาตัวแล้วพักในห้อง VVIP ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจแต่อาจจะมีอยู่รายหนึ่งที่มีข่าวว่าได้รับอภิสิทธิ์ล้นเหลือ โดยมีข่าวเล่าลือว่าชื่อเสี่ยเปี๋ยง นักโทษคดีโกงจำนำข้าว ขอย้ำว่านักโทษในคุกทั้งชายและหญิงมีอาการเจ็บป่วยกันเกือบทุกคนอาการหนักเบาต่างกันไป แต่ก็ยืนยันว่าคนคุกที่ป่วยหนักป่วยใกล้ตายก็มี แต่ก็ไม่เคยมีใครถูกส่งตัวไปนอนที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เหตุที่ต้องย้ำเรื่องนี้หลายครั้งก็เพื่อจะบอกว่า ไม่มีใครเชื่อว่าทักษิณป่วยหนักขั้นวิกฤตจนใกล้ตาย แล้วที่สำคัญคือหากป่วยหนักจนใกล้ตายแล้วต้องพักรักษาตัวนาน 6 เดือน แล้วสุดท้ายออกมาเฉิดฉายเริงร่าติดปีกบินไปมาแบบทักษิณนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ไม่เชื่อก็ลองไปดูอาการคนป่วยหนักที่ต้องนอนในโรงพยาบาลนาน 6 เดือน ดูก็แล้วกัน ว่ามีกี่คนที่รอดตายและเดินปร๋อเหมือนทักษิณ
...nn หากทักษิณไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ทั้งๆ ที่ทำผิดขั้นร้ายแรงแล้วยังได้รับการลดหย่อนโทษแบบชนิดที่คนทั่วไปไม่มีวันได้รับอภิสิทธิ์เช่นนี้ ก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่าหลักนิติรัฐของไทยมีปัญหาอย่างหนัก หนักชนิดที่ว่าต้องย้ำว่าคุกไทยมีไว้ขังหมากับคนจนเท่านั้น เพราะคุกไทยไม่เคยใช้ขังคนทำผิดที่ทำร้ายบ้านเมืองอย่างสาหัสได้แม้แต่รายเดียว ไม่เชื่อขอให้ดูคนในตระกูลชินวัตร ที่ชื่อทักษิณกับยิ่งลักษณ์ก็จะซาบซึ้งกับคำว่าคุกไทยมีไว้ขังหมา
...nn แล้วถ้ายิ่งไปอ่านคำให้การของหมอและพยาบาลโรงพยาบาลราชทัณฑ์บางรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ (หลับหู หลับตา) ส่งตัวทักษิณไปโรงพยาบาลตำรวจแบบส่งเดช โดยหมอและพยาบาลจำพวกนั้นอ้างว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพเพียงพอกับการรักษาอาการป่วยของทักษิณได้ ก็ต้องถามกลับว่า จงอธิบายว่าอาการป่วยสาหัสที่อ้างนั้นเป็นอย่างไรบ้าง และจงบอกรายละเอียดด้วยว่าให้การรักษาพยาบาลในช่วงแรกก่อนการส่งตัวทักษิณไปโรงพยาบาลตำรวจว่ามีขั้นตอนและวิธีปฏิบัติอย่างไรบ้าง
...nn ยิ่งได้พบคำให้การของหมอบางรายกับศาล ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นคำอ้างที่แสนตลก ไร้ความน่าเชื่อถืออย่างที่สุด โดยเฉพาะการอ้างว่าตอนที่ซักประวัติทำเวชระเบียนนั้นเห็นชัดเจนว่าการระบุในเวชระเบียนไม่มีอาการใดเลยที่บอกว่าทักษิณป่วยหนักจนวิกฤต แต่เหตุใดหลักจากนั้นไม่นานนักจึงต้องส่งตัวทักษิณไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ถามว่าอาการป่วยหนักขั้นวิกฤตเกิดขึ้นได้อย่างไรภายในระยะเวลาเพียงไม่นาน อาการแบบนี้เคยมีตัวอย่างปรากฏมาก่อนหรือไม่ เรื่องแบบนี้ทั้งหมอ พยาบาลโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตอบได้หรือไม่ แล้วหมอที่โรงพยาบาลตำรวจได้ตรวจซ้ำหรือไม่ว่าอาการป่วยขั้นวิกฤตของทักษิณคืออาการอะไร หมอคนไทยเป็นผู้ตรวจ ผลการตรวจอยู่ที่ไหน ขอย้ำว่าสาธารณชนต้องการเห็นหลักฐานชัดๆ และโปรดอย่าอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของทักษิณ เพราะทักษิณไม่ใช่บุคคล no name แต่เขาคือบุคคลสาธารณะ เพราะฉะนั้นจึงต้องเปิดเผยอาการป่วยของทักษิณให้สาธารณชนรับรู้
...nn เรื่องละเลงผลาญงบประมาณแผ่นดินแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำโดยรัฐบาลชุดนี้ถือเป็นเรื่องถนัดของเขา เพราะนอกจากกู้เงินมาแจกเพื่อใช้ซื้อคะแนนการเมืองแล้ว ก็ยังขยันผลาญงบฯ จัดงานที่ไม่สามารถระบุตัวชี้วัดว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตรงไหนบ้าง ล่าสุดเมื่อวันที่ 8-11 กรกฎาคม รัฐบาลนี้จัดงานผลาญงบฯ โดยอ้างว่าเพื่อโฆษณาซอฟต์ พาวเวอร์ ที่น่าประหลาดใจคืองานนี้เชิญทักษิณ ชินวัตร และ เศรษฐา ทวีสิน ไปพูดบนเวทีด้วย แต่งานนี้มีคนที่ไม่ยอมพลาดโอกาส present ตัวเองคือแพทองธารโดยยังอุตส่าห์พูดเรื่อง Soft Power แบบผิดๆ พลาดๆ ส่วนทักษิณก็ยังคงฝันค้างอยู่กับเรื่อง OTOP แต่ที่สุดประหลาดคือเศรษฐาขึ้นเวทีพร้อมกับ บัวขาว เมฆบัญชา นักมวยไทยชื่อดัง และน้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโด รางวัลเหรียญทองโอลิมปิก หัวข้อที่เศรษฐาพูดกับนักกีฬาคือหวนคิดกีฬาไทยในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง (Rethinking Thai Sports in a Disruptive Era) เห็นหัวข้อนี้แล้วทำให้มีคำถามว่าเทควันโดเป็นกีฬาไทยตั้งแต่เมื่อไรเหรอ...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี