**การสิ้นสุดหน้าที่ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงวัฒนธรรม และ คณะรัฐมนตรี (อุ๊งอิ๊ง2)...แน่นอนว่าสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองแน่นอน...และก็ถึงขั้นที่จะมีการเปลี่ยนขั้วในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยเลย...ตอนนี้ที่โดดเด่นมากที่สุดก็นาจะเป็นขั้ว “สีน้ำเงิน”...เพราะเดินเกมเร็วตั้งแต่ก่อนที่จะมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ...การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้น่าจะวุ่นวายหนักหนาอยู่เอาการเลย...ซึ่งแน่นอนว่ากระทบกับภาคเศรษฐกิจด้วย...อันดับแรกที่มาก่อนใครก็คือความเชื่อมั่นของนักลงทุน...เพราะมีความเสี่ยงมากกับการใช้จ่ายของภาครัฐ ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นที่พึ่งสำคัญที่จะมาช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทยในยามนี้...และถ้าจะเขียนให้มันตรงกับคอลัมน์...แวดวงการเงิน...ก็หนีไม่พ้นเรื่องของการสรรหาผู้บริหารเบอร์ 1 ของธนาคารของรัฐ 3 แห่ง ที่กำลังอยู่ในกระบวนการสรรหาอยู่ตอนนี้...ทั้งธนาคารออมสิน...ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)...ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย...เนื่องด้วยไม่รู้ว่า...คุณพิชัย ชุณหวชิร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง...จะได้กลับมานั่งในตำแหน่งนี้อีกหรือไม่ (บอกเลยว่าดูสถานการณ์แล้วตอนนี้คือยาก เพราะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไม่น่าจะใช่พรรคเพื่อไทยอีกแล้วล่ะ)...ตอนนี้ก็นึกไม่ออกนะว่ามือเศรษฐกิจฝีมือดีๆในค่าย “สีน้ำเงิน”คนไหนจะถึงขั้นเป็น รมว.คลัง ได้...งานนี้ดูท่าแล้ว...แบงก์รัฐ 2 แห่ง คงจะได้ใช้บริการ “รักษาการ”กันไปยาวๆเลยครับพี่น้อง...ทั้ง ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย...ส่วนที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)...คุณกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส.จะครบอายุเกษียณ ปลายปี 2568...ก็อาจจะมีลุ้นว่าอาจจะไม่ต้องใช้บริการ “รักษาการ”ยาวนัก...อ้อ...เกือบลืมเลย...การเปลี่ยนขั้วอำนาจที่คุมกระทรวงการคลัง...ในครั้งนี้นั้น...ก็ได้จุดประกายแห่งความหวังให้กับ...“นายแบงก์รัฐ”...ท่านหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง...หลังจากก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะยังต้องอดทนรอต่อไปก่อน...กับความตั้งใจอยากจะเป็น...“นายแบงก์หัวใจสีชมพู”...**

** อนันตเดช พงษ์พันธุ์**