วันพุธ ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันพุธ ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ทักษิณติดคุกจากกรรมเก่า และเสี่ยงถูกแจ้งข้อหาใหม่เพิ่มจากปมชั้น14

ดูทั้งหมด

  •  

อุ๊งอิ๊งค์ออกไป ทักษิณเข้าคุก... เป็นจริงแล้ว

เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่คุมตัวอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เข้าคุก


หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่ง ในคดีบังคับโทษนายทักษิณ ชินวัตร ไม่เป็นไปตามคำพิพากษา

โดยศาลฯ ได้มีคำสั่งให้นายทักษิณกลับไปรับโทษจำคุก 1 ปี

รายงานข่าวว่า องค์คณะมีมติเป็นเอกฉันท์

ปรากฏว่า หลังจากนั้น ฝ่ายการเมืองบางกลุ่มพยายามปั่นกระแสดราม่า หวังสร้างคะแนนสงสารให้ทักษิณ ชินวัตร (ทั้งๆ ที่ ไม่ยอมติดคุกจริงๆ ตั้งแต่ต้น)

1. ความจริงชั้น 14 ปรากฏชัดเจนเป็นที่ยุติแล้ว

ในคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง คําสั่งคดี หมายเลขดําที่ บค๑/๒๕๖๘ กรณีศาลมีคําสั่งให้ไต่สวนว่า การบังคับโทษพันตํารวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร จําเลย เป็นไปตามหมายจําคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในคดีหมายเลขแดงที่ อม ๔/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม ๕/๒๕๕๑ และคดีหมายเลขแดง ที่ อม ๑๐/๒๕๕๒ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง หรือไม่

ปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ และศาลฯ ได้ชี้ประเด็นสำคัญอย่างยิ่ง ระบุว่า

“...คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายว่า มีการบังคับโทษจําเลยเป็นไปตามหมายจําคุกเมื่อคดีถึงที่สุดหรือไม่

ในวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ หลังจากเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครได้รับตัวจําเลยไว้ตามหมายจําคุกเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วได้นําตัวจําเลยไปคุมขังไว้ที่ห้องกักโรค แดน ๗ ซึ่งเป็นสถานพยาบาลของเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยมีแพทย์ประจําทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตรวจร่างกายจําเลยขณะรับตัวและสรุปประวัติการรักษาโรคของจําเลยจากเวชระเบียนของโรงพยาบาลต่างประเทศ รวม ๑๐ โรค

อาการโดยรวมทั้งหมดคงที่ มีเพียง ๓ โรค ที่แพทย์ประจําทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เห็นว่าจําเลยควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม ได้แก่ โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทและโรคหัวใจเนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง และโรคไวรัสตับอักเสบบีเนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีคลินิกโรคตับ

จึงมีความเห็นว่า จําเป็นต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลภายนอกเรือนจําซึ่งมีศักยภาพสูงกว่าในวันและเวลาราชการ แต่อยู่ในภาวะที่ไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน

สอดคล้องกับความเห็นของศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก แพทยสภา

แต่ข้อเท็จจริงได้ความจากพยาบาลเวรว่า ในคืนวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ เวลา ๒๒ นาฬิกา จําเลยแจ้งว่ามีอาการอ่อนเพลีย ขาขวาอ่อนแรงเล็กน้อย นอนไม่หลับ บ่นแน่นหน้าอกและมีความดันโลหิตสูง วัดความดันโลหิตจําเลยได้ ๑๗๘/๙๘ มิลลิเมตรปรอท หัวใจเต้น ๘๖ ครั้ง/นาที หายใจ ๒๔ ครั้ง/นาที ออกซิเจนปลายนิ้ว ๙๒ เปอร์เซ็นต์ อุณหภูมิร่างกาย ๓๖.๘ องศาเซลเซียส พยาบาลเวรทําบันทึกข้อความขอส่งตัวจําเลยไปรักษาตัวนอกเรือนจํา พัศดีเวรอนุญาตให้ส่งตัวจําเลยไปรักษาตัวนอกเรือนจํา หลังจากนั้น เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครส่งตัวจําเลยไปโรงพยาบาลตํารวจ โดยไม่ได้ส่งตัวจําเลยไปที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งมีแพทย์เวรประจําอยู่ในคืนดังกล่าวและทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์อยู่ห่างจากเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครเพียง ๒๐๐ เมตร

ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และกฎกระทรวงดังกล่าวมีสาระสําคัญของการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจําที่จะต้องปฏิบัติเป็นลําดับขั้นตอน ดังนี้

กล่าวคือ เมื่อผู้ต้องขังป่วยต้องได้รับการตรวจ จากแพทย์ในสถานพยาบาลของเรือนจําโดยเร็วตามมาตรา ๕๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกฎกระทรวงดังกล่าวข้อ ๒ วรรคหนึ่ง หากแพทย์ เห็นว่าผู้ต้องขังรักษาตัวในสถานพยาบาลของเรือนจําแล้วจะไม่ทุเลาดีขึ้น และแพทย์ พยาบาล หรือเจ้าพนักงานเรือนจําซึ่งผ่านการอบรมด้านการพยาบาลเสนอให้เจ้าพนักงานเรือนจําพาผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจํา จึงให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจําได้

การส่งตัวจําเลยไปรักษาตัวนอกเรือนจําไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕๕ และกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจํา พ.ศ. ๒๕๖๓

นอกจากนี้ การส่งตัวจําเลยออกไปรักษาตัวนอกเรือนจํา แบบฉุกเฉิน เนื่องจากจําเลยมีอาการแน่นหน้าอก แต่ข้อเท็จจริงได้ความจากเจ้าพนักงานเรือนจําชุดควบคุมว่า เมื่อส่งตัวจําเลยไปถึงโรงพยาบาลตํารวจได้พาจําเลยไปที่ห้องพักพิเศษ ชั้นที่ ๑๔ ของอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ ๘๘ พรรษา (มมร.) ซึ่งไม่ใช่ห้องฉุกเฉินหรือห้องอุบัติเหตุ ขัดกับระเบียบโรงพยาบาลตํารวจ ว่าด้วยการรับตัวผู้ป่วยคดีที่เป็นผู้ต้องหา ผู้ต้องกัก ผู้ต้องขังหรือนักโทษเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลตํารวจ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่กําหนดแนวทางการตรวจรักษาใน กรณีผู้ป่วยฉุกเฉินไว้ในข้อ ๕.๓ ว่า ในกรณีนอกเวลาราชการ แพทย์ผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่ห้องฉุกเฉินและอุบัติเหตุจะเป็นผู้ให้การตรวจ รักษา และกําหนดแนวทางการรับตัวผู้ป่วยคดีไว้ในห้องผู้ป่วยไว้ในข้อ ๖.๒ ว่า ให้รับตัวผู้ป่วยคดีไว้ที่ห้องผู้ป่วยที่โรงพยาบาลตํารวจจัดไว้สําหรับผู้ต้องหา ผู้ต้องกัก ผู้ต้องขังหรือนักโทษ เว้นแต่นายแพทย์ใหญ่ (สบ ๘)จะพิจารณา อนุญาตเป็นอย่างอื่น

ประกอบกับได้ความจากศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ประสิทธิ์และศาสตราจารย์นายแพทย์ ไชยรัตน์ ที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับการรักษาจําเลยในคืนที่รับตัวสรุปได้ว่า เมื่อพยานทั้งสองตรวจสอบจากเวชระเบียนบันทึกความคืบหน้าการรักษา เอกสารหมาย ศ.๒ แผ่นที่ ๑๔ และที่ ๑๕ พบว่าในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ ที่มีการส่งตัวจําเลยมาที่ โรงพยาบาลตํารวจโดยอ้างว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นไม่มีการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และไม่มีการตามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน โรคหัวใจมาดูอาการในทันที เพิ่งจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจเข้ามาตรวจจําเลยในวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ หรือหลังจาก ๒๔ ชั่วโมงไปแล้ว

และได้ความจากนายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อํานวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในขณะนั้น และนายแพทย์พงศ์ภัค ซึ่งเป็นแพทย์เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคหัวใจ สรุปได้ว่าที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีเครื่องมือตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ มียาขยายหลอดลมและยาลดความดันโลหิตที่ใช้รักษาจําเลยตามเวชระเบียนของโรงพยาบาลตํารวจในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖

แสดงให้เห็นได้ว่า อาการของจําเลยในคืนเกิดเหตุอยู่ในศักยภาพที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ ไม่จําต้องส่งตัวจําเลยไปรักษานอกเรือนจํา

เชื่อได้ว่า ในคืนวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ จําเลยไม่ได้มีอาการแน่นหน้าอก แต่อ้างว่ามีอาการแน่นหน้าอก เพื่อให้เจ้าหน้าที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครใช้เหตุดังกล่าวเป็นข้ออ้างในการส่งตัวจําเลยไปรักษา

นอกจากนี้ ยังได้ความจากนายแพทย์วัฒน์ชัยและนายแพทย์พงศ์ภัคอีกว่า อาการของจําเลยตามที่ระบุใน เวชระเบียนของโรงพยาบาลตํารวจนับแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไปนั้น ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถดูแลจําเลยได้

ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ พันตํารวจเอกนายแพทย์ชนะก็เบิกความยืนยันว่า อาการของจําเลยตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ จําเลยสามารถกลับไปรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้

จึงเห็นได้ว่า อาการแน่นหน้าอกของจําเลยหากเกิดขึ้นจริงดังที่จําเลยอ้าง อาการของจําเลยก็ทุเลาดีขึ้นและจําเลยก็สามารถกลับไปรักษาตัวที่สถานพยาบาลของเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครหรือทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป

สําหรับการรักษาจําเลย ที่โรงพยาบาลตํารวจตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ จนถึงวันที่จําเลยออกจากโรงพยาบาลตํารวจเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นั้น แพทย์โรงพยาบาลตํารวจออกใบแสดงความเห็นแพทย์ให้เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครและผู้บัญชาการเรือนจําพิเศษ กรุงเทพมหานครใช้ใบรับรองแพทย์ฉบับลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๖ วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖ และวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ เป็นหลักฐานประกอบบันทึกข้อความถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขออนุญาตให้จําเลยพักรักษาตัวนอกเรือนจําต่อไปเกินกว่า ๓๐ วัน ๖๐ วัน และ ๑๒๐ วัน โดยอ้างเหตุต้องรักษาแผลผ่าตัด ต้องรับการผ่าตัดเร่งด่วน ต้องรักษาสมองขาดเลือดและผ่าตัดภาวะ กระดูกคอเสื่อม ตามลําดับ

ทั้งที่การผ่าตัดตามที่ระบุในใบแสดงความเห็นแพทย์ เป็นการผ่าตัดนิ้วล็อก ผ่าตัดเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งฉีกขาดเพราะจําเลยประสบอุบัติเหตุขณะพักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจ และมิใช่สาเหตุการป่วยอันเป็นเหตุที่อ้างใช้ส่งตัวจําเลยมาที่โรงพยาบาลตํารวจ

และการผ่าตัดภาวะกระดูกคอเสื่อม แพทย์เคยเสนอจําเลยให้ผ่าตัดภายหลังจากจําเลยอยู่โรงพยาบาลตํารวจ แต่จําเลยปฏิเสธการผ่าตัด

ทั้งได้ความว่า ในที่สุดก็ไม่มีการผ่าตัดกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาทของจําเลยแต่อย่างใด จนกระทั่งจําเลยออกจากโรงพยาบาลตํารวจ

ข้อเท็จจริง จึงรับฟังได้ว่า การบังคับโทษจําคุกจําเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และตามพฤติการณ์ดังกล่าวมาข้างต้น บ่งชี้ให้เห็นว่า จําเลยทราบข้อเท็จจริงหรือรับรู้เหตุการณ์ได้ว่าตนไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน แต่จําเลยมีเพียงโรคประจําตัวซึ่งเป็นโรค เรื้อรังที่รักษาตัวแบบผู้ป่วยนอกได้ โดยไม่จําเป็นต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจ เพราะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและสภาวะร่างกายของจําเลยเอง

นอกจากนั้น ยังได้ความว่าจําเลยเข้ามามีส่วนตัดสินใจในกระบวนการรักษาของแพทย์ โดยปฏิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจและโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่ให้แพทย์รักษาโดยการรับประทานยาตามอาการและเลือกรับการผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวาซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และเป็นผลทําให้การรักษาตัวจําเลยในโรงพยาบาลตํารวจขยายระยะเวลาออกไป

จําเลยจึงได้รับประโยชน์จากการพักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจ โดยไม่ต้องกลับไปถูกคุมขังที่เรือนจําพิเศษ กรุงเทพมหานครจนได้รับการปล่อยตัว

และไม่อาจอ้างว่าเป็นการดําเนินการของแพทย์และเจ้าหน้าที่มิได้เกิดจากการกระทําของจําเลยเพื่อถือเอาประโยชน์จากระยะเวลาที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจมาหักวันคุมขังโทษตามคําพิพากษา

เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ มีพระบรมราชโองการพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้จําเลยเหลือโทษจําคุกต่อไป อีก ๑ ปี ตามกําหนดโทษตามคําพิพากษา ดังนี้ ย่อมมีผลทําให้จําเลยได้รับการลดโทษ และต้องรับโทษจําคุกตามคําพิพากษาต่อไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ แต่หามีผลทําให้การบังคับโทษจําคุกจําเลยสิ้นสุดลงไม่ เมื่อการบังคับโทษจําเลยเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้น กระบวนการบังคับโทษ รวมทั้งการพักการลงโทษจําเลย จึงไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่อาจนําเอาระยะเวลาที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจมาหักเป็นวันคุมขังได้ จําเลยจึงต้องรับโทษจําคุกอีก ๑ ปี ตามพระบรมราชโองการ...”

2. ความจริงชัดแจ้งแดงแจ๋ ใครจะแหล๋อะไรอีก ก็ระวัง...

ระวังอะไร?

ระวังว่า ทักษิณจะถูกแจ้งข้อหาฐาน “สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 157”

ข้อหานี้ ป.ป.ช. แจ้งเพิ่มเติมได้เลย ในคดีที่แจ้งดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่รัฐอยู่แล้ว

พิจารณาคำสั่งศาลฎีกาฯ เนื้อหาระบุว่า ทักษิณไม่ใช่ไม่รู้เรื่องรู้ราว

เพราะฉะนั้น ตอนนี้ คนที่ต้องลุ้นขี้เยี่ยวราด...

หนึ่ง กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่เอื้อประโยชน์ ช่วยเหลือทักษิณ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (ป.ป.ช.กำลังไต่สวนอยู่)

ขณะนี้ ดูเหมือนขาข้างหนึ่ง เสมือนเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว

สอง ตัวทักษิณเอง รู้อยู่แก่ใจว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าว จะโดนคดีเพิ่มด้วยหรือไม่

ซึ่งไม่ใช่การดำเนินคดีซ้ำ เพราะคำสั่งศาลฎีกานี้ ไม่ใช่การดำเนินคดีเอาผิดทักษิณตามพฤติการณ์เรื่องชั้น 14 แต่เป็นการตรวจสอบว่าติดคุกตามคำพิพากษาเดิมหรือไม่ (คดีหวยบนดินเอ็กซิมแบงก์ หุ้นชินฯ)

แต่กรณีหากสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่มิชอบในกรณีชั้น 14 เพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์นั้น ยังไม่มีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีแก่ทักษิณแต่อย่างใด?

ป.ป.ช..ว่าไง หรือจะละเว้นเสียเอง?

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
07:53 น. ขอบคุณทักษิณ ที่ยอมเข้าเรือนจำ! ยกศาลฎีกาฯ สร้างบทเรียน-บรรทัดฐานให้สังคมไทย
07:44 น. เนปาลลุกเป็นไฟ! ม็อบเจนซีหัวรุนแรงจับ'เมียอดีตนายกฯ'ขังในบ้านก่อนเผาทั้งเป็น
07:41 น. วันนี้ระวัง! กรมอุตุฯคาดฝนตกหนัก70%ทั่วไทย คลื่นลมทะเลอันดามันสูง2เมตร
07:39 น. 'อดีตผู้พิพากษา' เห็นด้วยคำสั่งบังคับโทษจำคุก แต่เห็นแย้งวันเริ่มนับโทษ ชี้'ทักษิณ'อาจขอ'ขังนอกเรือนจำ'
07:00 น. แนวหน้าวิเคราะห์ : ผลศาลฯสั่ง‘ทักษิณ’กลับจำคุก 1 ปี คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 เขย่า‘เพื่อไทย’รอวันแตก?!
ดูทั้งหมด
‘ตูมตาม’ช็อก!จากคุณหมอในห้องผ่าตัด สู่นักโทษในห้องขัง
(คลิป) 'ทักษิณ' ติดคุก! อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย
เปิดวาร์ป! 'จ๋า ธนนนท์'สาวเก่งเจ้าของธุรกิจคาเฟ่ ผู้คว้าหัวใจ'อนุทิน' แม้อายุห่าง20ปี
'ตู่ นันทิดา'คัมแบ็กวงการบันเทิง! เปิดใจครั้งแรกสาเหตุยุติเส้นทางการเมือง
'ต๊ะ นารากร'ส่ายหัว! ติงพิธีกรร่วม ปล่อย'แขก คำผกา'บูลลี่ สส.ปชน.ป่วยซึมเศร้า
ดูทั้งหมด
‘ทักษิณ’นายกฯไทยคนแรกโกงแล้วติดคุก
ITA ภาพลวงตาแห่งความโปร่งใสแบบ Made in Thailand รัฐไทยทำโชว์
หนอนร้อยขาฆ่าไม่ตาย
ทักษิณติดคุกจากกรรมเก่า และเสี่ยงถูกแจ้งข้อหาใหม่เพิ่มจากปมชั้น14
บุคคลแนวหน้า : 10 กันยายน 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เฮทดเจ็บ! ช้างศึกทุบเสือเหลืองคว้าตั๋วเอเชียยู23

'ครม.หนู'นิ่ง! 'อนุทิน'ยัน'ศุภจี'นั่ง'รมว.พาณิชย์' จ่อเปิดตัวพรุ่งนี้

ราชกิจจาฯประกาศให้'รุ่งเรือง พิทยศิริ-อ้น ทิพานัน-อัศวิน ขวัญเมือง'เลื่อนขึ้นเป็น สส.บัญชีรายชื่อ

เกิดอะไรขึ้น? 'เปิ้ล นาคร'ออกประกาศร่อนจดหมายปลดพนักงาน

(คลิป) ด่วน! เปิดคลิป‘ทักษิณ’นั่งรถราชทัณฑ์มุ่งหน้าเข้าเรือนจำคลองเปรม

‘กรมคุก’ชี้แจง! ปมย้าย‘ทักษิณ’ขังเรือนจำคลองเปรม

  • Breaking News
  • ขอบคุณทักษิณ ที่ยอมเข้าเรือนจำ! ยกศาลฎีกาฯ สร้างบทเรียน-บรรทัดฐานให้สังคมไทย ขอบคุณทักษิณ ที่ยอมเข้าเรือนจำ! ยกศาลฎีกาฯ สร้างบทเรียน-บรรทัดฐานให้สังคมไทย
  • เนปาลลุกเป็นไฟ! ม็อบเจนซีหัวรุนแรงจับ\'เมียอดีตนายกฯ\'ขังในบ้านก่อนเผาทั้งเป็น เนปาลลุกเป็นไฟ! ม็อบเจนซีหัวรุนแรงจับ'เมียอดีตนายกฯ'ขังในบ้านก่อนเผาทั้งเป็น
  • วันนี้ระวัง! กรมอุตุฯคาดฝนตกหนัก70%ทั่วไทย คลื่นลมทะเลอันดามันสูง2เมตร วันนี้ระวัง! กรมอุตุฯคาดฝนตกหนัก70%ทั่วไทย คลื่นลมทะเลอันดามันสูง2เมตร
  • \'อดีตผู้พิพากษา\' เห็นด้วยคำสั่งบังคับโทษจำคุก แต่เห็นแย้งวันเริ่มนับโทษ ชี้\'ทักษิณ\'อาจขอ\'ขังนอกเรือนจำ\' 'อดีตผู้พิพากษา' เห็นด้วยคำสั่งบังคับโทษจำคุก แต่เห็นแย้งวันเริ่มนับโทษ ชี้'ทักษิณ'อาจขอ'ขังนอกเรือนจำ'
  • แนวหน้าวิเคราะห์ : ผลศาลฯสั่ง‘ทักษิณ’กลับจำคุก 1 ปี คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 เขย่า‘เพื่อไทย’รอวันแตก?! แนวหน้าวิเคราะห์ : ผลศาลฯสั่ง‘ทักษิณ’กลับจำคุก 1 ปี คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 เขย่า‘เพื่อไทย’รอวันแตก?!
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ทักษิณติดคุกจากกรรมเก่า  และเสี่ยงถูกแจ้งข้อหาใหม่เพิ่มจากปมชั้น14

ทักษิณติดคุกจากกรรมเก่า และเสี่ยงถูกแจ้งข้อหาใหม่เพิ่มจากปมชั้น14

10 ก.ย. 2568

คืนชีพ ‘คนละครึ่ง’  แต่ต้อง ‘ไม่หยุดแค่คนละครึ่ง’

คืนชีพ ‘คนละครึ่ง’ แต่ต้อง ‘ไม่หยุดแค่คนละครึ่ง’

9 ก.ย. 2568

ทักษิณอัสดง  เพื่อไทยฝ่ายค้าน

ทักษิณอัสดง เพื่อไทยฝ่ายค้าน

8 ก.ย. 2568

นักการเมืองแย่งอำนาจกัน  อย่าบังอาจกดดันเบื้องสูง

นักการเมืองแย่งอำนาจกัน อย่าบังอาจกดดันเบื้องสูง

5 ก.ย. 2568

ชิงเหลี่ยมการเมือง  ส้ม แดง น้ำเงิน

ชิงเหลี่ยมการเมือง ส้ม แดง น้ำเงิน

4 ก.ย. 2568

ดาบสอง ยุบพรรค  ดาบสาม อาญา

ดาบสอง ยุบพรรค ดาบสาม อาญา

3 ก.ย. 2568

พรรคแดง... สส.ผึ้งแตกรัง หรือเห็บกระโดด?  พรรคส้ม... คิดแต่ผลประโยชน์การเมืองของตนเอง

พรรคแดง... สส.ผึ้งแตกรัง หรือเห็บกระโดด? พรรคส้ม... คิดแต่ผลประโยชน์การเมืองของตนเอง

2 ก.ย. 2568

ทำในเรื่องที่ไม่มีอำนาจ  ระวังจะติดคุกตอนแก่

ทำในเรื่องที่ไม่มีอำนาจ ระวังจะติดคุกตอนแก่

1 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved