วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
การติดตามและศึกษาค้นคว้าหาความจริงที่มากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดกับบ้านเมืองของเรา เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนทุกคน และสำคัญมากที่สุดกับกลุ่มคนที่ได้ชื่อว่าปัญญาชนเพราะปัญญาชนจะช่วยทำหน้าที่เป็นผู้ให้ข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ด้วยสติปัญญากับสังคมได้ แต่ย้ำว่าต้องเป็นปัญญาชนจริงๆ ไม่ใช่พวกที่อยู่ในคราบปัญญาชน แต่เนื้อแท้เป็นคนอับจนปัญญา
ก่อนอื่นต้องชื่นชมเรื่องที่คนกลุ่มหนึ่งซึ่ง (น่าจะ) เป็นนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ติดตามเรื่องราวของบ้านเมืองเมื่อครั้งยุคที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วกล้าประท้วงโดยตรงกับอภิสิทธิ์ แล้วก็ต้องชื่นชมอภิสิทธิ์มากที่ให้เวลาตอบคำถามกับคนที่ (น่าจะ) เป็นนิสิต แต่ก็เกิดอาการสมเพชขึ้นมาโดยพลัน เมื่อได้ฟังคำพูดของคู่สนทนากับอภิสิทธิ์ เพราะมันสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ไม่มีเหตุผลไม่มีปัญญา ไม่มีความรู้ แต่มีเพียง กูจะเชื่อแบบนี้
แน่นอนว่ามีคนตายในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ไม่สงบ ไม่ถูกกฎหมายโดยคนกลุ่มสีเสื้อหนึ่งในยุคอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ได้ถูกศาลระบุชัดว่าเป็นการชุมนุมที่มีอาวุธ และใช้ความรุนแรง ส่วนความรุนแรงที่เกิดขึ้นและอาวุธสงครามที่ถูกค้นพบในการชุมนุมนั้นจะเป็นของฝ่ายใด เรื่องนี้ก็ได้ถูกระบุชัดแล้วเช่นกัน แต่ยกเว้นว่าคนที่ก่อความรุนแรงและมีอาวุธสงครามจะปฏิเสธความจริง
และที่แน่นอนยิ่งกว่าคือ การชุมนุมทางการเมืองในครั้งนั้น จงใจละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น และย้ำว่าเต็มไปด้วยความรุนแรงสารพัดชนิด ทั้งคำพูดทั้งอาวุธชนิดต่างๆ ซึ่งก่อนจะมีคำสั่งสลายการชุมนุมก็ได้ปรากฏชัดว่ามีการจงใจเผาทำลายสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะสถานที่ของเอกชนหลายแห่ง และยังมีการทำลายทรัพย์สินของราชการอีกจำนวนมาก แต่ที่มากกว่านั้นคือมีการยืนยันชัดเจนว่ามีอาวุธสงคราม
ย้อนกลับไปที่เหตุการณ์ในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวัน 2-3 วันที่ผ่านมาต้องบอกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามว่าคนที่ (อ้างว่า) เป็นนิสิตรัฐศาสตร์ที่ถามคำถามเรื่องเหตุความไม่สงบในครั้งที่อภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติของปัญญาชนจริงๆ หรือ เหตุที่สังคมตั้งคำถามเช่นนี้ เพราะว่าเมื่อฟังคำพูดของคนผู้นั้นแล้วทำให้เกิดคำถามว่า การเรียนรู้วิชาด้านรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะการเมืองไทย ของเขาคนนั้น ประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลวกันแน่ และมีคำถามอีกว่า คนที่สนทนา (แต่ไม่ฟังคู่สนทนา) มีความรู้พื้นฐานด้านการเมือง ที่ว่าด้วยการแบ่งและคานอำนาจกันระหว่างฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ หรือไม่ เพราะว่าเมื่อฟังคำพูดของอภิสิทธิ์แล้วเห็นได้ชัดว่าเขาพยายามชี้แจงเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆ และบอกแม้กระทั่งเรื่องราวบนศาล และยังบอกอีกว่าขณะนี้ยังมีบางคดีที่ศาลยุติธรรมยังพิจารณาไม่จบสิ้น
แต่คำจากคู่สนทนาของอภิสิทธิ์ที่แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าไม่ฟังคำชี้แจงของคู่สนทนา แถมยังน่าจะมีปัญหาการเข้าใจเรื่องการแบ่งและคานอำนาจอธิปไตยโดยสามฝ่าย คือบริหารตุลาการ และนิติบัญญัติ คำพูดที่น่าสมเพชเหลือเกินจากคู่สนทนาของอภิสิทธิ์คือ นายกรัฐมนตรีทำได้เท่านี้หรือ
ต้องถามย้ำว่า คนที่คุยกับอภิสิทธิ์รายนี้เรียนรัฐศาสตร์จริงหรือ ไม่ว่าจะเรียนจากจุฬาฯ หรือที่ไหนๆ ในประเทศไทยก็ตาม ถามย้ำว่าเรียนรัฐศาสตร์มาจริงๆ หรือ มันไม่ใช่เรื่องผิดที่คนนั้นจะชื่นชมหรือเชียร์คนเสื้อสีไหน แต่คำถามคือ แล้วนางจะไม่สนใจความเดือดร้อนของคนเสื้อสีอื่นบ้างหรือ หรือนางคิดเพียงว่ามีหน้าที่สร้างประเด็นให้เป็นข่าว โดยไม่นำพาว่าประเด็นที่สร้างนั้นจะบ่งบอกระดับสติปัญญาหรือไม่
ขอทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์ที่น่าจะเข้าข่ายทำให้สังคมไทยต้องตั้งคำถามกับการเรียนการสอนด้านรัฐศาสตร์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คำถามที่สาธารณชนตั้งไปยังคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ คือ สอนรัฐศาสตร์แล้วคนเรียนได้เพียงเท่านี้เองหรือ หรือว่าความพิกลพิการของเรื่องนี้มันอยู่ที่คนสอนวิชารัฐศาสตร์ ของจุฬาฯ เป็นสำคัญ

‘เกาะสมุย’คึกคัก! ‘เรือสำราญ’ 2 ลำนำนักท่องเที่ยวกว่า 2 พันคนขึ้นเที่ยว
ชายวัย62ขี่ซาเล้งข้ามฝายน้ำล้น ไหลเชี่ยว ถูกกระแสน้ำซัดตก กู้ภัยช่วยทุกลักทุเลกว่า 1 ชม.รอดตาย
แบบนี้ก็ได้เหรอ!? เพจดังเปิดภาพเสื้อหน่วยงานตร.แห่งหนึ่งในสงขลา พร้อมสกรีนชื่อ สส.คนดัง!
‘เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์’เตรียมทยอยปรับเพิ่มระบายน้ำ หลังฝนตกต่อเนื่องเหนือเขื่อน
‘กกต.’พร้อมทำ‘ประชามติ’ล่วงหน้านอกเขต รับข้อเสนอ‘ไอติม’ชงออกระเบียบรองรับ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี