Game ON : บทวิพากษ์หลังเกม‘หงส์’หักด่านยูงทอง

......จากการเป็น"ผู้ล่า"มาเป็น"ผู้ถูกล่า" ผ่านเกมแรกไปอย่างโชกโชน

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องเร่งเครื่องก่อนจะผ่าน "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด สุดสะเด่า

เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ใช้แผนปรีซีซั่น แต่ใช้แผนที่ครองแชมป์ทั่วโลกา แล้วเขาก็ทำให้ไม่มีคำถามในการตัดสินใจอีกครั้ง

ชนะ 4-3 ไม่แพ้ในบ้าน 60 นัดติดต่อกัน

.............ครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ไปหลงเหลี่ยมลีดส์นานกว่าครึ่งชั่วโมง

ชิพที่ถูกฝังมาจาก บิเอลซ่า นั่นคือการใช้พละกำลังในการเล่น สปีดเข้าใส่ เพรสแบบกดหนักๆ  ชวนทะเลาะ ชวนให้เล่นบอลเร็ว

ลิเวอร์พูล ในปีนี้ออกสตาร์ทการเล่นด้วยการออกบอลเร็วขึ้น ไม่ได้เน้นบอลเคาะไปมา ยอดการจ่ายบอลจึงแทบจะเท่ากับ ลีดส์ นั่นหมายความว่า เกิดเหตุไม่ปกติขึ้นอย่างชัดเจน

กระทั่งการเสียประตูที่ 2 โดนตีเสมอ ทำให้ ลิเวอร์พูล กลับมาเล่นบอลดีเลย์มากยิ่งขึ้น สปีดบอลช้าลง ก่อนจะอาศัยการประกบที่หละหลวม และยังต้องใช้เวลาปรับจูนตรงจุดของ โรบิน คอช ทำให้สกอร์กลับมาเป็นการนำครั้งที่ 3 ของแชมป์เก่า

เราจะสังเกตได้ว่า ลิเวอร์พูล ได้ประตูนำทั้ง 3 ครั้ง มาจากจังหวะการที่มีความผิดพลาดของลีดส์มาเกี่ยวข้องทั้งนั้น

ในทางกลับกัน ลีดส์ ได้ 2 ประตูก็มาจากจังหวะที่ไม่น่าผิดพลาดของกองหลังลิเวอร์พูล เช่นกัน

1-0 แฮนด์บอลของ คอช ทำให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อัดเข้าไปเต็ม ๆ

1-1 บอลทิ้งมาปกติ แต่มันไม่ปกติเมื่อ แฮร์ริสัน จับบอลและโดนอกตัวเอง ก่อนจะไปต่อได้หน้าตาเฉย เผาทั้ง เทรนด์ และโกเมซ แล้วยิงยัดตามจังหวะสปีด

2-1 การสกรีนที่ธรรมดามากจากจังหวะเตะมุม แต่ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ได้โหม่งแบบสบาย

2-2 บอลรั่วมาจากทางฝั่ง โกเมซ อีกที แล้ว ฟาน ไดจ์ค ก็พลาดแบบหมูหก เพราะเล่นบอลอย่าง "ย่ามใจ" เกินไป

3-2 กองหลังลีดส์ ยืนซ้อนกัน 3 ระดับจาก 5 คน และต้องชมว่า ซาลาห์ ยิงยัดสุดสวย และยัดปากคนที่บอกว่า เขาสมควรจะถูกขาย

สังเกตได้ว่า บอลงัด ๆ ของนักบอลหงส์เอามาเล่นเยอะมากในเกมนี้ แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

"งัด" ในที่นี้ คือ การใช้ "ข้อเท้า" ดีดไปแดะมาเพื่อเข้าจุด

ในการกลับมาของ ลีดส์ ครั้งแรกในรอบ 16 ปี ทำให้สปอร์ตไลท์ส่องไปที่พวกเขาเยอะมาก ๆ หลังจากไปท่องยุทธจักรอยู่นานมาก ๆ เล่นได้น่าสนใจ เพราะ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า กุนซือที่ออกจอบ่อยกว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ ด้วยซ้ำ

เขาปรุงทีมได้น่าสนใจมาก ๆ

บอลของลีดส์ ไม่เหมือนกับยุคที่เป็นแชมป์ลีก เมื่อปี 1992 และไม่คล้ายเลยกับชุดเข้าตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีก ยุคต้นสหัสวรรษใหม่

แต่ยังคงเล่นได้สนุก และประทับใจแฟนบอลเหมือนเดิม

ทีมนี้มีสปีดที่ร้อนแรง มีการไล่ล่าที่น่ากลัว ใช้พลังงานสูงมาก ๆ

แผนแรกตามหน้ากระดาน คือ 4-2-3-1

แผนในการเซ็ตบอล กับบิ้วดิ้งอัพขึ้นมาก็คือ ถอยเอา คัลวิน ฟิลลิปส์ ถอยลงมาตรงกลาง แล้วให้คู่เซ็นเตอร์ถ่างไปเล่น เหมือนกับ 3-4-3

นักบอลหลายคน ไม่ได้มีชื่อเสียงโดดเด่น แต่พวกเขาออกบอลแม่น และเข้าใจในแทคติคของโค้ช ไม่ได้ต่างจากทัพหงส์แดงเลย

เพียงแต่นี่มันเก่งใหญ่กับเก่งเล็ก

คล็อปป์ สายบู๊อยู่แล้ว และแก้ลำดับการเล่นบอลยึกยักมากขึ้นในครึ่งหลัง ซึ่งนักบอลก็เดินให้มันช้าลง ไม่ได้วิ่งชน วิ่งใส่เหมือนที่โดนท้าทาย ทำให้ ลีดส์ ก็ต้องมาเล่นช้าลงตามไปด้วย

กระทั่งการส่ง ฟาบินโญ่ ลงมาก็เห็นแล้วว่า บอลมันต้องมีเจ้าภาพ มันต้องมีตัวคุมจังหวะ ตัวแจกจ่ายอาชีพ และจ่ายจากแนวลึกที่หายไปเลยในเกมนี้ เนื่องจาก เฮนโด้ เหมาะกับการเล่นตัวบน มากกว่าตัวกลางไปแล้ว

แต่ในขณะที่เกมไม่มีอะไรเลย สกอร์กลับมาเสมอกัน 3-3

คลิช แสบวิ่งทะลุขึ้นมาในจังหวะที่กำลังมีการปรับทัพในแดนกลาง เพราะจังหวะนั้น ไวจ์นัลดุม, ฟาบินโญ่ และเคอร์ติส โจนส์ ที่เพิ่งลงมาแทน เฮนโด้ ไม่มีใครตามมาเลย

อ้อ.....แผนที่ซ้อมมาช่วงปรี-ซีซั่น สุดท้ายไม่ได้ใช้เลย

คล็อปป ยังไม่ฝืนด้วยการเลือก 4-3-3 ใช้กลางเล่นเป็นตัว "V"  เหมือนเดิมทุกอย่าง และน่าแปลกใจที่ไม่ใช้บริการของ ทาคูมิ มินามิโนะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้เล่นตลอด

ลงท้ายการตัดสินของ คล็อปป์ ก็ถูกต้องอีก เมื่อทีมกำลัง"กดอยู่" ก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนทำไม สุดท้ายก็มาได้ประตูชัยจากความผิดพลาดอีกครั้ง และเป็นการเปิดตัวที่น่าผิดหวังของ โรดริโก้ โมเรโน่ ที่ไปฟาวล์ ฟาบินโญ่ แบบ ไม่ควรจะพลาด

สกอร์บอร์ดจอดแช่ 4-3 แฮททริคของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ 3 คะแนนแรกประจำฤดูกาลนี้

สำคัญที่สุดก็คือ ลีดส์ ไม่สามารถเล่นบอลลักษณะนี้ได้ทั้งซีซั่น ดุดันในพื้นหลังที่ "น่าห่วง"

ส่วนหงส์แดงนี่ชัดเจนอยู่แล้วก็คือ ต้องลุ้นกันแบบตัวโก่ง หลังจากสบายมาตั้งแต่นัดที่ 32 ของซีซั่นที่แล้ว

ชัยชนะยังคงไม่เคยง่ายสำหรับ ลิเวอร์พูล

การยืนดูฟุตบอลทั้งเกมกลับมาอีกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ!!!!

#บีแหลมสิงห์