......จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก กำลังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนมือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 แมทช์เดย์
“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีลุ้นขึ้นยึดจ่าฝูงแบบเดี่ยว ๆ ครั้งแรกของฤดูกาลนี้ เมื่อเตรียมยกพลไปทำศึกนัดตกค้างกับ เบิร์นลี่ย์ ที่สนามเทิร์ฟ มัวร์ คืนนี้ เวลา 03.15 น.
แมนฯยู ต้องการอย่างน้อย 1 คะแนนในการขึ้นนำเป็นจ่าฝูง
นาทีนี้มี 33 คะแนนเท่ากับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์เก่า แต่ ยูไนเต็ด เล่นน้อยกว่า 1 นัด
ลิเวอร์พูล ขึ้นนำฝูงมาได้ หลังจากเชือด สเปอร์ส 2-1 และยึดยาวตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมเป็นต้นมา แม้ว่าหลังจากนั้นจะได้แค่ 5 คะแนนจาก 4 เกมก็ตาม
หลังจากบุกไปถลุง พาเลซ 7-0 ก็ไม่สามารถชนะได้อีกเลย หลังจากเสมอกับ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-1, บุกเสมอ นิวคาสเซิ่ล 0-0 และยางแตกแพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่เซนต์ แมรี่ส์ 0-1
ขณะที่กราฟของ แมนฯยูไนเต็ด เริ่มมาเรื่อย ๆ โดยแทบจะไม่มีใครตั้งตัวด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่แพ้ให้กับ อาร์เซนอล 0-1 คาโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อ 1 พฤศจิกายน
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ไม่ทำทีมแพ้อีกเลย จนถึงวันนี้เป็นเวลา 10 นัด และชนะได้ถึง 8 เกม
สองเกมที่เสียคะแนนไปคือการเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเลสเตอร์ ซิตี้ ถือว่า"รับได้" ที่เหลือเช็คบิลได้ทั้งหมด จนแต้มขยับขึ้นมาจนทาบจ่าฝูง
มีการเปลี่ยนจาก 1 เป็น 3 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บได้ถึง 3 เกม
ไม่แปลกใจที่ ยูไนเต็ด จะขึ้นนำในคืนนี้ แม้ว่าฟุตบอลของพวกเขาจะมาหน้าเดียว แต่ค่อนข้างจะประกบยาก
เกมนี้ได้ตัว เอดินสัน คาวานี่ หัวหอกตัวเก๋าชาวอุรุกวัย ลงปักหลักเป็นหัวหอก หลังจากพ้นแบน 3 นัดกรณีโพสต์ข้อความลงอินสตราแกรมเหยียดผิวแบบไม่ได้ตั้งใจ โดยจะต้องเบียดกับ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล เพื่อจะคู่กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด
ถ้าจะว่ากันตรง ๆ ไม่ควรเปลี่ยนใครออกทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น มาร์กซิยาล หรือว่า แรชฟอร์ด เพราะกำลังเข้าคู่กันได้ดี
ปัญหามันอยู่ที่ 2 ตัวหลักอย่าง ปอล ป๊อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส และเอริค ไบญี่ ปราการหลัง ที่มีอาการบาดเจ็บ
เช่นเดียวกับ ลุค ชอว์ แบ๊กซ้าย ที่นับตั้งแต่ อเล็กซ์ เตลลีส เข้ามา รู้สึกว่า แกดีขึ้นเรื่อย ๆ
จับจุดนี้น่าสนใจ เพราะเซ็นเตอร์แบ๊กจะต้องชนกับ "บอลโบราณ" มาแบบทื่อ ๆ ในสไตล์ของ ฌอน ไดซ์
ไบญี่ ที่กำลังเล่นดีน่าจะฟิตไม่ทัน ทีนี้ก็ต้องดูที่ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ ว่าจะไหวหรือไม่ ยังไงก็ต้องเข็นลงมาคู่กับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เพื่อรับมือลูกกลางอากาศ
อย่างที่บอกไปว่า เกมกับ เบิร์นลี่ย์ สิ่งที่ต้องกังวลก็คือ ลูกโด่ง เพราะ เบิร์นลี่ย์ ใช้วิธีที่ทุกคนก็รู้ก็คือบอลออกข้างแล้วโยนไปให้ คู่หูมนุษย์ไม้อย่าง คริส วู้ด และแอชลี่ย์ บาร์นส์
การเข้าปะทะในแนวลึกน่าสนใจมาก เพราะ เบิร์นลี่ย์ ใช้วิธีโยนเข้าไปในเขต 6 หลา เพื่อให้ วู้ด กับ บาร์นส์ ได้มีโอกาสทั้งเช็ดทั้งถู เพื่อเปลี่ยนทางบอลเข้าจุมพิตตาข่าย
เมื่อ แจ๊ค คอร์ก บาดเจ็บไป และยังกลับมาไม่เหมือนเดิม การปรับหมากของ ไดซ์ ยิ่งไม่เน้นการครองบอลตรงกลางเลย
เพียงแต่คู่กลางตอนนี้คือ แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด กับ โจช บราวน์ฮิลล์ เข้าปะทะได้แม่นยำ และแย่งบอลได้เก่งมาก จากนั้นออกข้างทันที อยู่ที่ใครจะได้ทำหน้าที่นี้ แต่มันก็ไม่ได้ต่างกัน ก็คือพาออกไปด้านข้าง แล้วปั่นบอลเข้ามาตรงกลางที่จุดนัดพบ
เบิร์นลีย์ ที่เริ่มฟื้นขึ้นมาบ้าง จนขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 16 ของตาราง และมีอยู่ 16 คะแนน จาก 15 เกม โดยพวกเขาเป็น 1 ใน 4 ทีมที่ลงเตะน้อยที่สุดในลีกจนถึงตอนนี้
ว่ากันตามเชิง บอลของแมนฯยู ในยุค โซลชา ไม่ใช่บอลบุก แต่เน้นเล่นไปตามเกม และจะมีประสิทธิภาพในจังหวะโต้กลับเร็ว เมื่อเจอกับบอลแข็ง ๆ แพ้ยากของ เบิร์นลี่ย์ ที่เล่นในสไตล์กำปั้นทุบดิน ดังนั้นโอกาสน่าจะอยู่ที่จังหวะจบว่าใครจะคมกว่ากัน
ใครจะผิดพลาดในพื้นที่ตัวเอง โดยเฉพาะกองหลังเบิร์นลี่ย์ ซึ่ง เบน มี หลัง ๆ เริ่มมีมั่งไม่มีมั่ง รวมไปถึง เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ที่ฟอร์มร่วงไปตั้งแต่ต้นซีซั่น เพราะคิดแต่เรื่องย้ายทีม
ดังนั้นไม่แปลกเลยที่ แมนฯยู จะมีแต้ม และจะคว้าชัย
แต่จะประหลาดทีเดียวถ้าหาก "โซลชา ทีม" จะพลาดขึ้นจ่าฝูงในคืนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี