Game On เมื่อ‘หงส์แดง’ตะแคงนำฝูง!!!

….ไม่ได้ง่ายเลยนะ กับชัยชนะของ ลิเวอร์พูล เหนือ คริสตัล พาเลซ ในการในการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษแม้ว่าสกอร์จะขาด ลอยถึง 3-0 ก็ตามที

แฟนบอลตะโกนก้อง

‘The Reds have got no money but we’ll still win the league’ !!!!!!!

มีคำถามในเกมนี้ 2 รอบ ก่อนจะได้ประตูนำในครึ่งแรก ตามหลักภาษาบิลคือ “คว่ำตีน”ยิงประตู

1.ทำไมไม่คว่ำตีน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

2.ทำไมถึงคว่ำตีน ของ ดีโอโก้ โชต้า

ช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนที่สุด เกิดขึ้นตั้งแต่สองนาทีครึ่ง นับจากเขี่ยบอล เมื่อลูกบอลบุกของ พาเลซ ที่โยนไปแล้วก็โยนมา จนเกือบได้ถึงสองครั้งในสองจังหวะ

จังหวะแรก อลิสซอน ผวาไปควักบอล(ไม่ได้ปัดบอล) ลูกนั้นควักแล้วไปชนเสาซ้ายมือออกมา

จังหวะสอง ต่อเนื่องเมื่อเสียเตะมุม บอลมั่วมาชนเสาไกลออกไปหวุดหวิดมาก

โชคดีที่เตะวันเสาร์จริงๆ!!!

บอลของ ลิเวอร์พูล สตาร์ทช้า ค่อย ๆ เดินขึ้นมาก่อนจะกุมทุกอย่างได้ทั้งหมด แม้การขึ้นบอลทางขวาจะเปลี่ยนทรงองค์เอว เนื่องจาก"บอลหนุ่ม"อย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ที่คุ้นตามา 3 นัดติดในลีก ไม่อยู่

เทรนท์ ป่วยช่วงเช้าก่อนเกม และจากการตรวจไม่พบเชื้อโควิด ซึ่ง คล็อปป์ บอกให้กลับบ้าน ส่วน เอลเลียตต์ ก็อย่างที่ทราบว่า พักยาวข้อเท้าพัง

เมื่อต้องใช้ “ม้าแก่” อย่าง เจมส์ มิลเนอร์ ลงมาเล่น ประสานกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน บอลอาจจะไม่วูบ ๆ วาบ ๆ และแบ๊กไม่ได้เล่นแบบมีไดนามิกมากนัก สไตล์ออกมาแข็ง ๆ แต่อาศัยลูกหนังเข้าขย่ม ซึ่งมันแปลกไปอีกแบบ

เช่นเดียวกับฝั่งซ้าย ซิมิกาส ได้ลงมา ท่าทางอาจไม่ขึงขังพร้อมพังทุกเหลี่ยมแบบ โรเบิร์ตสัน แต่ลูกครอสของเขามันน่าสนใจมาก ๆ ในหลาย ๆ ครา

เรื่อง “คว่ำตีน” ภาค 1 หากเราท่านผ่านบอลกันมาในเกมสนามใหญ่แบบนี้ ลูกยิงของ เฮนโด้ ในนาทีที่ 16 ควรเหลือเกินที่จะกดเข้าข้อให้รู้เรื่องไปเลย ไม่ใช่แปเน้นเล่นให้ตรงกรอบไว้ก่อน

ต่อด้วยเรื่อง “คว่ำตีน” ภาค 2 นี่ก็ไม่จำเป็นที่้การเข้าไปซ้ำง่าย ๆ ระยะประมาณ 5 หลา ต้องไปยิงให้บ้าคลั่ง แต่ โชต้า หวดซะเหมือนกับโกรธเมียก่อนลงสนาม ทำให้ข้ามคานไปแบบต้องถามว่า จะยิงแรงหาพระแสงด้ามง้าวยาวอะไร

สุดท้ายกลายเป็น ซาดิโอ มาเน่ ที่เข้าไปซ้ำตุงตาข่าย จากลูกโหม่งที่น่าเข้าของ ซาลาห์ ทำให้ มาเน่ สร้างสถิติใหม่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ ยิงใส่ทีมเดียวติดต่อกันมากที่สุด นั่นคือ คริสตัล พาเลซ 9 นัดติดต่อกัน ทั้งหมดคือ 13 ประตู

มาเน่ ทำประตูที่ 100 ให้กับ ลิเวอร์พูล เร็วสุดเป็นลำดับที่ 10 ของสโมสร หลังจากลงเล่น 224 นัด

1.โรเจอร์ ฮันท์ 144 นัด

2.แจ๊ค พาร์กินสัน 153 นัด

3.โม ซาลาห์ 159 นัด

4.แซม เรย์โบลด์ กับ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ 165 นัด

6.เอียน รัช 166 นัด

7.กอร์ดอน ฮอดจ์สัน 170 นัด

8.ไมเคิล โอเว่น 184 นัด

9.แฮร์รี่ แชมเบอร์ส 186 นัด

ประตูนำก่อนหมดครึ่งแรกนี่สำคัญสุดๆ!!!!

สถานการณ์ครึ่งหลัง สำคัญที่ ลิเวอร์พูล กลับมาได้นั่นก็คือในช่วงก่อนจะถึงนาทีที่ 60 ที่เอาตัวรอดมาได้

เกมดูรวน และปั่นป่วนไปหมด เนื่องจากเกมในแดนกลางของ พาเลซ ดีมาก

3 คนเล่นกันดีมาก บีบเกมได้ดี

อลิสซอน เซฟสำคัญ 2 ครั้ง ก่อนทีมจะนำ 2-0 และเซฟสำคัญอีก 2 ที ยกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมทช์

เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหงส์แก้ไขได้ดี เมื่อกลางเริ่มสู้ไม่ได้ ปรับเอาคนที่เล่นรับไม่ค่อยดีอย่าง โชต้า ออก แล้วเลือก เคอร์ติส โจนส์ ที่เล่นต่ำได้และครองบอลได้เหนียวกว่าลงเล่น

แผนไม่ปรับ แต่ให้ มาเน่ มายืนกลาง  เพราะมีความขยันไล่ลงมาในแนวลึกด้วยทำให้เกมแน่นขึ้นจนกระทั่งมาได้ประตูที่สองและสาม

3 ประตูได้จากจังหวะเตะมุมทั้งสิ้นและ 3 ประตูได้จากนักเตะจากกาฬทวีปทั้งหมด

ท่าดีใจของ เกอิต้า ก็ถือว่า กวนโอ๊ยอย่างที่สุด

ส่วน อิบราฮิมา โกนาเต้ ปราการหลังคนใหม่มีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะ

โชคดีที่วันนี้ มิลเนอร์ ท็อปฟอร์มมาก และมีพี่เลี้ยงชั้นยอดอย่าง ฟาน ไดจ์ค เคียงข้าง

การไม่เสียประตูเป็นสิ่งที่ดี แต่การยืนผิดตำแหน่งมากมาย ต้องใช้เวลา เพราะพรีเมียร์ลีก อาจไม่มีสปีดพุ่งตรงแบบบุนเดสลีกา แต่ที่นี่เคี่ยวและเขี้ยวกว่าเยอะ

#บีแหลมสิงห์

-005