ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 ที่เตะในปี ค.ศ.2022 ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน ไปจนถึง 18 ธันวาคมนี้
ส่งสัญญาณชัดเจนแล้ว!!!!
มีการจับสลากแบ่งสายอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ทุกทีมมีเวลาจัดเตรียมทัพเพื่อสู้กันชิงความเป็นหนึ่งของโลกใบนี้
ฟุตบอลโลกครั้งนี้ มีการลงทะเบียนเตรียมเตะในตอนแรก 206 ประเทศ ก่อนที่ คุ้ก ไอส์แลนด์ส กับ เกาหลีเหนือ ถอนตัวจากการแข่งขัน
ขณะที่ รัสเซีย โดนตัดสิทธิ์ออกไปเพราะบุก ยูเครน ส่วน อเมริกัน ซามัว, เซนต์ ลูเซีย, ซามัว, ตองก้า และวานูอาตู เจอกับปัญหาโรคระบาด ต้องถอนตัวเช่นกัน
การเตะรอบคัดเลือกรวมทั้งสิ้น 860 นัด ทำประตูรวมกันทั้งสิ้น860 ประตู เฉลี่ยคือ 2.81 ลูก/เกม ยังเหลือตั๋วอีก 3 ใบ กับจำนวนนัดอีก 5 เกม ที่จะต้องแข่งขัน และเป็นฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่ใช้เวลายาวนาที่สุด เนื่องจากปัญหาไวรัสที่กระจายไปทั่ว
เกมแรกเริ่มต้น 6 มิถุนายน 2019 และถ้าไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีก การคัดเลือกจะเสร็จสิ้นวันที่ 14 มิถุนายนนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกเตะปลายปี และเป็นหนแรกที่การจับสลาก Fifa Final Draw มีทีมไม่ครบ นั่นเพราะทั้งจากโรคภัยไข้เจ็บ และเหตุผลทางการเมือง
การจับสลากที่น่าดูชมยิ่ง
การจับสลากจบลงถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลายต่อหลายกลุ่มเป็นไปอย่างสูสี
กลุ่มเอ : กาตาร์, เอกวาดอร์, เซเนกัล และเนเธอร์แลนด์
คู่เปิดประเดิมสนามในตอนแรก “เจ้าภาพ” กาตาร์ ที่เข้าบอลโลกหนแรก จะพบกับ เอกวาดอร์ จากอเมริกาใต้ ถือว่า“ขมคอ” กว่า 4 ปีก่อน นั่นคือ รัสเซีย-ซาอุฯ ทำให้สุดท้าย กาตาร์เลือกจะเตะเป็นคู่ที่ 2 โดยให้ เซเนกัล ดวลกับ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งสองสตาร์ดังจากสโมสรลิเวอร์พูล ได้ดวลกันเอง นั่นคือ ซาดิโอ มาเน่ กัปตันแห่งสิงโตเตรังก้า กับ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค กังหันเหล็กดัทช์แมน
กลุ่มบี : อังกฤษ, อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา และเวลส์/สกอตแลนด์/ยูเครน
สายนี้พอเห็นออกมาเราจะเห็นได้ถึงการ “รุงรังเรื่องการเมือง” อังกฤษ, อเมริกา และอิหร่าน รอดูใครจะมาเสริม ก็บอกได้ว่าไม่ธรรมดากันทั้งนั้น มันหนีเรื่องการมุ้งการเมืองไม่ออกจริงๆ
รากฝังลึกของ 3 เส้า อิหร่าน, สหรัฐ และอังกฤษ หากว่าเป็น เวลส์ หรือ สกอตแลนด์ นี่จะเป็น “แบทเทิ่ล ออฟ บริเตน” กับ อังกฤษ ทันที แต่ถ้าเป็น ยูเครน มา นี่ก็จะเป็นหนึ่งเรื่องที่ต้องตามติดคิดวิเคราะห์
กลุ่มซี : อาร์เจนตินา, ซาอุดีอาระเบีย, เม็กซิโก และโปแลนด์
อาร์เจนตินา ร่วมสาย เม็กซิโก หากย้อนกลับไปปี 1986 พวกเขาได้แชมป์ที่แดนจังโก้ ขณะที่ ซาอุดีอาระเบีย เคยมีประตูสุดสวยเมื่อปี 1994 ของ ซาอิด โอไวรัน ทำได้ และถูกนำไปเทียบกับดีเอโก้ มาราโดน่า ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังตลอดกาลของอาร์เจนไตน์
กลุ่มดี : ฝรั่งเศส, เปรู/ออสเตรเลีย/ยูเออี, เดนมาร์ก และตูนิเซีย
ฝรั่งเศส เคยตกรอบแรกด้วยฝีแข้ง เดนมาร์ก เมื่อปี 2002 ในยุคที่ ซีเนดีน ซีดาน แม่ทัพต้องถูกเข็นลงสนาม และกลายเป็นแชมป์เก่าที่ตกรอบในยุคมิลเลนเนี่ยม ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เหมือนกับ 4 ปีก่อนก็ร่วมสายกัน
อีกหนึ่งทีมที่ต้องรอเข้ารอบมา น่าสนใจก็คือถ้าเป็น เปรู หรือ ออสเตรเลีย ก็แทบจะเหมือนกับเมื่อ 4 ปีก่อนทันที ยกเว้น ตูนิเซีย ย้อนกลับไปก็คือครั้งที่แล้ว ฝรั่งเศส, เดนมาร์ก, เปรู และออสเตรเลีย อยู่ร่วมสายกัน
กลุ่มอี : สเปน, คอสตาริกา/นิวซีแลนด์, เยอรมนี และญี่ปุ่น
น่าจะเป็นกลุ่มที่หินที่สุดในการจับสลากครั้งนี้ก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่ชื่อชั้น แต่เป็นฟอร์มการเล่นในปัจจุบันที่น่าสนใจของ สเปน ที่ได้ หลุยส์ เอ็นริเก้ กลับมาทำทีม ขณะที่ เยอรมนี ตั้ง ฮันซี่ ฟลิก จากที่เคยเป็นมือขวายุคแชมป์ปี 2014 มาเป็นหัวเรือใหญ่ ทำให้ “อินทรีเหล็ก” ดูเข้มแข็งขึ้น
สเปน ชนช้างกับ เยอรมนี เคยตัดเชือกกันเดือดเมื่อปี 2010 โดยมี ญี่ปุ่น เป็นตัวสอดแทรกสำคัญ
กลุ่ม เอฟ : เบลเยียม, แคนาดา, โมร็อกโก และโครเอเชีย
วัดกันจากสถานการณ์ปัจจุบัน ชื่อชั้นน่าจะทำให้กลุ่มนี้เป็นงานเบาของ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม แม้จะอยู่กับ โครเอเชีย รองแชมป์เก่า แต่สถานการณ์ปัจจุบันพวกเขาอาจจะ“เร่งไม่ขึ้น” เหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ขณะที่ แคนาดา เข้าบอลโลกหนที่ 2 ยังไม่มีใครตอบได้ว่า พวกเขาแกร่งจริง หรือคอนคาเคฟปีนี้อ่อนยวบ รวมไปถึง โมร็อกโกที่ได้รับเครดิตค่อนข้างน้อยกว่าชาติอื่นร่วมทวีป
กลุ่มจี : บราซิล, เซอร์เบีย, สวิตเซอร์แลนด์ และแคเมอรูน
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน ปรากฏว่า บราซิล, เซอร์เบีย และสวิตเซอร์แลนด์ ต่างอยู่ในกลุ่มเดียวกัน หนนี้ก็เช่นเดียวกัน ได้กลับมาซดกันอีก
ครั้งก่อนเป็นอีกหนที่ “ฟุตบอล” เป็นพื้นที่สำหรับการแสดง “สัญลักษณ์ทางการเมือง” ในเกมระหว่าง สวิตเซอร์แลนด์ กับเซอร์เบีย หนนี้ก็คงจะมีอีกแน่ๆ เพราะตัวหลักตัวก่อหวอดอยู่กันครบครัน!!!
กลุ่มเอช : โปรตุเกส, กานา, อุรุกวัย และเกาหลีใต้
กลุ่มสุดท้าย ถือว่าชื่อชั้นใกล้เคียงสูสีกันพอสมควร
สถิติที่น่าสนใจก็คือ อุรุกวัย เขี่ย โปรตุเกส ตกรอบ ปี 2018, เขี่ย กานา กับเกาหลีใต้ ตกรอบน็อกเอาท์ ปี 2010 ซึ่งตัวแสบอมตะอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ จากวันนั้นยังอยู่ถึงวันนี้
ฟาก กานา หวังจะเอาคืนให้ได้ และบอกว่าจะได้ล้างแค้นอุรุกวัย ที่ขวางพวกเขาแบบดราม่า ทำให้พลาดโอกาสเป็นทีมแรกจากกาฬทวีปเข้าสู่รอบตัดเชือกบอลโลก ด้วยมือของ ซัวเรซ!!!!
‘สิงโต’ดีดเต็ง2-แซมบ้ายังยึดหัวหาด
หลังจากการจับสลากมีผลออกมา “สิงโตคำราม” อังกฤษ ขยับจากเต็ง 3 ขึ้นมาอยู่ที่ 2 เรียบร้อย
เป็นอีกครั้งที่ อังกฤษ มักจะได้รับการ “ยกหาง” และ“ยกย่อง” จากพูลถูกต้องตามกฎหมายของพวกเขา แต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่เกิดมานานแล้ว เนื่องจาก อังกฤษ เองช่วงหลังก็ห่วยเกินห้ามใจ กระทั่งได้ที่ 4 ในครั้งที่แล้ว
อัตราของพวกเขาลดลงจาก 15-2 มาเหลือ 6-1
โดยที่เต็ง 1 ยังเป็น บราซิล ที่ยืนยาวๆ ที่อัตรา 11-2
พวกเขาเคยเป็น “เต็ง 1 ตลอดกาล” แต่ในยุคหลังพวกเขาหลุดจากคำนี้ไปนาน กระทั่งหนนี้ทีมของ ตีตี้ ได้รับการยกย่องเหมือนเดิม
ขณะที่ ฝรั่งเศส อัตราเท่าเดิมคือ 7-1 แม้จะหล่นจากเต็ง 2 มาเป็นเต็ง 3 ก็ตามที ตามมาด้วย สเปน 9-1, อาร์เจนตินา 10-1, เยอรมนี กับ เบลเยียม 12-1 และโปรตุเกส 14-1
เปิดตัวมาสคอต-เพลงประจำบอลโลก2022
เจ้าภาพเปิดตัวมาสคอตประจำฟุตบอลโลก 2022 มีลักษณะคล้ายผ้าสีขาว หน้าตาคล้ายเด็กผู้ชายสวมชุดประจำชาติ และให้ชื่อว่า ลาอีบ (La’eeb) ที่เป็นภาษาอารบิก ที่มีความหมายว่า “ผู้เล่นที่มีทักษะสูง”
คาแร็กเตอร์ของ “ลาอีบ” จะเป็นเด็กผู้ชาย ที่มีความสดใส, รักการสนุกสนาน และ รักการผจญภัย พร้อมจะมอบความสุขให้แก่ทุกคน
“ลาอีบ” เป็นมาสคอตในมิติคู่ขนาน “มาสคอตเวิร์ส” กระตุ้นให้ทุกคนเชื่อมั่นในตนเองกับคอนเซ็ปต์ “Now is All”
ขณะที่มีการเปิดตัวเพลง “Hayya Hayya” ซึ่งเป็นเพลงประจำฟุตบอลโลกครั้งนี้
เฮย์ย่า เฮย์ย่า Hayya Hayya หรือ Better Togetherขับร้องโดย ไอชา ศิลปินชื่อดังของ กาตาร์ ร่วมกับศิลปินจากอเมริกา นั่นคือ ตรินิแดด คาร์โดน่า, ดาวิโด้ และ อิช่า
เพลงนี้เป็นการผสมผสาน ท่วงทำนองจากทวีปอเมริกา, แอฟริกา และตะวันออกกลาง มารวมกัน เพื่อที่จะเป็นสัญลักษณ์สื่อถึง “ดนตรี” และ “ฟุตบอล” สามารถรวมโลกเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมดุล
.......ฟุตบอลโลก ดูเหมือนว่าจะใกล้เข้ามาทุกขณะ
ได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!!!!
บี แหลมสิงห์