การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมสุดท้ายของฤดูกาล ในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม ลงเล่น 10 คู่ เตะพร้อมกันในเวลา 22.30 น. แชมป์และโควตาบอลยุโรปไม่ต้องลุ้นกันแล้ว ที่น่าสนใจคือการลุ้นหนีตกชั้นของ 3 ทีม ที่จะเหลือแค่ 1 ทีมสุดท้ายที่จะได้อยู่รอดบนลีกสูงสุดต่อไป

3 ทีมสู่อเวจี 2 ทีม ทางเลือกที่ไม่มีใครอยากเลือกตอนนี้ประกอบด้วย เอฟเวอร์ตัน, เลสเตอร์ ซิตี้ และลีดส์ ยูไนเต็ด

เลสเตอร์ แชมป์ปี 2016 แม้จะบุกไปเสมอได้สำเร็จก็บคลีนชีตในพรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หลังจากไปเสมอ นิวคาสเซิ่ล เมื่อมันเดย์ไนท์ แต่ทว่า พวกเขาไม่ได้กุมชะตาตัวเองอีกต่อไป

นัดสุดท้ายต้องเอาชนะเวสต์แฮม และหวังว่า เอฟเวอร์ตัน จะเอาชนะบอร์นมัธ ไม่ได้

ในกรณี เลสเตอร์ชนะ และเอฟเวอร์ตัน เสมอ หมายความว่า จิ้งจอก จะอยู่รอดด้วยผลต่างประตูได้เสีย ส่วน ลีดส์ จะรอดก็ต่อเมื่อชนะ แล้ว เอฟเวอร์ตัน แพ้ และเลสเตอร์ เสมอ หรือ แพ้ เท่ากับว่า เอฟเวอร์ตัน คือผู้กำหนดชะตาทั้งหมด หากพวกเขาชนะได้สำเร็จก็จะรอด พร้อมกับส่ง ลีดส์ กับ เลสเตอร์ตกชั้นทันที

ในเวลานี้ เอฟเวอร์ตัน มี 33 คะแนน ประตูได้เสีย -24, เลสเตอร์ 31 คะแนน ประตูได้เสีย -18 และลีดส์ 31 คะแนน ประตูได้เสีย-27 นัดสุดท้ายเล่นในบ้านทั้งหมด เอฟเวอร์ตัน-บอร์นมัธ, เลสเตอร์-เวสต์แฮม และลีดส์-สเปอร์ส

เอฟเวอร์ตัน เป็นเต็ง 1 ที่จะรอดอัตรา 10-3 โดยที่ ลีดส์ โอกาสรอดน้อยสุด 1-20 และเลสเตอร์ 1-5

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตกชั้นขึ้นมาในบั้นปลายวันสุดท้ายของงาน..........

ถ้าตกชั้นขึ้นมาสิ่งที่ต้องหายไปทันที 2 ข้อ

1.เงินในบัญชีการันตีอย่างน้อยซีซั่นละ 120 ล้านปอนด์

2.หุ้นพรีเมียร์ลีก ต้องคืนกลับไปทันทีที่ตกชั้น

จากนั้นข้อที่ 3 ไปจนถึงข้อที่พันจะตามมา!!!!

l การตกชั้นจะมีผลอย่างไร?

ทีมที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะ “ไม่รอด” นั่นคือ ลีดส์ มันจะวุ่นวายในการซื้อหุ้นของทีม ซึ่งปัจจุบัน Aser Group Holding ของ อันเดรีย ราดริซซานี่ ถืออยู่ 56% และ 49ers Enterprises จากซานฟรานซิสโก ถืออยู่ 44%

โดยหลักการแล้ว นักลงทุนบางส่วน แม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมดจากกลุ่ม 49er Enterprises ยังคงกระตือรือร้นที่จะซื้อหุ้นทีมต่อไปในกรณีที่ตกชั้น แต่ราคามันไปตามสถานการณ์ เพราะจะลดลงมหาศาลทันที

สิ่งสำคัญ พวกเขากำลังมีแนวทางร่วมกันนั่นคือ นอกจากพัฒนาทีมแล้ว ยังต้องมาร่วมกับท้องถิ่นก็คือ พัฒนาถนนทางเข้าสนามที่เก่ามาก และต้องเจอกับเรื่องการลดค่าจ้าง 60% บวกกับการต้องปล่อยนักเตะออกไปเพื่อลดภาระทีม ที่สำคัญหลายคนไม่ต้องการเล่นเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่เป็นปัญหาของทุกทีม

ฟุตบอลแชมเปี้ยนชิพอาจจำกัดทางเลือกของผู้จัดการทีมในการเซ็นสัญญาระยะยาว

ฟากฝั่งเต็ง 2 อย่าง เลสเตอร์ ประเด็นคือ สูญเสียความเชื่อถือและสามารถในการดึงดูดทั้งผู้จัดการทีมที่ชื่นชอบ เช่นเกรแฮม พอตเตอร์ ดังนั้น ผู้จัดการชั่วคราว ดีน สมิธ จึงถือได้ว่าเป็นการแต่งตั้งถาวรที่สมเหตุสมผล ทีมจะถูกลดค่าเหนื่อยลงถึง 50% และนักบอล “มีดีกรี” และ “ค่าเหนื่อยสูง” อย่าง เจมส์ แมดดิสัน กับ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ พร้อมที่จะย้าย

อย่าลืมว่า เลสเตอร์ รายงานการขาดทุนก่อนหักภาษีเป็นประวัติการณ์ของสโมสรที่ 92.5 ล้านปอนด์ในปี 2021-22 แต่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความล้มเหลวในการขายสินทรัพย์เพื่อผลกำไรจำนวนมากในแบบที่พวกเขาเคยขายเวสลีย์ โฟฟานา, เบน ชิลเวลล์ และแฮร์รี แม็กไกวร์ โดยเดือนกุมภาพันธ์ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสร ได้ประกาศปลดหนี้ 194 ล้านปอนด์ สำเร็จ

ฟากฝั่งของ เอฟเวอร์ตัน กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และน่าจะ “หนักสุด” ในบรรดา 3 ทีมที่ดิ้นรนเพื่อการอยู่รอด หลังจากพวกเขาเป็น “ไดโนเสาร์” ประจำลีก ตกชั้นครั้งสุดท้ายคือ ปี 1951 และอยู่ในลีกมาตั้งแต่ปี 1954

ประเด็นคือ ฟาฮัด โมชิรี่ ได้ลงนามในข้อตกลงพิเศษกับบริษัทการลงทุนอเมริกัน MSP Sports Capital ในการสร้างสนามใหม่หลังจากเขาได้เสียกระเป๋าสตางค์สำคัญจากรัสเซีย แต่การตกชั้นจะย้ำแผลเดิมที่ทีมมีผลประกอบการขาดทุนรวมกัน 3 ปี 305.5 ล้านปอนด์ และยังมีประเด็นเรื่องการเป็นหนี้อีก 150 ล้านปอนด์แก่ Rights & Media Funding Limited อีกต่างหาก

นัยสำคัญก็คือ ข้อสงสัยมากมายในการบริหารทีมของโมชิรี่ หากพลาดตกชั้น จะต้องขายนักเตะที่มีออกไป ดังนั้น หากเราเห็นเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วนั้น หากตกชั้นแล้วโอกาสจะไต่กลับมาได้ยากที่สุดใน 3 ทีมนี้

คงไม่พ้น ทอฟฟี่สีน้ำเงิน

l ปรีวิว3เกมหนีตายถวายชีวิต

22.30 น. เอฟเวอร์ตัน – บอร์นมัธ : “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ทีมของ ฌอน ไดซ์ เจอปัญหาให้ปวดหัวอีกแล้ว เมื่อ โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิ่น ดาวยิงคนสำคัญเล่นนัดเจ็บนัด รวมไปถึงแบ๊กขวาอย่าง เนธาน แพตเตอร์สัน ส่วน เซมุส โคลแมน เดี้ยงอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่ เบน ก็อดฟรีย์ ก็ต้องรอทดสอบความฟิตอาจจะต้องส่ง ไมเคิ่ล คีน หรือเมสัน โฮลเกต ไปประจำการ แต่มีข่าวดีได้ วิตาลี่ มิโคเลนโก้ กลับมา นอกนั้นอยู่กันครบ วางอิดริสซ่า กาน่า เกย์ คุมแดนกลางร่วมกับ อมาดู โอนาน่า แนวรุกใช้อเล็กซ์ อีโวบี้, อับดูลาย ดูคูเร่ และดไวท์ แม็คนีล โดยมีเดมาไร เกรย์ เป็นหน้าเป้า

ฝั่งทีมเยือน “เดอะ เชอร์รี่ส” เอเอฟซี บอร์นมัธ รั้งอันดับ 15 รอดพ้นการตกชั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่วงหลังก็ไม่เอาอะไรเลยแพ้มา 3 เกมติด ทีมของแกรี่ โอนีล จะไม่มี ไรอัน เฟรเดริคส์, จูเนียร์ สตานิสลาส, มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ และอองตวน เซเมนโย่ ส่วน ฟิลิปป์ บิลลิ่ง รอเช็คความฟิต แต่ดูแล้วไม่น่าเสี่ยงให้พักไปเลย ที่เหลือนำโดย ลูอิส คุ๊ก, เจฟเฟอร์สัน เลอมาร์, เดวิด บรู๊คส์, ไรอัน คริสตี้, ด็องโก้ ควาตตาร่า และโดมินิค โซลันกี้

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ไม่เคยจบด้วยผลเสมอ แต่กลายเป็น บอร์นมัธ ที่ทำได้ดีกว่าชนะได้ 4 ส่วน เอฟเวอร์ตัน ชนะ 1

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

เอฟเวอร์ตัน (4-2-3-1) : จอร์แดน พีคฟอร์ด, ไมเคิ่ล คีน,เยอร์รี่ มิน่า, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, วิตาลี่ มิโคเลนโก้, อิดริสซ่า กาน่าเกย์,อมาดู โอนาน่า, อเล็กซ์ อีโวบี้, อับดูลาย ดูคูเร่, ดไวท์ แม็คนีลและเดมาไร เกรย์

บอร์นมัธ (4-2-3-1) : เนโต้, อดัม สมิธ, อิลเลีย ซาบาร์นยี่, มาร์กอส เซเนซี่, ลอยด์ เคลลี่, ลูอิส คุ๊ก, เจฟเฟอร์สัน เลอมาร์, เดวิด บรู๊คส์, ไรอัน คริสตี้, ด็องโก้ ควาตตาร่า และโดมินิค โซลันกี้

ทรรศนะ : เอฟเวอร์ตัน กุมชะตาในการรอดตกชั้นไว้ด้วยมือของพวกเขาเอง เกมนี้ถ้าชนะทุกอย่างก็จบ แต่ฟอร์มช่วงหลังถือว่าไม่ค่อยดี แม้เกมล่าสุดจะใจสู้ไล่ตามตีเสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย เจอกับ บอร์นมัธ ที่หนักกว่า หลังจากรอดตกชั้นพวกเขาก็ไม่เอาอะไรเลยแพ้เรียบ และมีโอกาสที่
แกรี่ โอนีล อาจจะส่งแข้งสำรองได้ลงสัมผัสเกม มองดูแล้วเอฟเวอร์ตัน ยังเหนือกว่าพอสมควร โดยเฉพาะแรงจูงที่ได้เสียงเชียร์จากแฟนบอลในบ้าน แม้ว่าสถิติช่วงหลังที่เจอกันจะเป็นรองก็ตาม

22.30 น. เลสเตอร์ ซิตี้ - เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

เจ้าถิ่นสิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำคือการคว้าชัยชนะในเกมนี้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปลุ้นไม่ให้เอฟเวอร์ตันชนะบอร์นมัธ ทีมของดีน สมิธ ฟอร์มไม่ดีไร้ชัยมา 5 เกมติด แต่ล่าสุดทำได้ดีบุกไปเสมอ นิวคาสเซิ่ล 0-0 นัดนี้ยังไม่มี เจมส์ จัสติน และต้องรอทดสอบความฟิตแกนหลักหลายราย มาในระบบ 4-2-3-1 วาง วีลฟรีด เอ็นดิดี้ คุมจังหวะเกมแดนกลางร่วมกับ ยูรี ตีเลมานส์ แผงเกมรุกให้ เตเต้ ออกสตาร์ทตัวจริงประสานงานกับ เจมส์ แมดดิสัน และฮาร์วีย์ บาร์นส์ โดยมี เจมี่ วาร์ดี้ เป็นหัวหอกล่าตาข่าย

ฝั่งผู้ “ขุนค้อน” รอดพ้นการตกชั้นไปแล้ว เชื่อว่าตอนนี้จิตใจของพวกเขาคงไปโฟกัสกับเกมนัดชิงยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ที่จะพบกับ ฟิออเรนติน่า ในวันพุธที่ 7 มิถุนายน ซึ่งยังมีเวลาให้เตรียมตัวพอสมควร ทำให้นัดนี้อาจจะเป็นการซ้อมใหญ่ของพวกเขา ยังไม่มี จานลูก้า สกามัคค่า ที่บาดเจ็บ ส่วน นาเยฟ อาเกิร์ด และฟินน์ ดาวน์ส รอทดสอบความฟิต ที่เหลืออยู่ครบ นำโดย โทมัส ซูเซ็ค, เดแคลน ไรซ์, จาร์ร็อด โบเว่น, ลูคัส ปาเกต้า, ปาโบลฟอร์นาลส์ และแดนนี่ อิงค์ส

สถิติการพบกันของ 5 เกมหลังสุด เวสต์แฮม ทำได้ดีกว่าชนะ 3 เสมอ 1 ส่วน เลสเตอร์ ชนะ 1

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

เลสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1) : แดเนี่ยล อีเวอร์เซ่น, ทีโมธี กาสตานเญ่, เวาท์ ฟาส, คักลาร์ โซยุนคู, วิคเตอร์ คริสเตนเซ่น, วีลฟรีด เอ็นดิดี้, ยูรี ตีเลมานส์, เตเต้, เจมส์ แมดดิสัน, ฮาร์วีย์ บาร์นส์ และเจมี่ วาร์ดี้

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้, เบน จอห์นสัน, เคิร์ต ซูม่า, อังเจโล่ อ็อกบอนน่า, เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่,โทมัส ซูเซ็ค, เดแคลน ไรซ์, จาร์ร็อด โบเว่น, ลูคัส ปาเกต้า,ปาโบล ฟอร์นาลส์ และแดนนี่ อิงค์ส

ทรรศนะ : ว่ากันด้วยเรื่องของแรงจูงใจล้วนๆ แน่นอนว่า เลสเตอร์ ซิตี้ นั้นมีมากกว่าต้องการคว้าชัยในเกมนี้ให้ได้ และคอยไปลุ้นเอฟเวอร์ตัน นี่อาจจะเป็นเกมในบ้านนัดสุดท้ายบนลีกสูงสุดของพวกเขา แข้ง “จิ้งจอก” ต้องจัดเต็มอย่างแน่นอน ส่วน เวสต์แฮมไม่มีลุ้นอะไรแล้ว ตอนนี้คือการเตรียมทีมสำหรับลงเล่นนัดชิงฟุตบอลถ้วยยุโรป อาจจะมีการพักตัวหลักบางตำแหน่ง ดูแล้ว เลสเตอร์ ซิตี้ บังคับต้องชนะเท่านั้น และเชื่อว่าน่าจะทำได้

22.30 น. ลีดส์ ยูไนเต็ด - ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

เจ้าถิ่นภายใต้การคุมทีมของ แซม อัลลาร์ไดซ์ ยังหาชัยชนะไม่เจอเป็นเกมที่ 8 ติดต่อกัน นัดล่าสุดบุกไปพ่ายให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1 รั้งอันดับ 19 ของตารางมี 31 คะแนน ต้องชนะเกมนี้และไปลุ้นให้แพ้ บอร์นมัธ และเลสเตอร์ ไม่ชนะ เวสต์แฮม ทีมของ “บิ๊กแซม” ยังไม่มี ไทเลอร์ อดัม, สจ๊วร๋ตดัลลาส และหลุยส์ ซินิเตอร์ร่า ที่บาดเจ็บ แถมแพทริค แบมฟอร์ดก็ต้องรอทดสอบความฟิต ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไร จัดทัพในระบบ 4-3-3 ดันโรบิน ค็อค ขึ้นมายืนมิดฟิลด์ตัวรับ ขนาบข้างไปด้วย เวสตัน แม็คเคนนี่ และอดัม ฟอร์ชอว์ สามแนวรุกใช้ วีลฟรีด ญอนโต้, โรดริโก้ และแจ็ค แฮร์ริสัน

ทีมเยือน “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รั้งอันดับ 8 ของตารางยังมีลุ้นไปเล่น ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ หาก ตามหลังอันดับ 7 อย่าง แอสตัน วิลล่า แค่ 1 คะแนน เกมนี้ ไรอัน เมสันหมดสิทธิ์ใช้งาน โรดริโก้ เบนตานคูร์, ฮูโก้ ญอริส, ไรอัน เซเซญงและเอริค ดายเออร์ ส่วน คริสเตียน โรเมโร่ และปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค รอเช็คความฟิต ทำให้ อิฟส์ บิสซูม่า จะได้โอกาสลงคุมแดนกลางร่วมกับ โอลิเวอร์ สคิปป์ แผงเกมรุกใช้ ริชาร์ลิซอน ประสานงานกับ เดยัน คูลูเซฟสกี้ และซน ฮึง-มิน โดยมี แฮร์รี่เคน ปักหอก

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด สเปอร์ส เหนือกว่าเยอะชนะได้ 4 ส่วน ลีดส์ ชนะ 1

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ลีดส์ ยูไนเต็ด (4-3-3) : โจเอล โรเบลส, ลุค อายลิ่ง, ราสมุส คริสเตนเซ่น, แม็กซ์ โวเบอร์, ปาสกาล สเตร้าจ์ค, เวสตันแม็คเคนนี่, โรบิน ค็อค, อดัม ฟอร์ชอว์, วีลฟรีด ญอนโต้, โรดริโก้และแจ็ค แฮร์ริสัน

สเปอร์ส (4-2-3-1) : เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์, แอแมร์ซอนรอยัล, ดาวิดซอน ซานเชซ, เคลมองต์ ลองเล่ต์, เบน เดวีส์,โอลิเวอร์ สคิปป์, อิฟส์ บิสซูม่า, ริชาร์ลิซอน, เดยัน คูลูเซฟสกี้, ซน ฮึง-มิน และแฮร์รี่ เคน

ทรรศนะ : ทั้งสองทีมต่างก็มีความต้องการที่จะเอาชนะในเกมนี้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ต้องลุ้นหลายต่อ เพราะทั้งคะแนนและลูกได้เสียของพวกเขาเป็นรองทั้ง เอฟเวอร์ตัน และเลสเตอร์ ซิตี้ แค่ชนะอาจจะไม่เพียงพอ ส่วน สเปอร์ส ก็ต้องลุ้นเช่นเดียวกัน เก็บชัยเกมนี้ก่อนและไปหวังให้ วิลล่า ไม่ชนะ ไบรท์ตัน ถือว่าเป็นการที่ยากของทั้งสองทีม เชื่อว่า ลีดส์ ยูไนเต็ด สู้ตายต่อหน้าแฟนๆ ต้องโหมเกมรุกใส่แน่ แต่ตรงนี้จะเป็นช่องว่างให้กับ สเปอร์ส ที่เล่นเกมสวนกลับได้ดีใช้เล่นงาน ดูแล้วเจ้าถิ่นมีแววพังคารัง

บี แหลมสิงห์