แดงอย่างเดือด!ผ่าเกมเอฟเอคัพ ‘แมนฯยูไนเต็ด’จอมขัดลาภ‘ลิเวอร์พูล’
แมนฯยูไนเต็ด ก็ยังคงตายยาก และเป็นจอมขัดลาภในถ้วยใบนี้กับลิเวอร์พูล อยู่ต่อไป
ชนะ 4-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ตีตั๋วเข้ารอบรองฯเอฟเอ คัพ เป็นความหวังเดียวและความหวังสุดท้ายของพวกเขาในฤดูกาลนี้
พร้อมกับยุตติเส้นทางลุ้น 4 แชมป์ของลิเวอร์พูลเอาไว้ได้สำเร็จ
หงส์ตกรอบเอฟเอ คัพ ในเกมที่มีโอกาสมากมายแต่สิ้นเปลืองในช่วงเวลาสำคัญ และถูกลงโทษถึงตายในช่วงนาทีสุดท้ายของเกม
“สมควรแพ้” จึงเป็นคำที่ “สมควรได้รับ”
1-0 น. 10 แม็คโทมิเนย์
1-1 น.44 แม็ค อัลลิสเตอร์
1-2 น.45+2 ซาลาห์
2-2 น.87 แอนโทนี
2-3 น.105 เอลเลียตต์
3-3 น. 112 แรชฟอร์ด
4-3 น. 120+1 ดิยัลโล่
….ช่วงแรก ยูไนเต็ด ใช้ความเร็วในจังหวะการเล่นแล้วก็สปีดของนักฟุตบอลที่ดีกว่า แรงกว่า ในการเล่นงานและการยืนผิดตำแหน่งนิดเดียวในเกมรับทำให้ ลิเวอร์พูล เสียประตูแรกในนาทีที่ 10
ยูไนเต็ดยังเล่นอยู่แบบนั้นเนื่องจากว่าตำแหน่งการยืนของลิเวอร์พูลมีปัญหาด้านขวา
ฝั่งขวาในเกมรับเล่นบอลได้ตระหนกมาก เพราะโกเมซยืนสูงและเล่นกว้าง และโซบอสไล ก็ยืนอยู่สูงจริงๆ ซาลาห์ พยายามถอนตัวเองลงมาเพื่อให้ทางเลือกกับการเล่น แต่มันไม่เป็นธรรมชาติสำหรับเขา
สังเกตตำแหน่งการยืนของ ดิอาซ มักจะหนีบเข้ามาอยู่ด้านในมากเกินไปก็เพื่อมาช่วยตำแหน่งที่หายไปด้านขวา
จากนั้นด้วยการค่อยๆ สะสมทางด้านซ้ายแล้วสลับการเล่นอย่างรวดเร็วไปทางขวา ทำให้ ลืเวอร์พูล มีตัวเลขโอเวอร์โหลดที่เริ่มสม่ำเสมอทั้งสองฝั่ง
บวกกับพื้นที่ตรงกลางระหว่างกองหลังกับกองกลางของแมนยูมีเยอะมาก แต่ ลิเวอร์พูลยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรมากนักในช่วงแรก เริ่มเห็นผล เมื่อ ลิเวอร์พูล เยือกเย็นมากยิ่งขึ้นและค่อย ๆ เติมความแม่นยำ จนได้ประตูตีเสมอ
ประตูตีเสมอ ต้องชม จาเรลล์ ควอนซาห์
เค้าตัดสินใจพาบอลขึ้นมาด้วยตัวเองเป็นลักษณะเดียวกับที่ โฌแอล มาติ๊ป เคยทำเอาไว้
อเล็กซิส แม็ก อัลลิสเตอร์ ยิงได้ดีและมีโชคแฉลบ 1-1
แมนฯยู สมาธิไม่ดีเองจนเสียประตูที่สองจากความผิดพลาดซ้ำกันสองครั้งก่อนที่ บรูโน โดนเพรส เสียบอลริมเส้นแล้วทิ้งตัวก่อนเสียประตู
โม ซาลาห์ ทำไปแล้ว 8 ประตูให้ลิเวอร์พูลในการเจอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในประวัติศาสตร์ของสโมสร มีเพียงเอียน รัช เท่านั้นที่ยิงประตูให้ทีมในสนามอื่นที่ไม่ใช่แอนฟิลด์ได้มากกว่า
นั่นคือ 13 ประตูที่กูดิสัน พาร์ก และอีก 10 ประตูที่เวมบลีย์
ซาลาห์ ยังกลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทำประตูในเกมเยือนแมนฯ ยูไนเต็ด 5 นัดติดต่อกัน
โรเบิร์ตสัน และดิอาซ ช่วยให้ลิเวอร์พูลตั้งหลักในเกมได้จริงๆ แต่เมื่อ ร็อบโบ้ ออกไป เกมดูแกว่งโดยเฉพาะวิธีการของ ดิอาซ
ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล คุมทุกอย่างไม่ได้เกือบทั้งหมดแล้วแต่ปิดสกอร์ที่สามไม่ได้
จนกระทั่งมาเสียประตูตีเสมอ
1.ไม่คมเอง
2.หงส์เปลี่ยนตัวจนบอลเป็นรอง
3.เอริก เทน ฮาก ใช้แผนในการบีบตรงกลางมากขึ้น แล้วก็เล่นแบบลืมตาย
สิ่งที่พวกเขาแสดงให้เห็นและเหนือกว่าลิเวอร์พูลแค่อย่างเดียวนั่นคือหัวใจ เพราะเป็นรองทุกอย่างทั้งระบบทีมเทคนิคและแท็กติก
แต่หัวใจใหญ่กว่าตัว
แปลกดี ทำไมซาลาห์ ลงเล่น 90 นาทีในเกมกับสปาร์ตา ปร้าก เมื่อเขาเพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งหมายความว่าเขาต้องถูกถอดออกในนาทีที่ 75 ในวันนี้ สำหรับเกมที่ไม่มีความหมายไปแล้วอย่างมีประสิทธิผลนั้น ไม่จำเป็นเลยที่ต้องใช้เต็มแม็ค
มันส่งผลจริง ๆ
…จนจบ 373 วันที่รอคอย “เดอะหมุน”แอนโทนี่ หมุนยิงประตูที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2023
2-2 ต่อเวลาไปเลย และเกือบไม่ได้ต่อด้วยซ้ำ
….ลิเวอร์พูล ครองเกมนี้มาโดยตลอด โอกาสแล้วครั้งเล่า แต่ยูไนเต็ดกลับเข้าสู่เกมอีกครั้ง ลิเวอร์พูลไม่มีใครต้องตำหนินอกจากตัวเอง คล็อปป์เองก็กำลังอยากจะบ้าเพราะเหตุนี้เอง
โกรธได้เลยคือ ทีมช็อต และโกรธตัวเองได้เลยที่จั่วผิด
แถมยังมีแผนบ้า ๆ จาก เทน ฮาก นั่นคือ แอนโทนี-บรูโน่-แม็กไกวร์-ดาโลต์ ยืนแนวรับผีเกินครึ่งชั่วโมง!!!
การต่อเวลาพิเศษครึ่งแรกลิเวอร์พูลเป็นรองชัดเจนแต่ได้ประตูขึ้นนำเฉย 3-2 แทบจะเป็นจังหวะแรกของเกมเลยด้วยซ้ำที่เดินหน้าขึ้นมาแล้วเสร็จเกมรุกได้
ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ หนึ่งในคนที่เล่นตามแผนของโค้ชได้ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ยิงแฉลบปลายเท้าของเอริคเซ่นตุงตาข่าย แต่ความผิดพลาดจากความไม่ละเอียดเองของ ดาร์วิน นูนเญซ ที่จ่ายบอลเข้ากลางจนถูกตัดไปจนเสียประตูตีเสมอ 3-3 เกมมันเปิดมาก เปิดแบบ้าคลั่ง และความผิดพลาดตามหลอน
3-3 ทำท่าจะดวลเป้า แต่ลูกเตะมุมในนาทีสุดท้ายของการต่อเวลาพิเศษ เป็นฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่มีโอกาส และไม่น่าจะนำไปสู่การสวนกลับ 2 ต่อ 1
ดิยัลโล่ ยิงพอดิบพอดี 4-3 !!!!!
ลิเวอร์พูล ครองเกมนี้มาโดยตลอด โอกาสแล้วครั้งเล่า
แต่ ยูไนเต็ดกลับเข้าสู่เกมอีกครั้ง
ลิเวอร์พูล ไม่ต้องตำหนิใครนอกจากตัวเอง
สถิติอาถรรพ์ลุงถรรพ์103ปีเอฟเอคัพบ้านผียังอยู่!!!!
เหนือสิ่งอื่นใดฟุตบอลจบลงด้วยผลการแข่งขัน คู่แข่งไม่ใช่ศัตรู และสิ่งที่ไม่ควรทำก็คือเรื่องซ้ำๆเดิมๆ
1. แฟนบอลลิเวอร์พูลจุดพลุแฟร์ไปใส่โดนกองเชียร์คนพิการของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
2. แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ร้องเพลงเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโรห์
บอลดี ๆ แต่แฟนบอลบางคนไม่มีคลาส น่าเสียดายครับ
ย้ำกันอีกที เกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ไม่สำคัญว่าใครฟอร์มดีและใครห่วย มันเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้อยู่เสมอ
นี่คือที่สุดแห่งคลาส
ที่ผ่านมา เราดูการแข่งขันเช่นนั้นเป็นพันครั้ง นักบอลต้องรับรู้เองดีกว่าที่จะเรียนรู้บทเรียนตอนท้ายสุด
ผู้เล่นจำเป็นต้องเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเพื่อกลับมาเล่นเกมอีกครั้ง แรงจูงใจมากมายเพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบไหนไม่ในการเจอกันศึกพรีเมียร์ลีก เดือนเมษายน
เทน ฮาก ต้องปลุกลูกทีมกับถ้วยรางวัลที่มี และโควตาแชมเปียนส์ลีก
คล็อปป์ ก็ต้องปลุกลูกทีมกับถ้วยรางวัลอีก 2 รายการที่ยังมีให้เล่น
ครั้งล่าสุดที่ลิเวอร์พูลแพ้ 3-4 ในเอฟเอ คัพ เกิดขึ้นในปี 1990 ปีนั้นพวกเขาจบฤดูกาลด้วยการเป็นแชมป์ลีก
เดินต่อไปด้วยความหวังในหัวใจของคุณ
เพราะวันนี้ไม่ใช่พฤติกรรมของ Mentality Monsters...
#บีแหลมสิงห์
//////////////////////////////
ป.ล. นี่อาจจะเป็นแดงเดือดที่สนุกที่สุดที่เคยดูมาเลยก็ได้นะ
ในแง่ของเกม
ในแง่ของการเสี่ยง
ในแง่ของฟุตบอล
คือมันต้องทุ่มเทอะไรทุกสิ่งทุกอย่างไปให้หมด
ผลลัพธ์อีกเรื่องหนึ่ง
มันอยู่ที่วิธีการ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี