นับเป็นครั้งแรกในรอบ 76 นัดที่ แมนฯ ซิตี้ จบแมทช์ด้วยการเสมอ 0-0 ในเกมบิ๊กแมทช์ กับ อาร์เซน่อล ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม
ซิตี้ ไม่ชนะ อาร์เซน่อล ในบ้านตัวเองครั้งแรกในรอบ8 ฤดูกาล นั่นหมายความว่าการเจอกันของศิษย์กับอาจารย์ปีนี้ มิเกล อาร์เตต้า ในฐานะศิษย์เอกไม่แพ้ให้กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่าทั้งไปและกลับ และยังเก็บไป 4 จาก 6 แต้มที่พบกันในปีนี้
อาร์เซน่อล ได้ผลลัพธ์ที่ดี แม้จะเสียตำแหน่งจ่าฝูงไปก็ตาม เนื่องจากหากปล่อยให้ ซิตี้ ชนะได้ จะน่ากลัวกว่า เพราะ อาร์เซน่อล จะตกมาอยู่ที่ 3 พร้อมกับตอกย้ำสถานการณ์ตามโปรแกรมที่ดู “หนักกว่าใคร”
ไม่ต้องบวกลบคูณหาร แต่ผลเสียตกอยู่ที่ แมนฯซิตี้ มากกว่า กับการปล่อยให้บอลอยู่ในมือของ ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล ถึงอย่างไรก็ดี ฟุตบอลยังมีให้สู้อีก 9 เกม
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สามารถล้างอาถรรพ์ตัวเองได้สำเร็จ หลังจากชนะ ไบรท์ตัน ที่แอนฟิลด์ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ด้วยสกอร์ 2-1 ทำให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายเก็บชัยชนะและขึ้นไปนำจ่าฝูงเดี่ยว ด้วยการมี 67 คะแนน นำห่าง อาร์เซน่อล 2 แต้ม และนำ แมนฯซิตี้ 3 แต้ม
เจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทัพ ลิเวอร์พูล คว้าชัยครบ 300 เกมจากการคุมทัพ 480 นัด เสมอ 96 แพ้ 84 ยิงได้ 1015 เสีย 486 พร้อมกับวลีหลังเกมที่เขาพูดว่า อยากให้แมทช์ระหว่าง แมนฯซิตี้ กับ อาร์เซน่อล จบลงด้วยการแพ้ทั้งคู่!!!
การแย่งพื้นที่ไปแชมเปี้ยนส์ลีก ยังคงระทึกใจ เมื่อ แอสตัน วิลล่า คว้าชัยในบ้านปราบ วูล์ฟส์ 2-0 ทำให้มี 59 คะแนน จาก 30 นัด ขณะที่ สเปอร์ส ก็ไม่ยอมลดละ เมื่อเปิดก๊อกสุดท้ายเฉือน ลูตัน ทาวน์ 2-1 ด้วยประตูชัยนาทีที่ 86 จาก ซน ฮึง มิน ทำให้พวกเขาตามวิลล่า 3 คะแนน แต่เล่นน้อยกว่า 1 นัด
การดวลแข้งในวันเสาร์มีการยิงถึง 29 ประตูจาก 8 คู่เริ่มด้วยเกมพลิกนรก และมีข้อสงสัยในจุดโทษที่ไทน์ไซด์เซนต์ เจมส์ พาร์ค “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด นำก่อน1-0 แต่โดน เวสต์แฮม รัว 3 เม็ดติด แต่กับมาฮึดยิง3 ประตูซ้อนในช่วง 13 นาทีสุดท้าย โดยได้ประตูชัยจาก ฮาร์วี่ย์บาร์นส์ ส่งผลให้ นิวคาสเซิ่ล กำชัย 4-3
อีกหนึ่งจุดโทษปัญหาเกิดขึ้นที่เดอะ บริดจ์ เมื่อทีมเยือน เบิร์นลี่ย์ ถูกตัดสินจาก วีเออาร์, เสียจุดโทษ และใบแดงมาในช่วงท้ายของครึ่งแรก แต่จนแล้วจนรอดกลายเป็น เชลซี เจ้าถิ่นที่ปิดเกมไม่ลง เสมอกันไป 2-2
ในเกม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่เสมอกับ ฟูแล่ม 3-3 ทั้ง6 ประตูนั้นเกิดขึ้นในครึ่งหลังล้วนๆ โดย มูนิซ คาร์วัลโญ่ ยิงแบ่งแต้มให้ทีมเยือนนาทีที่ 90+3
ส่วนฟากฝั่ง “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัวเลขกับวิธีการกลับด้านไปหมด มีทั้งเกือบแพ้ และเกือบชนะ สุดท้ายได้ผลเสมอ เนื่องจากตลอดทั้งเกม โดน เบรนท์ฟอร์ด เจ้าบ้านบุกแหลก แต่ได้ประตูขึ้นนำจาก เมสัน เมาท์ นาทีที่ 90+6 ก่อนที่ นาที 90+9 เจ้าถิ่นตีเสมอได้จาก คริสตอฟเฟอร์อาเยอร์
โธมัส แฟรงค์ กุนซือเบรนท์ฟอร์ด กล่าวว่า เขาเกือบจะไม่เชื่อในพระเจ้า หากทีมของเขาพ่ายแพ้ เนื่องจากเบรนท์ฟอร์ดได้เข้ามาสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษถึง 85 ครั้ง
ซึ่งกลายเป็นสถิติสูงสุดของทีม พรีเมียร์ลีก ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี