มหาพรมราชินี หรือชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mitrephora sirikitiae มีการสำรวจพบครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2546 จากอุทยานแห่งชาติแม่สุรินทร์ บ้านห้วยฮี้ ตำบลห้วยปูลิง อำเภอเมือง จังหวดแม่ฮ่องสอน โดย ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ตั้งขึ้นเพื่อถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเนื่องในโอกาสที่เจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2547
สำหรับมหาพรหมราชินี เป็นพืชถิ่นเดียวของไทย พบที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ ขึ้นในป่าดิบเขาที่เป็นหินปูน ความสูง 1,000-1,100 เมตร เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ 5-6 เมตร ดอกมีลักษณะเป็นดอกเดี่ยวหรือ เป็นช่อ 1-3 ดอกใกล้ปลายยอด เป็นพรรณไม้ที่มีดอกใหญ่ที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับดอกของพรรณไม้ชนิดอื่นๆ ในสกุลมหาพรหม คือ เมื่อบานเต็มที่ดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร โคนกลีบสีเขียวอ่อนปลายกลีบสีม่วงเข้ม กระดกงอขึ้นและประกบติดกันเป็นรูปกระเช้า แต่ละดอกบานอยู่ได้ 3-5 วัน กลิ่นหอมอ่อนๆ มีการศึกษาสารเคมีที่เป็นองค์ประกอบของต้น มหาพรหมราชินี พบว่าสารที่เป็นองค์ประกอบหลักที่มีการแยกได้จะเป็นกลุ่มลิกแนน (lignan) นอกจากนี้ยังแยกสารในกลุ่มอัลคาลอยด์ (alkaloid) สเตียรอยด์ ไกลโคไซด์ (steroid glycoside) และเทอร์พีนอยด์ (terpenoid) โดยเป็นสารที่มีการ ค้นพบใหม่จำนวน 1 สาร ในกลุ่มลิกแนน คือ mitrephoran (1) โดยโครงสร้างของสารที่เป็นองค์ประกอบได้จากการวิเคราะห์ด้วยเทคนิคทางสเปกโทรสโกปี
สารที่เป็นองค์ประกอบที่พบในต้นมหาพรมราชินี มีการนำไปทดสอบการออกฤทธิ์ต่อเซลล์ซึ่งพบว่า สารที่มีชื่อว่า liriodenine (3) และ oxoputerine (4) มีฤทธิ์ที่ดีในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง อาทิ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งช่องปาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม และมะเร็งปอด เป็นต้น ในขณะเดียวกันสาร magnone A (2) และ 3, 4-O-dimethylcedrusin (5) แสดงฤทธิ์ที่มีความจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งเต้านม และมะเร็งช่องปาก ที่ค่า IC50 4.40 ± 0.10 และ 2.03 ± 0.11 ไมโครโมลาร์ตามสำดับ เทียบกับสารมาตรฐาน ellipticine นอกเหนือจากนี้ยังมีผลการทดสอบการต้านภูมิแพ้ของสารที่แยกได้จากต้นมหาพรมราชินี ซึ่งพบว่าสาร 1, 5, (−)-phillygenin(6) และ 2-(3,4-methylene-dioxyphenyl)-6-(3,5- dimethoxyphenyl)-3,7-dioxabicyclo [3.3.0]octane (7) แสดงฤทธิ์ในการต้านการอักเสบด้วยกลไกที่แตกต่างกัน จากที่กล่าวมาข้างต้น มหาพรมราชินีพืชที่ค้นพบโดยผู้เชี่ยวชาญวิจัยของ วว. และได้รับการพระราชทานนามแล้วนั้น ยังถือว่าเป็นต้นไม้ประจำสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) อีกด้วย โดยการศึกษาองค์ประกอบและฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของต้นมหาพรหมราชินียังไม่แพร่หลายมากนัก และจากการรายงานที่ผ่านมาสามารถเป็นแนวทางสำหรับการประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าหรือการสร้างนวัตกรรมต่อไปได้ในอนาคต
เอกสารอ้างอิง :
Anantachoke, N., Lovacharaporn, D., Reutrakul, V., Michel, S., Gaslonde, T., Piyachaturawat, P., Suken, K., Prabpai,
S. and Nuntasaen, N., 2020. Cytotoxic compounds from the leaves and stems of the endemic Thai plant
Mitrephora sirikitiae. Pharmaceutical Biology, 58, pp. 490-497.
Mangmool, S., Limpichai, C., Han, K.K., Reutrakul, V. and Anantachoke, N., 2022. Anti-inflammatory effects of
Mitrephora sirikitiae leaf extract and isolated lignans in RAW 264.7 Cells. Molecules, 27, p. 3313.
Weerasooriya, A.D., Chalermglin, P. and Saunders, R.M.K., 2004. Mitrephora sirikitiae (Annonaceae): a remarkable
new species endemic to northern Thailand. Nordic Journal of Botany, 24, pp. 201-206.
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี