ความผิดปกติในการนอนหลับ
Sleep Test เป็นวิธีการตรวจค้นหาความผิดปกติในการนอน คนส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวขณะหลับว่าตนมีภาวะผิดปกติ กระทั่งคนใกล้ชิดให้ข้อมูล หรือทำการตรวจหาความผิดปกติจากการนอนหลับ โดยควรสังเกตอาการเวลานอนว่า มีอาการกรนเสียงดัง หายใจลำบาก ติดขัด หรือหายใจเสียงดังออกทางจมูกหรือไม่ การหยุดหายใจขณะหลับ อันตราย สังเกตตัวคุณเองและคนในครอบครัวว่าการนอนหลับยังปกติดีอยู่หรือไม่ ดังต่อไปนี้
1. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
2. นอนไม่หลับ
3. นอนกรนเสียงดัง และสำลักน้ำลาย
4. ภาวะชักขณะหลับ
5. สำลักขณะหลับ
6. ง่วงนอนมากกว่าปกติ
7. มีอาการหายใจลำบาก
8. หลับไม่สนิท ตื่นบ่อย
9. ฝันร้าย หรือนอนละเมอขณะหลับ
10. ตื่นนอนตอนเช้าและรู้สึกไม่สดชื่น
11. ปวดหัวเวลาตื่นนอน
12. อ่อนเพลีย หรือรู้สึกง่วงนอนมากในตอนกลางวัน
โรคเมตาบอลิกซินโดรม (โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเส้นเลือดสมอง ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ) ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea : OSA) เป็นภาวะการหยุดหายใจในขณะนอนหลับเป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งของการหายใจที่เกิดจากมีการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้น เมื่อเกิดการหยุดหายใจระหว่างนอนหลับ จะทำให้เกิดการสะสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดและระดับของก๊าซออกซิเจนในเลือดลดลง เมื่อสมองจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและตอบสนองด้วยการปลุกผู้ป่วยให้ตื่นขึ้นทำให้บางคนตื่นกลางดึก หรือมีอาการหายใจสะดุด หายใจเฮือกหรือนอนกระสับกระส่าย เพื่อให้สามารถหายใจได้ตามปกติ การหยุดหายใจขณะหลับนี้สามารถเกิดได้หลายครั้งในแต่ละคืน ส่งผลให้ไม่สามารถนอนหลับได้ตามปกติ ทำให้คุณภาพการนอนหลับแย่ลง อาจส่งผลต่อการเรียนรู้และสมาธิ โดยเฉพาะอยากยิ่งหากเกิดในเด็ก นอกจากนี้ในระยะยาวอาจมีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ และระบบต่อมไร้ท่อได้
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งของการหายใจที่เกิดขึ้นระหว่างนอนหลับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจทำให้เกิดความผิดปกติอื่นๆ กับร่างกายอาจเป็นอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยอาการนี้สามารถพบได้บ่อยในทุกช่วงวัย ดังนั้น อย่าละเลยปัญหาการนอนที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หากสงสัยว่าตนเองมีอาการหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจหาสาเหตุ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะหลัก 10 ประการ
เพื่อสุขอนามัยการนอนหลับที่ดี ดังนี้
1. เข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาทุกวัน
2. รับแสงแดดในตอนเช้าอย่างน้อย 30 นาที
3. ไม่นอนในเวลากลางวัน ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ไม่ควรเกิน 30 นาที
4. ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ก่อนนอน 2 ชั่วโมงไม่ควรออกกําลังกาย
5. หลีกเลี่ยงกาเฟอีน และอาหารมื้อหนักอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน
6. งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน
7. นอนเตียงนอนที่สบาย
8. ควรผ่อนคลาย เพื่อลดความวิตกกังวล
9. ควรใช้ห้องนอนเพื่อการนอนเท่านั้น ไม่เล่นโทรศัพท์มือถือ หรือกินอาหารบนเตียงนอน
10. หากนอนไม่หลับภายใน 30 นาที ควรลุกไปทำกิจกรรมอื่นๆ แล้วกลับมานอนใหม่อีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
บริษัทศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) https://www.sikarin.com/health/
คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ https://www.med.cmu.ac.th/web/news-event/news/8807/
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข https://multimedia.anamai.moph.go.th/news/100366/
นพ.นพดล ตรีประทีบศิลป์ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
https://www.gj.mahidol.ac.th/main/knowledge-2/importance-of-sleeping/
โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล https://www.bangkokinternationalhospital.com/th/health-articles/health-tips/why-humans-need-sleep
กองประชาสัมพันธ์
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี