ยูโรคำรบ 17 เดินทางมาถึงรอบตัดเชือก เพื่อเป็นการเพิ่มอรรถรสในการรับชมฟุตบอลนั้นหัวใจหลักใครก็รู้ว่า “ทุกตำแหน่ง” แต่ว่า“แดนกลาง” คือสิ่งที่จะช่วยกำหนดทิศทางความเป็นไปแบบเลี่ยงไม่ได้ จะหลีกก็ยิ่งไม่ได้เลย

l ฝรั่งเศส

อาการบาดเจ็บของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กลายเป็นไอเดียใหม่ในแดนกลางให้กับ ดีดิเย่ร์ เดส์ชองป์ กุนซือของ “ไก่ทองคำ” ปรับโฉมแดนกลางจาก “เดือยคู่” หรือ ดับเบิลพีวอท กลายเป็น “3 มิดฟิลด์”เป็นสไตล์ 4-3-1-2

เน้นการเล่นแบบรัดกุมขึ้นมาในบัดดล

จากเดิมในเกมแรกทีมเลือก เอ็นโกโล ก็องเต้ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ที่มีความสามารถพิเศษในการเล่นหลากตำแหน่งในแดนกลาง แล้วให้ อองตวน กรีซมันน์ โอเวอร์โหลดลงมา

กลายเป็นพลิกมาเล่นให้ กรีซมันน์ เป็นเหมือนกับ “ไดมอนด์”และขยับ “ฉีกออกขวา” โดยเล่นร่วมแดนบนกับ เอ็มบัปเป้ และมาร์คุสตูราม หรือจะ โคโล มูอานี่

เดส์ชองป์ เลือกอัดแดนกลางไปอีกคน นั่นคือ ออเรเลียง ชูอาเมนี่เป็นตัวทิ้งต่ำลักษณะ “เดือยเดี่ยว” เนื่องจากนักบอลคนนี้สามารถเล่นได้หลากความสามารถ ดังนั้น การยืนของเขาแต่ละนัดจะแตกต่างกันออกไปจากที่ยืนเหมือนถอยเป็น “เซ็นเตอร์ซ้าย” จากนั้นก็ขยับมายืนเป็น “กลางตัวต่ำ” ก่อนจะเคลื่อนตัวเองไปอยู่ในทุกหมุดของมิดฟิลด์ในรอบ
น็อกเอาท์

การเคลื่อนตัวของ ชูอาเมนี่ (The pivot position) ทำให้งานของเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ง่ายขึ้น มีอิสระและสามารถวิ่งขึ้นไปเล่นร่วมแดนบน เหมือนกับ “บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์” แถมในรอบนี้ ราบิโอต์ พ้นแบนกลับมา จะทำให้ความยืดหยุ่นของทีมเกิดขึ้นกับตัวเขา เพราะการเคลื่อนไป “ทำฉาก”ตามมุมต่างๆ

ดังนั้น แดนกลางของฝรั่งเศส 3 คน จึงมี 3 บุคลิก ที่เปี่ยมด้วยพลังงานของ ก็องเต้ กับ ชูอาเมนี่ และหมุนเหมือนเครื่องจักรของราบิโอต์

จึงเหมือนว่าทีมของเดส์ชองป์ เล่นเดือยเดี่ยว ผสมบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ แล้วให้ กรีซมันน์ โอเวอร์โหลด

l สเปน

ว่ากันถึงเรื่องมิดฟิลด์นั้น ทำให้ สเปน ไม่ได้อยู่ในแผน 4-3-3 ตามหน้ากระดานแต่อย่างใด เนื่องจากทุกรอบที่ผ่านมา เปดรี้ ขึ้นมาเล่นสูงแทบจะระนาบเดียวกันกับตัวจี๊ดดาวโรจน์ด้านข้างอย่าง ลามีน ยามาลกับนีโก้ วิลเลี่ยมส์

แพลนจึงออกไปเป็น 4-2-3-1 มากกว่า

ด้วยความที่ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ เทรนเนอร์สมองใส รู้ว่า โรดรี้กับ ฟาเบียน รุยซ์ ธรรมชาตินั้นเป็นอย่างไรมาตั้งแต่เคียงไหล่ปั้นกันมาตั้งแต่ชุดเยาวชน

ดังนั้น สองคนนี้จึงทำงานร่วมกันและเป็น “ดับเบิ้ลพีวอท (A Double Pivot )” ที่ดีที่สุดในเวลานี้ของรายการ

การเล่นเกมรับ, การสลับตำแหน่ง,การเข้าพื้นที่ฮาล์ฟ สเปซ ที่พอดิบพอดี นี่คือคุณสมบัติของ “เดือยคู่” อย่างแท้จริง

ทำไมสองคนนี้จึงดีกว่าคนอื่น นั่นก็คือ สามารถเล่นร่วมกันได้อย่างลงตัว มองตาแล้วรู้ใจว่า ใครจะไปทางไหน เพราะสไตล์การเล่นไม่ได้ต่างกันมาก แต่สามารถทำงานร่วมกันได้ นั่นคือเข้าใจในแผน และเข้าใจกัน

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทั้งสองคนสามารถพาตัวเองขึ้นมาเล่นเกมรุก ร่วมกันกับ “3 ตัวบน” กับอีกหนึ่งกองหน้า และมีทีเด็ดจากการยิงแถวสองทั้งคู่อีก

ไม่แปลกที่ สเปน สามารถทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกนัด

ทีนี้เมื่อไม่มี เปดรี้ แต่เป็น ดานี่ โอลโม่ ก็น่าสนใจเหมือนกัน เพราะจริงๆ แล้ว โอลโม่ จะเป็นตัวเลือกแรกก่อนเข้าทัวร์นาเมนท์ แต่ดันไม่สมบูรณ์ดังนั้น เมื่อ โอลโม่ ได้สตาร์ท วิธีการก็จะเปลี่ยนไปอีก เนื่องจาก โอลโม่ ชอบถอนตัวลงมาเล่นแนวลึกและทิ้งต่ำแบบซ้ายทีขวาที

แน่นอนว่า หน้าที่การเคลื่อนตัวของ โรดรี้กับ ฟาเบียน รุยซ์ ก็จะต้องมากขึ้นกว่าเดิม ประเด็นคือ อาจจะมีการผิดตำแหน่งได้ในการเล่นเกมรับ แต่ในฉากทัศน์เกมรุกแล้ว

โอลโม่ อาจพาบอลไปไม่ได้คล่องแบบ เปดรี้

แต่จะมีบอลจากแนวลึกเข้ามาทดแทน

l เนเธอร์แลนด์

“ฟลายอิ้งดัทช์แมน” เจอกับเครื่องหมายคำถามตัวเบ้อเริ่มเทิ่ม กับปัญหาก่อนเข้าทัวร์นาเมนท์ ส่งผลกระทบมายังการทำงานของ โรนัลด์ คูมัน อย่างเต็มตีนเตี่ย เมื่อ 3 กองกลางตัวสำคัญ ซึ่งติดทีมชาติรวมกันเป็นร้อยเกม บาดเจ็บมาแข่งไม่ได้

มาร์ท่น เดอ รูน ของอตาลันต้า เจ็บไปคนแรกเป็นสัญญาณเตือน ต่อด้วยช่วงอุ่นแข้งก่อนเข้าทัวร์นาเมนท์

ปรากฏว่า เฟร็งกี้ เดอ ยอง กับ เทิน คูปไมเนอร์ส ก็บาดเจ็บต้องถอนสมอก่อนแค่สัปดาห์เดียว

วิธีการจึงเปลี่ยนไปหมด เพราะปกติ พิษสงของกองกลางดัทช์แมนน่าสนใจมาก เนื่องจาก คูปไมเนอร์ส จะขึ้นไปจั่วบนก่อน โดยมี เดอ ยอง เป็นตัวคุมจังหวะ และกำหนดทิศทางบอล

เกมแรก และเกมสุดท้ายของรอบแรก โรนัลด์ คูมัน อัดมิดฟิลด์ลงไป 3 คน ซึ่งมันดูน่าอึดอัดอย่างมาก เพราะ “ไม่ตรงตามตำแหน่ง” และ “วิ่งซ้อนและทับไลน์” กันเกือบจะตลอดเวลา นั่นคือ ทียานี่ ไรน์เดอร์ส, แยร์ดี้ สเคาเท่น และโจอี้ เฟียร์มัน

ก่อนที่จะมีการปรับโครงสร้างจริงจัง โดยให้ ไรน์เดอร์ส กับ สเคาเท่นไม่ต้องไปไหนเยอะ อยู่ตรงกลางด้วยการเล่น “จังหวะ 3 ต.” นั่นคือ คอยตบจังหวะ, ตัดจังหวะ และแต่งจังหวะ

ได้แล้วก็ฝาก ฝากแล้วก็ขยับ และเคลื่อนตัวในพื้นที่ เป็นการเล่น“อลองไซด์ มิดฟิลด์” หรือยืนคู่กันแบบลักษณะเป็น Box midfield

ระบบของเนเธอร์แลนด์ จึงชัดเจนว่าเป็น 4-2-3-1 ไรน์เดอร์สกับ สเคาเท่น เคลื่อนไปตรงๆ ไม่ต้องโล้ไปหรือขึ้นไปทดตำแหน่งให้ใครแต่เล่นอยู่ร่วมกัน ยืนอยู่ใกล้กันให้มากที่สุด เอาเข้าจริงมันคือการแก้ปัญหาแต่ทั้งสองคนปรับจูนกันได้ลงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และดีขึ้นเรื่อยๆ

l อังกฤษ

ความโกลาหลที่เลยความสับสนไปหลายสิบลี้ของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ทำให้เขาถึงกับ “หลุด” คำพูดที่ว่า หาคนมาแทนที่ คัลวิน ฟิลลิปส์ไม่ได้ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง หลังจากโดนจี้ใจดำเรื่องการใช้เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มาเล่นกลางคู่กับ เดแคลน ไรซ์

ไม่ต่างอะไรกับคำว่า “ใช้อาวุธผิดประเภท”

ไม่แปลกที่เราจะคิดถึงใคร แต่ในระหว่างการศึกสำคัญกลางสมรภูมิแม่ทัพใหญ่ไม่ควรร้องหานายกองเอกที่ไม่ได้ร่วมทัพจับศึกถืออาวุธมาด้วย

“ไอ้หนุ่มนีออน” ฟิลลิปส์ ยืนในตำแหน่งที่แผนของ เซาธ์เกตมันลงตัวพอดี เขาอาจไม่ถึงระดับ “Deep Lying” แบบ อันเดรีย ปิร์โล่ตำนานแห่งอิตาลี หรือ มัทธีอัส ซามเมอร์ ลิเบอโร่ระดับปริญญาเอกคนสุดท้ายแห่งโลกฟุตบอลจากเยอรมนี

แต่การเล่นตัวบล็อกกลาง กับการถอนตัวลงมาต่ำกว่าคู่เซ็นเตอร์แบ๊กของ ฟิลลิปส์ ทำให้เกมของทีมที่เขาเล่น “เกิดสมดุล”

การให้ เทรนท์ มาเล่นตัวนี้คือ “การเอานักบอลมาฆ่า” สุดท้ายก็ต้องใช้มิดฟิลด์ธรรมชาติอย่างไอ้หนู ค็อบบี เมนู มาคู่กับ ไรซ์

ไรซ์ ที่เล่นได้หมดทั้งการเป็น เดือยเดี่ยว, เดือยคู่ ที่เวสต์แฮม ก่อนจะเล่น บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ได้สบายๆ ในบางขณะกับ อาร์เซน่อลแต่การที่เขา “ไม่มีคู่” ทำเกิดการสับสนจากการถูกส่งลงมาเล่นผิดตำแหน่งของ เทรนท์ ทำให้ศักยภาพของ ไรซ์ ลดลงกลายเป็นข้าวค้างสต๊อกเป็นปี (แต่มีราคา)

แม้มันอาจจะไม่อร่อย ไม่ได้เป็นทั้ง ดับเบิ้ลพีวอท หรืออะไรก็แล้วแต่ อย่างไรก็ดี ไรซ์ กับ เมนู ประคองสถานการณ์ผ่านไปได้โดยที่ “ไม่ได้แย่” เพราะทั้งคู่ได้เล่นแบบเป็นธรรมชาติมากขึ้น

นี่คือ อลองไซด์ มิดฟิลด์ คล้ายกันกับ เนเธอร์แลนด์ นั่นแล...

ทีนี้จะให้ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ถอนลงมาคู่กับ ไรซ์ มันก็เสียของ เพราะตำแหน่ง จู๊ด ตอนนี้คือ “รุกเต็มตัว” ที่เรอัล มาดริด ส่วน ไรซ์ก็ต้องมีคนมาคัดท้ายให้ เนื่องจากเขามีประโยชน์ในการแทงบอลจากแดนสองทะลุแดนสามของคู่แข่ง

ว่ากันตามเชิง อังกฤษ เป็นทีมที่เล่นแบบ “อยู่ในบล็อก” ของแต่ละคนมากเกินไป ทำให้ทุกคนมี “ข้อจำกัด” ในการเล่นเพราะการถูกตีกรอบ ทำไปทำมากลายเป็นมาตรฐานเป็นรองทุกทีมที่หลุดเข้ามาถึงรอบนี้

ได้เวลาที่ เซาธ์เกต จะสั่งให้เล่นเหมือนกับนาทีที่ 76 ไปจนถึงนาทีที่ 81 เหมือนเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ แล้วหรือยัง!?!?!?!?

บี แหลมสิงห์