การเลือกตั้งครั้งสำคัญของคณะกรรมการบริหาร และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ชุดใหม่ ในวันที่ 25 มีนาคม 2568ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ หรือบ้านอัมพวันเวลา 09.30 น. ซึ่งเวลานี้มี 2 คนที่ยืนยันว่าจะลงเลือกตั้ง นั่นคือ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโด และนายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมลอนเทนนิส 

ในภาคเช้า ที่ประชุมจะเริ่มต้นด้วยการดำเนินการเลือกประธานการเลือกตั้ง หากมีการเสนอชื่อมากกว่า 1 คน ให้ยกมือโหวตเลือกประธานเพียงคนเดียว จากนั้นประธานการเลือกตั้ง จะแต่งตั้งกรรมการตรวจบัตรลงคะแนนและกรรมการนับคะแนน ตามจำนวนที่เห็นสมควร

จากนั้นประธานการเลือกตั้งจะแจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ลงมติว่าจำนวนกรรมการบริหารชุดใหม่ สำหรับวาระปี 2568-2572 สมัชชาใหญ่ต้องการให้มีจำนวนกรรมการบริหารเท่าไหร่ โดยธรรมนูญข้อบังคับ ข้อ 6.4 กำหนดไว้ว่า มีจำนวน 25 คน (ธรรมนูญข้อบังคับ ข้อ 6.4 เขียนไว้ว่า ณ วันที่ธรรมนูญข้อบังคับฉบับนี้ มีผลบังคับใช้คณะกรรมการมีจำนวน 25 คน (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นวันที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ลงนามประกาศใช้เอาไว้) 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อ 7.4.4 ของธรรมนูญข้อบังคับระบุไว้อีกว่า จำนวนกรรมการในคณะกรรมการบริหารต้องไม่เกินจำนวนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งข้อ 4.1.1 กำหนดจำนวนไว้ที่ 37 คน ตีความได้ว่าคณะกรรมการบริหารคณะกรรมการบริหารโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ มีได้ขั้นต่ำ 25 และขั้นสูงสุด 37 คน 

ดังนั้น สำหรับวาระปี 2568-2572 จะมีจำนวนเท่าใด เป็นอำนาจของสมัชชาใหญ่ลงมติกำหนดจำนวนให้ชัดเจนก่อนที่จะมีการโหวตเลือกคณะกรรมการบริหารเพื่อป้องกันปัญหา

จากนั้นในภาคบ่ายจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารที่ได้รับการเลือกตั้งในภาคเช้า เพื่อทำการเลือกคณะผู้บริหาร 16 ตำแหน่งตามธรรมนูญข้อบังคับข้อ 6.7ประกอบด้วย ประธานโอลิมปิค 1 คน,รองประธาน 8 คน, เลขาธิการ 1 คน,รองเลขาธิการ 4 คน, เหรัญญิก 1 คนและผู้ช่วยเหรัญญิก 1 คน รวมคณะผู้บริหารที่จะต้องทำการเลือกตั้งอีก16 คน   

โดยสมาชิกสมัชชาใหญ่ของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ที่จะเข้าประชุม มีจำนวน 4 กลุ่มรวมทั้งหมด 49 คน ประกอบด้วย สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่เป็นสมาชิกสามัญ 37 คน, ไอโอซีเมมเบอร์ 1 คน(คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล), ผู้แทนนักกีฬาโอลิมปิก 2 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ ปัจจุบันมี 9 คน รวมทั้งสิ้น 49 คน

ทั้งหมดนี้มีสิทธิ์ที่จะลงคะแนนได้คนละ 1 คะแนน ในการดำเนินการเสนอชื่อกรรมการบริหาร ตามจำนวนที่ที่ประชุม ได้ตกลงร่วมกัน และหากมีการเสนอชื่อ  กรรมการบริหารมากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ตอนต้น ให้ที่ประชุมทำการทำการลงคะแนนลับเพื่อให้ครบตามจำนวนที่กำหนด

สำหรับ 37 สมาคมกีฬาสมาชิกสามัญของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง ประกอบด้วย ขี่ม้าโปโล, ตะกร้อ, สกีและสโนว์บอร์ด, ปัญจกีฬา, รักบี้, ยิงปืน,มวยสากล, บาสเกตบอล, กอล์ฟ, ฮอกกี้น้ำแข็ง, ฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้ง, แฮนด์บอล, เทควันโด, เรือพาย, ไตรกีฬา,เบสบอล, ขี่ม้า, ซอฟท์บอล, ฟันดาบ, มวยปล้ำ, ยกน้ำหนัก, แข่งเรือใบ, จักรยาน, เทเบิลเทนนิส, ลอนเทนนิส, โบว์ลิ่ง, ว่ายน้ำ, ยิงเป้าบิน, ยูโด, ฮอกกี้, ยิมนาสติก, ฟุตบอล, วอลเลย์บอล, แบดมินตัน, กรีฑา, ยิงธนู และปีนหน้าผา

มาดูกันว่าการเลือกตั้งครั้งสำคัญครั้งนี้ ใครจะได้รับการชูมือ

หรือจะมี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” โผล่มาในวันเลือกตั้ง!!!!!!