“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลงสนามในช่วงปรีซีซั่นนัดสุดท้ายก่อนเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ แอธเลติก บิลเบา ทีมดังจากประเทศสเปน ลงได้ทั้ง 2 เกมในวันเดียวกัน ในการเตะแบบดับเบิ้ล เฮดเดอร์ ที่สนามแอนฟิลด์
1.บทสรุปของเกม
ทีม ชุด A ลงเล่นในเวลา 23.00น.อุดมไปด้วยดาวรุ่งบวกชีเนียร์อย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, คอสตาส ซิมิกาส, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, เคอร์ติส โจนส์ และดาร์วิน นูนเญซ ถล่มไป 4-1 โดยออกนำก่อน 3-0 ครั้งแต่ครึ่งแรก
ได้ประตูจาก ริโอ เอ็นกูโมฮา น.2, ดาร์วิน นูนเญซ น.5, เบน โด๊ค น.45 และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ น. 58 ก่อนโดนทีมเยือนตีไข่แตกจาก กอร์ต้า กูรูเซต้า น.76
จากนั้นชุดบีลงเล่นในเวลา 02.00น. ทั้งสองทีมจัดเต็มด้วยผู้เล่นแกนหลัก "หงส์แดง" 5 แข้งใหม่อย่าง จอร์จี้ มามาร์ดาซวิลี่, มิลอส เคอร์เคซ, เฌเรมี่ ฟริมปง, ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ และอูโก้ เอกิติเก้ ได้สตาร์ทตัวจริงทั้งหมด ก่อนจะบดชนะไปได้อย่างสนุก 3-2 โดยขึ้นนำก่อนจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น.14 แต่มาโดน ออยฮาน ซานเช็ต น.29 จากนั้นเจ้าถิ่นนำอีกครั้งจาก โคดี้ กัคโป น.55 แต่ กัคโป โชคร้ายบอลมาแฉลบตัวเขาเข้าประตูตัวเอง น.64 แอย่างไรก็ตาม กัคโป มาแก้ตัวซัดประตูชัยใน น.70 ปิดจ็อบปรีซีซั่นซัมเมอร์นี้ เตรียมตัวลุยเอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ดวลกับ "ปราสาทเรือนแก้ว" คริสตัล พาเลซ ที่เวมบลีย์ วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคมนี้ต่อไป
2.กองหลังต้องซ่อม
อย่างไรก็ตาม การบาดเจ็บของกองหลังเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับ “หงส์แดง” หลังจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กัปตันทีม ถูกเพิ่มชื่อเข้าไปในรายชื่อผู้เล่นที่พลาดลงสนาม ต้องพักรักษาตัวเนื่องจากอาการป่วย และคาดว่าจะกลับมาทันเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์สุดสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม การที่หงส์แดงสามารถเรียกตัวเซ็นเตอร์แบ็กตัวเก่งตัวจริงได้เพียงคนเดียว นั่นคือ อิบราฮิมา โกนาเต้ ในสองเกมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากของพวกเขาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ โจ โกเมซ ที่อยู่กับทีมมาเป็นปีที่ 10 แต่ไม่สามารถพึ่งพาได้ และได้ปล่อย จาเรลล์ ควานซาห์ ไปให้กับ เลเวอร์คูเซ่น ก็ยังไม่ได้ถูกแทนที่
โกเมซ ต้องเข้ารับการรักษาร่วมกับ คอนอร์ แบรดลีย์ ที่พลาดเกมอีกครั้ง ทำให้ ลูก้า สตีเฟนสัน ที่มีอาการตะคริวในช่วงท้ายเกมแรก ทำให้ เฌเรมี ฟริมปง ไม่มีแบ๊กอัพที่ดีในเกมที่สองของเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
ในเวลานี้มีชื่อของ โจวานนี่ เลโอนี่ ปาร์ม่า ดาวรุ่งวัย 18 ปีชาวอิตาลี ชอบเล่นเซ็นเตอร์คู่ หรือ ระบบ 3 เซ็นเตอร์ในตำแหน่งสต๊อปขวา ค่าตัวประเมินคือ 18 ล้านยูโร, คาสเตลโล ลูเคบา มาจาก ลียง เมื่อปี 2023 เหรียญเงินโอลิมปิก จากไลป์ซิก สต็อปเปอร์ ชัดเจน เล่นเซ็นเตอร์ด้านซ้าย และ คอนสแตนตินอส คูลีราคิส ชาวกรีซ ของโวล์ฟสบวร์ก เพิ่งมาเยอรมนีปีเดียวจาก PAOK เล่นไป 33 เกม เป็นเซ็นเตอร์เท้าซ้าย เล่นฝั่งซ้าย วัย 21 ปี
3.big Anfield moment
ริโอ เอ็นกูโมฮา ยิงประตูแรกที่แอนฟิลด์สำเร็จ เล่นได้อันตราย และหวือหวา อันนี้ดีมาก เพราะปกตินักบอลดาวรุ่งคือ หวือหวา แต่ไม่มีพิษสง
ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ครองเกม ครองบอล และโชว์ทักษะให้เห็น ประมาณ 60 เปอร์เซนต์ แน่นอนว่าเขาก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน แม้จะเป็นดาวโรจน์ระดับท็อปของโลก
อูโก้ เอกิติเก้ ใช้เวลา 14 นาทีไม่ถึงดี แอสซิสต์แรกทันทีให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
โคดี้ กัคโป กับปีที่เขากำลังจะเป็นตัวจริงแบบเต็มตัวนับตั้งแต่ย้ายมา 2 ซีซั่น และทำได้ 2 ประตู(บวก 1 ยิงตัวเอง)
โม ซาลาห์ ยังคงเฉียบคมอยู่เช่นเดิม
แต่คนที่ผมชอบสุดคือ เทรย์ นิโอนี่ ซึ่งเป็นนักบอลจากแดนกลางแต่ไปเล่นเซ็นเตอร์แบ๊ก ได้โดดเด่นมาก
4.เน้นกลางเป็นพิเศษ
ลิเวอร์พูล ใช้สูตรการเล่นทีมแรก คือ 4-3-3 แบบหงาย (ตัว U) และทีมสองคือ 4-2-3-1
ความยอดเยี่ยมของ แม็ค อัลลิสเตอร์ คือการยืนแบบใดก็ได้ เขาเล่นแบบตัวเดียว หรือ เดือยเดี่ยว ทั้งสองเกมที่กลับมา
ขณะที่ การเล่นของ โดมินิค โซโบสไล กำลังจะพัฒนาขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ตรงกลาง นี่คือบทบาทที่น่าประหลาดใจที่ โซโบสไล คนที่อยู่กับ ไลป์ซิก ไม่มีอีกต่อไปในการหมุดขวาบน
โซโบ ยุค อาร์เน่อ เล่นเป็น บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ด้านขวา ในระบบ 4-3-3 จากนั้นขยับขึ้นไปเป็นตัวเพรสบนในครึ่งซีซั่นแรก 2024-25 ในการเริ่มต้นเล่นเกมรับ 4-2-4 โดยเข้าไปบี้ร่วมกับกองหน้า
จากนั้นตั้งแต่มกราคม 2025 โซโบ ไม่เพรสบน แต่ต้องไล่ล่าแบบตีโค้งจากขวามาซ้าย เป็นอีกรูปแบบของการเล่น
มาในช่วงปรีซีซั่น กลายเป็นมิดฟิลด์คู่กลางที่สลับเล่นกับ กราเฟ่นแบร์ช ที่ต้องทำงานร่วมกันนั่นคือ รับ, พัก, ต่อ และเคลื่อนตัว
ที่สำคัญคือเกมนี้ โซโบ รับลึกกว่า กราฟ ด้วยซ้ำ
5.แนวรุกที่ปราดเปรียว กับแผนบุกที่เปลี่ยนไป
วิธีการเล่นแนวรุกของ 2 เกมนี้ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่คล้ายกันคือ การแทงทะลุจากแดนกลางเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายของคู่แข่งแบบแนวดิ่ง
ตรงนี้น่ากลัวมาก คือแทงตรง ๆ ทิ่มดื้อ ๆ ปกติคือจ่ายแบบตัดขั้วหัวใจ แต่อันนี้แทงเข้าที่หัวใจกันไปเลย
หลายครั้งที่เราเห็นทีมลงสนามแบบ 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 ตามแพทเทิ่ล
แต่เราได้เห็น หรือผมคิดไปเองไม่ทราบว่า ผมกำลังจะเห็น ลิเวอร์พูล เล่นไดม่อนด์ในแนวรุก คือสองฝั่งแนบในทั้งหมด เป็น 4-2-4 แบบเต็มรูปแบบจากเกมรุก ไม่ใช่จากเกมรับ
บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี