วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เป็นทีมที่สองที่ยิงได้ 4 ประตูขึ้นไปเมื่อเจอกับ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ในรายการแข่งขันระดับยุโรป ต่อจาก เรอัล มาดริด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023
นี่ยังเป็นชัยชนะครั้งแรกของ พีเอสวี บนแผ่นดินอังกฤษในรอบ 17 ปี โดยครั้งสุดท้ายคือการเอาชนะท็อตแนม ได้ตั้งแต่ปี 2008
นับเป็นค่ำคืนประวัติศาสตร์สำหรับแชมป์ดัตช์ แต่เป็นค่ำคืนที่ระเนระนาดสำหรับแชมป์อังกฤษ
เพราะ ลิเวอร์พูล แพ้ถึง 9 นัด จาก 12 นัดหลังสุด โดยยิงเละด้วยพิษแข้งที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรอย่าง พีเอสวี ถึง 1-4 คาบ้านแอนฟิลด์ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก รอบลีกเฟส
ถือเป็นผลงานที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 1953ถึงมกราคม 1954 หรือ พ.ศ. 2496-97 โน่นเลย
ลิเวอร์พูลแพ้ 3 นัดติดต่อกันในทุกรายการด้วยผลต่าง 3 ประตูขึ้นไปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 1953
หงส์แดง ยังเสียประตูอย่างน้อย 3 ประตูใน 3 นัดติดต่อกันในทุกรายการ
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1992
ผมอยากจะบอกทุกคนที่เป็นแฟนเพจว่า ทั้งสองครั้งคือหายนะของสโมสรนะครับ
72 ปีก่อนคือทีมตกชั้น ส่วนปี 1992 ทีมต้องฉลอง 100 ปีด้วยการหนีตกชั้น
อาร์เน่อ ชล็อต กุนซือลิเวอร์พูล แก้เกมน้อยมาก แต่ยังเหมือนเดิมนั่นคือ
1.เปลี่ยนเซ็นเตอร์แบ๊ก(อิบราฮิมา โกนาเต้) ออกแล้วถอยกองกลาง (ไรอัน กราเฟนแบร์ช) มายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งไม่เวิร์คตั้งแต่แผนแรกยันแผนสอง
2.เปลี่ยนกองหน้าตัวเป้า(อูโก้ เอกิติเก้) ออกแล้วให้กองหน้าอีกคนลงแทน (อเล็กซานเดอร์ อิซัค) เหมือนกับเกมที่แล้ว แต่นัดก่อน อิซัค สตาร์ท เอกิติเก้ สำรอง เพียงแต่หนนี้ เอกิติเก้ เจ็บ แต่คำถามคือ สตาร์ทพร้อมกันไม่ได้หรือไม่อย่างไร
3.เปลี่ยนปีกลงมาซ้อนปีก(เฟเดริโก้ เคียซ่า) แล้วให้วิ่งไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็ทับตำแหน่งกับเจ้าของหมุดต่าง ๆ(โคดี้ กัคโป ด้านซ้าย และโม ซาลาห์ ด้านขวา) พร้อมกับทับไปหมดอีก 3 หมุด เหมือนให้วิ่งไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีแผน
4.กองกลางที่ลงตัวแล้ว ก็เทให้ โดมินิค โซโบสไล ป่ายไปเรื่อย ๆ ทั้งขวา และกลาง เรื่องของเรื่้องเหมือนกับ โซโบสไล ที่ทุ่มเท(ซึ่งก็ทุ่มเทมาก) แต่เขาทำทุกอย่างไม่ได้ทั้งหมด เขาเก่งแต่ก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น
อย่างลืมว่า ชล็อต ก็มองว่า โซโบ นี่แหละจะหลุดสำรองปีนี้(ไม่ใช่เหรอ)
หลังเกม อาร์เน่อ ชล็อต เถียงผู้สื่อว่า ประเด้นเรื่องคุณภาพนักบอล ว่า ผมไม่เห็นด้วยกับคุณที่ว่าคุณภาพไม่ได้แสดงออกมา ผมเห็นจังหวะที่นักเตะแสดงคุณภาพออกมามากพอ แต่มันไม่ได้สะท้อนออกมาที่การได้ประตู หรือการได้ผลการแข่งขัน และตัวเขาไม่ได้มีความกังวลใด ๆ
"ที่ผมหมายถึงคือผมมุ่งเน้นไปที่เรื่องอื่นมากกว่าการกังวลเรื่องตำแหน่งของตัวเองในสโมสร”
"ผมพยายามวิเคราะห์ พยายามช่วยเหลือนักเตะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเห็นได้ชัดว่าผมไม่ได้ทำแบบที่ผมทำในฤดูกาลที่แล้ว เพราะเมื่อคุณพูดถึงความผิดพลาดของแต่ละคน ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่มาจากความพยายามของทีมด้วย"
"ดังนั้น ผมต้องทำให้ดีขึ้น และนั่นคือสิ่งที่ผมพยายามทำในทุกๆ วัน เพื่อพัฒนาทีม พูดตามตรง นั่นคือจุดที่ผมมุ่งเน้นเป็นหลัก"
“ที่ผ่านมา บอร์ดบริหาร สนับสนุนผม แต่เขาไม่ได้มาบอกผมทุกนาทีว่า 'เราสนับสนุนคุณ’…. 'เราสนับสนุนคุณนะ’ไม่ใช่ขนาดนั้น”
“เราคุยกันเยอะมาก ทั้งเรื่องที่เราชนะ เป็นแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และเรื่องที่เราแพ้ในซีซั่นนี้ แล้วพวกเขาก็ช่วยเหลือผมและทีมด้วย”
“เราก็คุยกันเรื่องนั้นอยู่ แต่พวกเขาไม่ได้โทรหาผมทุกนาทีเพื่อบอกว่ายังไว้ใจผมอยู่ เราก็คุยกันตามปกติ และในบทสนทนาเหล่านั้น ทำให้ผมรู้สึกถึงความไว้วางใจ”
“แต่ผมยังไม่ได้คุยกับพวกเขาเลยหลังเกมนี้ รอดูกันต่อไป!”
…………ใครคิดอย่างไรไม่รู้ แต่ปกติของมนุษย์เรา คนจะก้มศีรษะหรือไม่ ไม่ต้องไปบังคับใคร เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
ผลงานมันชัดเจนว่า พูดแล้วต้องทำ ทำแล้วต้องทำให้ถึง
ไม่ใช่ว่า พูดเหมือนจำ แต่ทำเหมือนเดิม
#บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี