ขณะนี้ พระธรรมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หรือนายไชยบูลย์ สุทธิผล หายตัวไปไหน ไม่มีใครทราบ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ และตำรวจที่เฝ้าติดตามไม่ห่าง ตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก็ไม่กล้ายืนยันว่า ธรรมชโย หนีออกไปจากวัดพระธรรมกายแล้ว เพราะการเข้าไปตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายล่าสุด เมื่อปลายปี 59 ก็ยังไม่พบร่องรอยของธรรมชโย คงมีแต่รองเจ้าอาวาส ทัตตชีโว หรือนายเผด็จ ทองสวัสดิ์ อยู่รักษาการภายในวัด ขณะที่รักษาการเจ้าอาวาส ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ก็หายตัวไปอย่างลึกลับเช่นกัน
วัดพระธรรมกายเดินทางมาถึงจุดจบ ที่ไม่มีพระธรรมชโย เป็นเจ้าอาวาส ณ วันนี้ ได้อย่างไร จากจุดเริ่ม เป็นวัดเล็ก ๆ เนื้อที่เพียง 196 ไร่ เมื่อ 45 ปีที่แล้ว ได้ขยายใหญ่โตเป็น 2,000 กว่าไร่ บนที่ดินผืนใหญ่บริเวณคลองสาม จ.ปทุมธานี มีระบบบริหารการตลาดที่ทันสมัย สามารถเรี่ยไรดึงดูดเอาเงินเข้าวัดได้เป็นพัน เป็นหมื่นล้านบาท ชั่วเวลาเพียง 30 ปีให้หลัง จากที่มีการตั้งวัดมา สามารถขยายเครือข่าย ทำธุรกิจได้เงินกำไรมากมาย
จากยุคคุณยายจันทร์ ขนนกยูง ผู้ก่อตั้ง เริ่มต้นที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ด้วยเงินที่คนบริจาคเพียง 3,200 บาท ซึ่งปัจจุบันคุณยายจันทร์ ได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยวัย 80 ปี โดยก่อนเสียชีวิต ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ไม่รู้ตัวเอง ถูกพระธรรมชโยครอบงำ
ด้วยปณิธานอันเข้มงวด ของแม่ชี หรือคุณยายจันทร์ ผู้สืบทอดคำสอนของหลวงพ่อสด-พระเทพมงคลมุนี แห่งวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งเป็นที่รวมของผู้มาปฏิบัติธรรมในยุคแรก ที่บ้านธรรมประสิทธิ ที่อยู่อย่างสมถะ สันโดษ ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด
นพ. มโน เลาหวณิช อดีตศิษย์เอกของพระธรรมชโย ซึ่งอยู่กับพระธรรมชโยมาเกือบ 20 ปี เล่าว่า คุณยายจันทร์ สอนทุกคน ให้สร้างวัดที่ไม่ต้องใหญ่มาก มีพระไม่เกิน 20 รูป ฆราวาสไม่เกิน 100 คน ถ้าเกินจากนี้ ให้ไล่ออกจากวัดให้หมด ให้ทำแบบ นกน้อยทำรังแต่พอตัว
คุณยายจันทร์ สอนไม่ให้มักใหญ่ใฝ่สูง ให้ยินดีเฉพาะปัจจัยได้มา แต่หลังจากที่ ธรรมชโย เข้ามาบริหารจัดการ วัดพระธรรมกาย กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ขยายวัดใหญ่โต เพียง 30 ปี วัดได้ขยายตัวไปกว่า 300 เท่า
“มีช่วงหนึ่ง ผู้ที่บริจาคที่ดินก่อตั้งวัดพระธรรมกาย คือหญิง วรณี สุนทรเวช ซึ่งเป็นป้าของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จะขอคืนที่ดิน เพราะหมดศรัทธาวัดนี้ จะเอาที่ดินไปมอบให้หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุดก็ต้องล้มเลิกแนวคิดนี้ไป” จากการเปิดเผยของนพ.มโน
จุดเปลี่ยนของวัดพระธรรมกายที่เป็นจุดพลาดคือ เรื่องเงิน มีการจัดตั้งบริษัททำธุรกิจมากมาย ตั้งแต่ปี 2526
… เอาเงินฝากไปเล่นหุ้น เล่นแชร์แม่ชม้อย แชร์น้ำมัน...แต่เดชะบุญ ถอนตัวออกมาทันเสียก่อนจะเสียหาย ...
....ที่เศร้าที่สุด คือ การทำธุรกิจค้าอาวุธ ผมเดินทางกลับจากไปเรียนต่างประเทศ ปี 29 กลับมา มีโยมผู้หญิง ผู้ชาย เอาเอกสารมาให้ดู ปึกใหญ่....ในนั้นมีรายการอาวุธนานาชนิด …….ปืนเล็กยาว ปืนไรเฟิล ปืนไร้แสงสะท้อน เรือดำน้ำ รถถัง เครื่องบิน ...ผมเห็นแล้ว ตกใจและเสียใจมาก ...น้ำตานองหน้า ...เรากำลังทำอะไรลงไป ...ต้องตัดสินใจคิดใหม่กันแล้ว...”
“ธรรมชโย อ้างตัวมีคุณวิเศษต่างๆ สามารถดลบันดาลให้คนรวยได้เพียงแค่พลิกฝ่ามือ คนที่ทำธุรกิจเจ๊งมา เขาทำให้กลับมาร่ำรวยได้ จุดนี้ทำให้ลืมตัว เขาตั้งตนเป็นพระต้นธาตุ ต้นธรรม เป็นผู้มีบุญมาเกิด เพื่อมาปราบมาร....”
นพ.มนโน เล่าว่า ธรรมชโย หรือนายไชยบูลย์ ฉายแววเป็นผู้นำตั้งแต่เป็นนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีจิตวิทยาสูงในการแสดง เล่าเรื่อง แต่นำมาตีความอย่างผิด ๆ ในการเป็นผู้เผยแพร่ทางธรรม ไม่ได้ยึดพระธรรมวินัย อย่างที่คุณยายจันทร์ หรือที่หลวงพ่อสดสอนสั่ง ไปหลงในลาภ ยศ สรรเสริญ ทำให้ติดในอดิเรกลาภ .....
เช่น ทำบุญแล้วรวย จะได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรสุดหล่อ... อยู่ในวิมานลอยแก้ว ดุสิตบุรี อยากไปสวรรค์ชั้นไฮโซ ก็ต้องทำบุญเยอะ ๆ ... ไม่ต้องเสียดายทรัพย์สินเงินทอง ถ้าห่วงทรัพย์สินจะได้บุญไม่เต็มที่...
ธรรมชโย หลงไปว่า ตัวเองเป็นพระต้นธาตุ ต้นธรรม ได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้มาปราบมาร ตอนแรกบอกว่ามากับหลวงพ่อสด ต่อมากลายเป็นธรรมชโยมาคนเดียว เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อสด มาเพื่อปราบมาร ...
มีการระดมเงินเข้ามาด้วยงานบุญสารพัด จัดต่อเนื่องกันตลอดทั้งปี โดยอ้างจะได้ขึ้นสวรรค์ ได้บุญ ยิ่งระดมเงินมามากก็ได้บุญมาก จนหลายครอบครัวเกิดปัญหาขัดแย้งกัน บางบ้านถึงขั้นต้องบ้านแตกสาแหรกขาด
“ผมได้พบกับครอบครัวที่บ้านแตกสาแหรกขาด จนทนไม่ได้ ต้องเข้าไปพูดกับเจ้าอาวาสธรรมชโยในตอนนั้น ว่าผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้ ท่านพูดกับผมว่าคุณรู้ไหม ว่าผมคือใคร
...ท่านเข้าใจตนเองผิดเสียแล้ว ถ้าคิดว่าผม คือนายไชยบูลย์ เรื่องราวก็คงจะไม่บานปลาย แต่มันไม่ใช่ ... เท่านั้นแหละผมฉุกคิด วันนั้นผมรู้ว่า ผมอยู่ไม่ได้แล้ว... หลอกใครได้ แต่หลอกผมไม่ได้!!......”
“ธรรมชโย คือวัดพระธรรมกาย วัดพระธรรมกาย คือ ธรรมชโย เพราะอำนาจบริหารจัดการสิทธิขาดในวัดพระธรรมกาย อยู่ที่ธรรมชโยแต่เพียงผู้เดียว ตั้งแต่ตั้งวัดมา 45 ปี ไม่เคยมีการแถลงเงินบริจาคที่เข้ามาว่ามีจำนวนเท่าไหร่ มีเพียงสีกาอี๊ด เป็นผู้ดูแล ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้หายตัวไปไหนแล้ว” นพ. มโน กล่าว
ขณะนี้วัดพระธรรมกาย ถูกยึดอำนาจโดยพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส ที่เติบโตมาพร้อมกับธรรมชโย สมัยเป็นนิสิตเกษตรฯ เป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดในวัด และพรรคพวกที่เป็นพระอีก 4 รูป หลังจากที่ธรรมชโยหายตัวไปเมื่อไม่นานนี้
“เหตุการณ์ตอนนี้คล้ายปี 42 ที่พระธรรมชโยถูกดำเนินคดี 52 คดีพ่วงด้วยคดีหมิ่นเบื้องสูงมาตรา 112 ….ธรรมชโย ใช้การต่อสู้แบบเดียวกันกับสมัยก่อน ที่โดนคดี คืออ้างป่วย อาพาต ตำรวจเข้าไปในวัดไม่ได้ เจอกับกำแพงมนุษย์ ตอนนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ต่อมาธรรมชโย ยอมมอบตัว แต่มีข้อแม้ต้องให้ประกันตัวทันที...และต่อมาอัยการสูงสุด ได้ถอนฟ้องทั้งหมด 52 คดีให้ ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ด้วยเหตุผลอ้างว่า….เพื่อความสามัคคีของคนในชาติ!! ต้นปี 49 ธรรมชโยประกาศคำสอน ชิตังเม ..รวยๆๆๆ...... จากนี้ไป เราจะไม่มีวันแพ้อีกแล้ว
นพ.มโนเล่าว่า ปี 30 เขาเดินทางกลับจากไปเรียนต่อต่างประเทศ พบว่าวัดพระธรรมกายอยู่ในสภาพเละเทะมาก ไม่รู้ใครใหญ่ เพราะมีศูนย์อำนาจหลายคน พระวิริยะสักโก ที่บวชมานาน ถูกพระทัตตชีโว ใช้งานหนัก จนกลายเป็นบ้า ต้องฆ่าตัวตาย พระวิริยะสักโก เป็นอดีตนิสิตวิศวะ จุฬาฯ มาบวชในยุคแรก ๆ “การตายของพระวิริยะสักโก ผมว่า พระทัตตชีโว ต้องรับผิดชอบ...”
มาในยุค รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต่อเนื่องถึงยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ธรรมชโย ก็เข้าไปพัวพัน กับการฟอกเงิน ฉ้อโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนียน สนองนโยบายนายศุภชัย ที่เป็นไวยาวัจกรวัด โดยธรรมชโยเป็นผู้แต่งตั้งเข้ามาเมื่อปี 35
วัดพระธรรมกาย มีสหกรณ์เล็ก ๆ ของตนเอง คือสหกรณ์มงคลเศรษฐี เอานายศุภชัย มาช่วยบริหาร ปล่อยเงินกู้ ร้อยละ 6 มีการโฆษณาให้ทำบุญแบบผ่อนส่งได้ บริหารจนสหกรณ์เติบโต ผ่องถ่ายเงินไปมากับสหกรณ์คลองจั่น โดยคนบริหารเป็นคนๆเดียวกัน
มีการวางแผนให้ เงินที่เข้าวัดพระธรรมกายผ่านมาทางมูลนิธิ มีอะไรเกิดขึ้นก็จะไม่กระทบ สมัยนายยุคล ลิ้มแหลมทอง อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร มีการให้รางวัลสหกรณ์เครดิตยูเนียน เป็นสหกรณ์ดีเลิศ เป็นสาเหตุใหญ่ให้เแมงเม่าบินกรูเข้ากองไฟ เพราะอยากได้เงินปันผลสูงๆกัน กลายเป็นแชร์ลูกโซ่ นำไปสู่การฟอกเงิน และหมดเนื้อหมดตัว เป็นคดีความกันจนถึงทุกวันนี้
“สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นายธาริต เพ็งเดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ตรวจสอบไม่มีมูลการทุจริต จนกระทั่ง ยุค คสช. คดีต่าง ๆ ก็ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ พบการฉ้อโกง และการฟอกเงินเป็นพันล้าน บานปลายจนกลายเป็นหมื่นล้าน นำไปสู่การออกหมายจับนายศุภชัย และพระธรรมชโยในที่สุด ”
พระธรรมชโย ถูกเชิญให้มาสอบปากคำครั้งแรก ในฐานะพยาน แต่พระธรรมชโย อ้างว่า ไม่รู้จักนายศุภชัย ต่อมาดีเอสไอ ตรวจพบมีการโอนเงิน พบเส้นทางการเงิน 6,968 เส้นทาง ในนามบุคคล นิติบุคคล และเครือข่าย นายศูภชัย จึงถูกตั้งข้อหา สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร ....”
แม้นายศุภชัย จะถูกจับติดคุกไปเป็นปีแล้วก็ตาม ทั้งเครือข่ายในวัดที่เป็นพระ และฆราวาส หลายคนได้หลบหนีไปแล้วก็ตาม พระธรรมชโย ก็ยังไม่ยอมออกมามอบตัวตามหมายจับของศาล อ้างป่วยตลอด ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 59 จนกระทั่งล่าสุด มีคดีเพิ่มขึ้น จากการรุกป่าสงวนแห่งชาติ ของเครือข่ายวัดพระธรรมกายในจังหวัดท่องเที่ยวต่าง ๆ หลายแห่ง ความผิดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ …..
สานุศิษย์ ที่ออกมาปกป้อง ต่างหลบลี้หนีหายไป ทั้งตัวโฆษกธรรมชโย นายองอาจ ธรรมนิทา ก็หายตัวไป ขณะที่ล่าสุดมีภาพไปโผล่ที่ฝรั่งเศส แต่สำหรับธรรมชโย ยังไม่ชัดเจนว่าหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ เพราะดีเอสไอ ก็ไม่กล้ายืนยัน
ก็ต้องจับตาดูว่า จากนี้ไป….คดีนี้จะลงเอยกันอย่างไร งานนี้จะเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่?
หลายฝ่ายเสนอให้อายัดทรัพย์สินของพระธรรมชโย และตรวจสอบทรัพย์สินวัดพระธรรมกาย เช่นที่ดินต่าง ๆ ที่ได้มา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานชมรมปกป้องพุทธศาสนา อดีต สมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ระบุวัดพระธรรมกาย ถือเป็นแหล่งฟอกเงิน เพราะไม่มีระบบการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดและพระที่คนบริจาคเข้ามาจนมีการทุจริตเละเทะ ในเร็วๆนี้ ตนจึงเตรียมจะเสนอร่างกฎหมาย เพื่อจัดการกับทรัพย์สินของวัดและพระ เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้อย่างเป็นระบบ
นพ.มโน เชื่อว่า ทรัพย์สินของธรรมชโย คาดว่ามีเป็นหมื่นล้าน ยังไม่มีหน่วยงานใดสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ พระผู้ใหญ่ที่ดูแลวัดพระธรรมกาย ไม่ให้ความร่วมมือไม่ยอมมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ กระทั่งหน่วยงาน ปปง. ที่มีหน้าที่โดยตรง ก็ไม่มีข้อมูลชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ …”
กรณีธรรมชโย แห่งวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่กรณีแรก ที่ใช้ศาสนา มาบังหน้า หลอกลวงต้มตุ๋น ให้คนมาทำบุญเยอะๆ ขายบุญ-ขายสวรรค์ แต่วัดพระธรรมกายภายใต้การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบของพระธรรมชโย ถือเป็นการทำงานที่ทันสมัย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง มีระบบการตลาดขายตรง ให้คนในครอบครัวชักชวนพากันมา เลือกดึงครอบครัวที่ฐานะดี เข้ามาในวัดมากๆ
“น้ำลดตอผุด” ความไม่ถูกไม่ต้องของพระธรรมชโย แห่งวัดพระธรรมกาย เริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ถือว่า อยู่มาได้อย่างยาวนานที่สุดถึง 45 ปี เกือบครึ่งศตวรรษ เพราะอิงแอบนักการเมือง ที่มีพฤติการณ์โกงกินไม่ต่างกัน เมื่อนักการเมืองหมดอำนาจ หมดบุญบารมี ความไม่ถูกไม่ต้องต่าง ๆ จึงโผล่ขึ้นมา
สิ้นธรรมชโย แต่วัดพระธรรมกาย ยังไม่สิ้น เพราะเหลือบในวงการสงฆ์ยังลอยนวลอีกมากมาย อาศัยศรัทธาของประชาชนมาหากิน ตราบใดที่ยังไม่มีการขุดรากถอนโคน ล้างคนชั่วออกจากวงการสงฆ์ ไม่มีการสังคายนาพระธรรมวินัยให้กลับคืนมา นำพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบขึ้นมาบริหารจัดการทรัพย์สินวัด และทรัพย์สินพระให้ถูกต้อง ให้มีการตรวจสอบอย่างเป็นกระบวนการ ไม่นานธรรมชโยภาค 2 ภาค 3 ก็จะเกิดขึ้นอีก เครือข่ายวัดพระธรรมกายในที่ต่าง ๆ นับร้อยแห่ง ทั้งใน และต่างประเทศ ที่กฎหมายยังเอื้อมมือไปไม่ถึง
คงไม่สามารถฝากความหวังไว้กับหน่วยงานราชการเพียงอย่างเดียวได้ ต้องอาศัยพลังของพุทธบริษัทสี่ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ต้องเข้ามาช่วยกันปัดกวาด บูรณะ สังคายนา เพื่อที่จะธำรงรักษาพุทธศาสนาไว้ให้ถูกต้อง เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ตามคำสอนของพระพุทธองค์เท่านั้น!!.......
อัมพา สันติเมทนีดล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี