เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับมอบทองคำจำนวน 12.5 กิโลกรัม จากหลวงปู่คลาด
ครุธัมโม วัดป่าบ้านใหม่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ประธานสงฆ์และผู้แทนคณะศิษยานุศิษย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)
ทองคำ 12.5 กก.นี้ ได้รับจากการจัดงานบุญประเพณี “ผ้าป่า 12 เมษาฯ สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา” ตามเจตนารมณ์ของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อสมทบเข้าเป็นทุนสำรองเงินตรา
1. ก่อนหน้านี้ คณะศิษยานุศิษย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ได้สืบสานเจตนารมณ์ของหลวงตาพระมหาบัวฯ ส่งมอบสินทรัพย์เข้าเป็นคลังหลวง ประกอบด้วย
ทองคำแท่งน้ำหนักรวมประมาณ 13,117.339 กิโลกรัม (13 ตัน)
เงินตราต่างประเทศ จำนวน 10,457,159.63 ดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ วันที่ 18 พฤษภาคม 2566)
รวมมูลค่ากว่า 1,019.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
หรือเกือบๆ 4 หมื่นล้านบาท
2. นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าหากนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รับบริจาคทองคำหลวง ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับความเมตตานานกว่า 26 ปีแล้ว โดยได้รับทองคำบริจาคตั้งแต่ปี 2541-2566 รวม 13.117 ตัน
“ผมคิดว่าเราเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีความศรัทธา ที่มีการบริจาคเงินและทองคำปริมาณมากเช่นนี้ และเป็นประเทศเดียวในโลก ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจธนาคารกลางถึงขั้นที่จะเอาสิ่งบริจาคที่มาจากจิตศรัทธาทั้งหลาย มารวมฝากไว้ที่คลังหลวง” นายเศรษฐพุฒิกล่าว
ผู้ว่าการแบงก์ชาติยืนยันว่า ทองคำที่ได้รับบริจาคมีการตรวจสอบอย่างรัดกุมมีคณะกรรมการทองคำที่คัดมาเก็บไว้ที่ห้องมั่นคงพิเศษของธนาคารแห่งประเทศไทย และมีการตรวจสอบทองคำอย่างสม่ำเสมอ มีการตรวจความเรียบร้อยของทองคำปีละ 2 ครั้ง อีกทั้งยังมีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็จะเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ปีละ 1 ครั้ง และมีการสุ่มตรวจทองคำมากกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ของทองคำทั้งหมดทุก 5 ปี รวมทั้งประกาศยอดบริจาคทองคำบนเว็บไซต์ธปท.อย่างต่อเนื่องและงบการเงินก็มีการแสดงชัดเจน มั่นใจได้ว่าทองคำที่ได้รับบริจาคมายังอยู่อย่างปลอดภัย
นอกจากทองคำถูกเก็บอย่างปลอดภัยแล้ว ยังมีกฎหมายที่ชัดเจนในการดูแลและปกป้องทองคำนี้ โดย ธปท.มีการแยกบัญชีอย่างชัดเจน
“บัญชีขอเทียบเคียงเหมือนกับน้ำ 2 ขวด ขวดแรกบัญชีแรกจะเกี่ยวกับกองทุนสำรอง ที่เราใช้ในนโยบายการเงินปกติ บัญชีที่สองดูเรื่องการสำรองเงินตรา โดยทองคำของหลวงตาจะอยู่ในบัญชีที่ 2 ใช้หนุนธนบัตรที่เราออกมาใช้และขวดที่สองนี้ เราก็ซอยเป็นบัญชีย่อยอีก 3 บัญชี โดยทองของหลวงตา จะอยู่ในบัญชีพิเศษ เทียบแล้วอยู่ใต้ขวดในที่ปลอดภัยที่สุด ยืนยันไม่มีการนำทองคำนี้ออกมาใช้ ตามกฎหมายที่ได้เซตไว้ ตราบใดที่กรอบกฎหมายเป็นเช่นนี้มีการแยกบัญชีที่ชัดเจน ยังไงก็ปลอดภัย การโยกย้ายไม่สามารถเกิดขึ้นได้” -ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยยืนยัน
3. ผลจากมาตรฐานไอเอ็มเอฟ
ผู้ว่าการแบงก์ชาติได้อธิบายชี้แจงถึงประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการปรับตัวเลข เมื่อสิ้นเดือนมี.ค.2567 ที่ผ่านมา
ระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ปรับปริมาณทองคำที่นับเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF โดยย้ำว่าเป็นการปรับตัวเลขในรายงานเท่านั้น และขอย้ำให้ทุกท่านมั่นใจว่าทองคำทั้งหมดที่ได้รับบริจาค ยังอยู่ครบถ้วนและยังเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
ถามว่าที่มาคืออะไร? IMF กำหนดให้เรานับ เฉพาะทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า 99.5 เปอร์เซ็นต์เป็นต้นไป มาเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ ทำให้ ธปท.จะไม่นับทองคำที่ได้รับโอนจากกระทรวงการคลัง เมื่อสมัยธปท.เริ่มก่อตั้งหรือเมื่อ 80 ปีที่แล้ว เพราะทองจำนวนนั้น 9.6 ตัน สมัยนั้นค่าบริสุทธิ์ไม่ได้สูงเหมือนกับสมัยนี้ ค่าความบริสุทธิ์เฉลี่ยที่ 92 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่ได้นับเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ จึงทำให้การรายงานทองสำรองระหว่างประเทศลดลง จาก 244.1 ตัน 234.5 ตัน หรือประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ของทองคำทั้งหมด ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับทองคำที่บริจาคจำนวน 13.117 ตันส่วนนี้แน่นอน
4. หากย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2546 วันนั้นหลวงตาพระมหาบัวท่านแสดงธรรมเทศนาไว้ก่อนอย่างกับมองเห็นอนาคต ท่านกล่าวว่า
“...เข้าถึงจุดชัยชนะคือจุดที่เราต้องการ อย่างน้อยทองคำให้ได้น้ำหนัก ๑๐ ตัน
และดอลลาร์ได้ ๑๐ ล้าน เป็นอย่างน้อย
นี่เป็นจุดมุ่งหมายของเรา
เพราะฉะนั้นจึงต้องเร่ง เร่งเข้าถึงจุดหมาย ซึ่งเวลานี้ทองคำเราก็ได้ตั้ง ๖ ตันกับ ๑๓๐ กิโล จะคืบไปเรื่อยๆ ดอลลาร์เราจวน ๘ ล้านแล้ว กำลังเร่ง ให้จริงจังทุกคนนะ
พี่น้องชาวไทยเรา อย่าเหลาะแหละไม่ได้นะ อย่าอ่อนแอต่อภัยที่กำลังคุกคามเราทั้งหลาย จะทำให้ล่มจมได้ก็เพราะความลืมตัว แล้วก็อ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง ต่อไปนี้ให้เข้มแข็ง เฉพาะอย่างยิ่งคือจุดของเราที่ช่วยชาติเวลานี้ให้ได้ตามนั้น อย่าให้บกพร่อง
พระพุทธเจ้าสั่งสอนสัตว์โลก ไม่มีส่วนใดที่พระพุทธเจ้ามีความบกพร่อง แล้วนำธรรมอันบกพร่องมาสั่งสอนสัตว์โลก มรรคผลบกพร่อง บุญกุศล ทุกสิ่งทุกอย่าง
ในสภาวธรรมทั้งหลายบกพร่องอย่างนี้ไม่มีในพระพุทธเจ้าของเรา มีสมบูรณ์แบบทุกประการที่นำมาสอนโลก สอนสัตว์โลก เพราะฉะนั้นเราเป็นชาวพุทธ เป็นลูกศิษย์ตถาคต อย่าให้บกพร่อง ต้องหนุนเข้าสู่ความสมบูรณ์เสมอๆ ตั้งแต่ส่วนย่อยถึงส่วนใหญ่ต้องหมุนเข้าสู่ความสมบูรณ์ตลอด เวลานี้เรากำลังจะหมุนเข้าสู่ความสมบูรณ์ในชาติไทยของเรา โดยกำหนดทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน และดอลลาร์อย่างน้อย ๑๐ ล้านดอลล์ เป็นจุดตามความต้องการของเรา ผู้มีหัวหน้าก็คือหลวงตาเป็นผู้ประกาศออกมาเอง ตามที่ได้พิจารณาเรียบร้อยแล้วว่านี่เหมาะสม ไม่น้อยเกินไปและไม่มากจนเกินกว่ากำลังของเราทั้งหลายจะแบกหามได้ อุ้มได้ กะว่าพอดี
เพราะฉะนั้นจึงขอให้พี่น้องทั้งหลายอุตส่าห์พยายามทุกคน ถ้าเข้าในจุดพอดีนี้แล้ว ทุกอย่างทั่วประเทศไทยเราจะพอดีไปตามๆ กันหมด ถ้าบกพร่องแล้วทั่วประเทศก็บกพร่องไปตามๆ กัน เพราะฉะนั้นจึงขอให้พยายามทุกคน เข้าสู่ความสมบูรณ์ที่ตั้งเอาไว้ด้วยความรักชาติความเสียสละ ความพร้อมเพรียงกันขอให้ได้ตามจุดที่หมาย หลวงตาเองพาพี่น้องทั้งหลายได้ตะเกียกตะกายมาก็ได้เบาใจทุกอย่างหายกังวล...”
ปัจจุบัน คลังหลวงจากศรัทธาในหลวงตา เป็นทองคำแท่งน้ำหนักรวมประมาณ 13,117.339 กิโลกรัม (13 ตัน) และเงินตราต่างประเทศจำนวน 10,457,159.63 ดอลลาร์ สรอ. (ข้อมูล ณ วันที่ 18 พฤษภาคม 2566) รวมมูลค่ากว่า 1,019.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
นี่คือตัวอย่างศรัทธาอันงดงามของคนไทยที่ปกบ้านป้องเมืองจากภัยอันตรายมาทุกยุคทุกสมัย และตลอดไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี