พรรคเพื่อไทยยังพยายามผลักดันการเปิดกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร
รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย พยายามโอ้อวดว่ามีนักลงทุนสนใจ ร่างกฎหมายรัดกุม ป้องกันการฟอกเงิน แก้ปัญหาการติดการพนันได้หมด ???
1. ธุรกิจนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า บริษัท MGM หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจบันเทิงและการบริการระดับโลก แสดงความสนใจลงทุน Entertainment Complex ในไทย
Ed Bowers จาก MGM กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดระดับโลก ด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมยืนยันว่า MGM ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส พร้อมมีมาตรการทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจสอบและป้องกันการฟอกเงิน รวมถึงควบคุมความเสี่ยงด้านสังคม อาทิ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการติดพนัน ในทุกประเทศที่เข้าไปลงทุน
นอกจากนี้ Wynn Resorts ผู้นำธุรกิจรีสอร์ทครบวงจรระดับโลก ได้เข้าพบรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเช่นกัน แสดงความสนใจลงทุนโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ด้วย
นาย Chris Gordon ประธานบริษัท Wynn Development เผยว่า การบริหารIntegrated Resorts มีมาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันปัญหาการฟอกเงินและการติดการพนันและพร้อมแบ่งปันมาตรการควบคุมและป้องกันความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพของ Wynn ซึ่งใช้เทคโนโลยีระดับโลกทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
นาย Chris ยังให้ความเห็นว่า ร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งกำลังเตรียมเสนอให้รัฐสภาพิจารณานั้น ดำเนินการไปในทิศทางที่ถูกต้อง มีกฎระเบียบที่เข้มงวดด้านการป้องกันการฟอกเงิน รวมถึงการเตรียมการสำหรับผลกระทบทางสังคม อาทิ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการติดการพนัน
2. ไม่แปลกใจที่ธุรกิจทุนกาสิโนใหญ่จะสนใจเข้าพบรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์
นั่นยิ่งตอกย้ำว่า แนวทางตามร่าง พ.ร.บ.ฯ นั้น เอื้ออำนวยแก่ทุนใหญ่อย่างชัดเจน
และไม่แปลกใจที่ธุรกิจกาสิโนจะต้องยืนยันว่าตนเองมีมาตรการป้องกันการฟอกเงินที่มีประสิทธิภาพ และปฏิเสธการฟอกเงิน
มันจะมีที่ไหน ธุรกิจกาสิโนจะยอมรับว่าตนเองเปิดช่องให้มีการฟอกเงิน
แต่รายงานผลการตรวจสอบ รวมถึงการดำเนินคดีกับเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมอื่นๆ ต่างหาก ที่พบว่ามีเส้นทางการเงิน หรือมีการเข้าไปฟอกเงินผ่านกลไกของธุรกิจกาสิโน (ดังที่เคยนำเสนอในบทความก่อนหน้านี้แล้ว)
3. “เขาฟอกเงินกันอย่างไรในกาสิโน?”
คุณธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ระบุว่า
...เงินจากธุรกิจสีเทาและจากองค์กรสีดำเป็นสิ่งที่หามาได้ง่ายๆ และมากมายมหาศาล แต่จะทำอย่างไรให้สามารถนำเงินเหล่านี้มาใช้ในโลกสีขาวได้ เพราะทุกระบบเศรษฐกิจล้วนต้องการคำชี้เแจงที่มาที่ไปของเงินที่ชัดเจน ดังนั้น ธุรกิจสีเทาและองค์กรสีดำจึงต้องอาศัยการฟอกเงิน เพื่อทำให้ธุรกิจสีเทากลายเป็นธุรกิจปกติ และเงินสีดำกลายเป็นเงินสีขาว
และวิธีฟอกเงินที่นิยมกันมากที่สุด คือ การนำเงินไป “ล้าง” ในกาสิโน
สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรม องค์การสหประชาชาติ ที่มีชื่อย่อว่า UNODC ได้ออกรายงานเรื่อง “กาสิโน การฟอกเงินนอกกฎหมาย และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (เผยแพร่โดยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : มกราคม 2024) อรรถาธิบายถึงกระบวนการฟอกเงินผ่านกาสิโน
...วิธีการฟอกเงินผ่านกาสิโนและธุรกิจ Junket สามารถทำได้หลายรูปแบบ ในรายงานนี้ UNODC ยกตัวอย่างไว้ทั้งหมด 7 วิธี
1. วิธีเงินสดแลกเงินสด (Cash-in Cash-out) เป็นวิธีที่ง่ายและพื้นฐานที่สุดในการฟอกเงินผ่านกาสิโน โดยการเปลี่ยนเงินสดเป็นชิปที่ใช้เล่นพนันจากนั้นก็แลกกลับมาเป็นเงินสด วิธีการนี้ เงินสกปรกได้แปรรูปเป็นเงินจากการชนะพนันได้ ขบวนการอาชญากรรมมักใช้วิธีแบ่งเงินออกไปเล่นพนันเป็นหลายๆ บัญชี เพื่อทำให้ดูไม่น่าสงสัย
2. การสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างผู้เล่นพนัน (Collusion between players) โดยผู้สมรู้ร่วมคิดเข้ามาเล่นพนันด้วยกัน เช่น เล่นไพ่โป๊กเกอร์ แล้วฝ่ายหนึ่งตั้งใจแพ้ให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง วิธีนี้สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับของระบบการฟอกเงิน ซึ่งตั้งระบบไว้ตรวจสอบเฉพาะผู้เล่นที่ชนะพนันกับกาสิโนตามวิธีที่ 1 เท่านั้น แต่ไม่ได้ตรวจจับการแพ้ชนะระหว่างผู้เล่นพนันด้วยกัน ซึ่งมักจะเล่นกันอยู่ในห้องวีไอพี
3. การย้ายเงินผ่านบัญชีของ Junket (Junket financing) ลูกค้านักพนันในประเทศหนึ่งจะวางเงินหรือทรัพย์สินอื่นไว้ในบัญชีของ Junket แล้วไปเบิกถอนเพื่อเล่นพนันในกาสิโนที่อยู่ในอีกประเทศหนึ่ง จากนั้นระบบจะหักกลบบัญชีตามการชนะหรือแพ้พนันโดยอิงจากยอดที่ฝากไว้วิธีนี้ทำให้อาชญากรและกาสิโนสามารถโยกย้ายเงินและทรัพย์สินได้อย่างรวดเร็วและไม่เป็นทางการ หลีกหนีการจับตามองของเจ้าหน้าที่รัฐได้
4. การหักกลบบัญชี (Offsetting arrangement or Mirror Transactions) วิธีการฟอกเงินแบบนี้ ทำโดยการโอนเงินผ่านกาสิโนและธุรกิจ Junket ด้วยบัญชีลูกหนี้ผู้มาใช้บริการในประเทศหนึ่ง ไปลงบัญชีเจ้าหนี้กับผู้ที่มาใช้บริการในอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งเงินที่ผ่านเข้ามาอาจเป็นเงินที่มาจากการทำธุรกิจสีเทาในประเทศหนึ่ง เช่น เงินจากการค้ายาเสพติด มาผ่านกาสิโนหรือ Junket ในอีกประเทศหนึ่งเพื่อฟอกเงินให้สะอาด
5. การใช้บัญชีผิดวัตถุประสงค์ คือการใช้บัญชีการพนันเพื่อโอนเงินอย่างผิดกฎหมายระหว่างนักพนันด้วยกัน เช่น การซื้อขายสินค้าผิดกฎหมายสามารถใช้บัญชีการพนันแทนบัญชีธนาคารในการชำระหนี้ เมื่อผู้ขายได้รับเงินก็สามารถเบิกถอนออกไป โดยแจ้งว่าเป็นเงินกำไรที่มาจากการชนะพนัน
6. การซื้อบัญชีของผู้ชนะการพนัน ผู้ที่ต้องการฟอกเงินจะทำการขอซื้อบัญชีหรือรางวัลจากผู้ชนะพนัน โดยยอมจ่ายส่วนต่างเพิ่มให้ เพื่อให้เงินผิดกฎหมายของตัวเองมีที่มาที่ไปว่ามาจากการชนะพนันในกาสิโน
7. การทำธุรกรรมจำแลง โดยการสร้างหลักฐานเท็จ แสร้งว่ามีการเปิดห้องวีไอพีในโรงแรมของกาสิโน เพื่อเบิกจ่ายเงินให้กาสิโนหรือ Junket จากนั้นโรงแรมจะออกใบรับเงินค่าห้องพักให้แก่ลูกค้าเสมือนว่าลูกค้าเข้ามาใช้บริการจริง และลูกค้าสามารถนำใบเสร็จนี้ไปที่ห้องแลกเงินของกาสิโน แลกเป็นเงินสดหรือชิปไปเล่นพนัน แม้ว่าลูกค้าจะไม่ได้มาพักที่โรงแรมจริง แต่ก็มีการคิดค่าบริการอื่นๆ เพื่อหักเงินจากบัญชีของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเบิกเป็นเงินสดออกมาได้
นี่คือการฟอกเงินผ่านกาสิโน ที่สะดวกไม่แตกต่างจากร้านสะดวกซัก 24 ชั่วโมง สังคมไทยพร้อมรับมือแล้วรึยัง?
4. พนันอย่างรับผิดชอบ : พูดอย่างแต่ทำอีกอย่าง
คุณธนากร คมกฤส ยังกระชากหน้ากากวาทกรรมของนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ที่พยายามยกคำว่า“การพนันอย่างมีความรับผิดชอบ” (Responsible Gambling) ขึ้นมาสร้างภาพให้กับกาสิโนในเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์
ว่าด้วยเรื่อง พนันอย่างรับผิดชอบ : พูดอย่างแต่ทำอีกอย่าง
“...ดูเหมือนว่าเรากำลังอยู่กับรัฐบาล “จอมย้อนแย้ง” ที่พูดอย่างหนึ่ง แต่กลับปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง
ไม่กี่วันที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี Gen-Y พูดถึงคำว่า “การพนันอย่างมีความรับผิดชอบ” (Responsible Gambling) คำคำนี้หมายความว่าอะไร?
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ที่มาของคำลักษณะนี้มักเป็นวาทกรรมของภาคธุรกิจผู้ผลิตสินค้าที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่พยายามสร้างวาทกรรม “ดื่มอย่างรับผิดชอบ”
ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา กระทรวงสาธารณสุข เล่าแจ้งแถลงไขว่า “การดื่มอย่างรับผิดชอบ”ส่วนใหญ่แล้วเป็นแคมเปญที่ส่งเสริมโดยผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมักจะสร้างความเข้าใจ
ที่ผิดว่า อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาอันตรายที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มากกว่าที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนปัญหา แต่ข้อเท็จจริงแล้วจะสังเกตได้ว่า
ในแคมเปญดังกล่าว จะไม่มีการกำหนดว่าเมื่อใดควรหยุดดื่มหรือเสนอทางเลือกในการไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย อีกทั้งยังมีการพยายามสื่อให้ดูเหมือนมีศีลธรรม โดยแฝงในข้อความ “การดื่มอย่างรับผิดชอบ” ทั้งๆ ที่ ไม่ได้สนใจด้านความเสี่ยงโดยทั่วไปจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรืออันตรายที่เป็นผลมาจากผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถควบคุมการดื่มของตนเองได้ ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเกิดปัญหาก็กล่าวโทษผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียงฝ่ายเดียว ว่าเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพหรือสังคมจากการไม่ดื่มอย่างรับผิดชอบ ดังนั้นแล้วการสื่อสารการดื่มอย่างรับผิดชอบ จึงเป็นการผลักภาระความรับผิดชอบทั้งหมดต่ออันตรายและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นมาที่ตัวผู้ดื่มแต่ฝ่ายเดียวนั่นเอง
ในส่วนของการพนันก็เช่นกัน “การพนันอย่างรับผิดชอบ” ก็คือวาทกรรมของฝ่ายธุรกิจการพนันที่พยายามผลักภาระมาสู่ผู้เล่นพนันให้รับผิดชอบต่อตนเองเช่นเดียวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สิ่งที่ย้อนแย้งอย่างยิ่งคือ ขณะที่นายกรัฐมนตรีแสดงวาทกรรมนี้ แต่ในร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลเสนอกลับทำอีกอย่าง
ขอยกตัวอย่างใน 2 ประเด็น
หนึ่ง ต้องเข้าใจว่าปุถุชนคือผู้หนาด้วยกิเลส บางผู้มีความอ่อนแอ ไม่เข้มแข็งพอจะฝืนกิเลสความอยากเอาชนะการพนันของตนเองได้ จึงตกเป็นเหยื่อของกาสิโน เมื่อเข้าไปเล่นจนหน้ามึน เสียแล้วเสียอีกๆๆ จะไม่ยอมหยุดเล่น เพราะในใจคิดว่าจะต้องพยายามไล่ล่าเอาเงินที่เสียไปคืนกลับมาให้ได้ก่อน นี่คือความคิดที่ผิด เพราะมันกลับจะเป็นการซ้ำเติมตัวเองให้เสียหนักมากขึ้น ฉะนั้น จึงควรเป็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบการที่ต้องหยุดคนเหล่านี้ให้ต้องเลิกเล่นพนัน ด้วยเหตุนี้ กาสิโนในประเทศที่เห็นและเข้าใจปัญหานี้ จะไม่อนุญาตให้มีการจำนองทรัพย์สิน หรือการให้สินเชื่อแก่นักพนัน เพราะมันเท่ากับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหล่าผีพนันมีทุนไปเล่นต่อ และมีโอกาสสูงที่จะเสียหนักมากขึ้น
แต่ในร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรของรัฐบาล กลับเปิดไฟเขียวให้มีการกู้หนี้ยืมสินหรือปล่อยกู้ในกาสิโนได้ แถมรับประกันด้วยว่า “หนี้ที่เกิดจากการพนันในกาสิโนที่ตั้งตาม
พ.ร.บ.นี้ ให้ถือว่าเป็นหนี้ที่บังคับได้ตามกฎหมาย” นี่คือการส่งเสริมการพนันอย่างรับผิดชอบ หรือส่งเสริมการพนันอย่างไร้ความรับผิดชอบกันแน่?
สอง หากนายกรัฐมนตรีเห็นว่า “การพนันอย่างรับผิดชอบ” เป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลควรนำพาเรื่องนี้อย่างจริงจังตามอย่างสิงคโปร์ที่นายกฯ อ้างถึง ด้วยการตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า National Council on Problem Gambling ที่ย่อว่า NCPG เป็นหน่วยงานที่สากลประเทศที่ตระหนักว่า การมีกาสิโนถูกกฎหมายจะนำมาสู่การสร้างปัญหาสังคมและครอบครัวให้แก่คนจำนวนหนึ่ง ฉะนั้น ต้องมีหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการดูแลเรื่องนี้ เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์การป้องกันไม่ให้เกิดการเล่นพนันจนเป็นปัญหา จนอาจจะเลยเถิดไปสู่การสร้างปัญหาครอบครัวและส่งผลกระทบต่อชุมชนและสังคมตามมา
แต่เรื่องนี้กลับไม่ถูกบัญญัติให้มีในร่างกฎหมายนี้ของรัฐบาล ทั้งที่อ้างถึงสิงคโปร์โมเดลเป็นต้นแบบ แต่กลับไม่ทำตาม เปรียบเสมือนเด็กท้ายแถวที่ไปลอกการบ้านเด็กเรียนหัวแถว แต่ลอกมาไม่หมด ลอกแต่คำตอบสุดท้ายแต่ไม่ใส่ใจวิธีทำ อยากประสบความสำเร็จเหมือนเขาแต่ไม่เรียนรู้วิธีคิดวิธีทำว่าเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
นี่คือ การพนันอย่างรับผิดชอบที่หาความรับผิดชอบไม่ได้ ทั้งคำพูดและการกระทำ”
จับตา... ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจฯ คงจะกลับมาพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ราวๆ ต้นเดือนก.ค.นี้
ขณะนี้ พรรคสีน้ำเงิน - สว.สีน้ำเงิน ที่เป็นก้างขวางคอ จึงต้องนวดให้เสียให้หมด
รัฐบาลที่ไม่สนใจความเสี่ยงของสังคม ไม่ฟังเสียงของสังคม แต่ฟังนายทุนกาสิโน คือ รัฐบาลแบบใด?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี