วันอังคาร ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันอังคาร ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
อย่าให้เศรษฐกิจย่อยยับ คามือ ‘นายกฯ ชินวัตร’

ดูทั้งหมด

  •  

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณามาตรการเร่งด่วนรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญความผันผวนรุนแรงในปัจจุบัน

ในการประชุมครั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการ ได้ส่งหนังสือเชิญผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานรัฐเข้าร่วมประชุม เพื่อหารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นและระยะยาว


โดยเฉพาะการทบทวนแผนการใช้งบประมาณให้สอดคล้องกับรายได้ของรัฐที่ลดลง และปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ เช่น การปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายใหม่ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยโดยตรง

ประเด็นที่น่าสนใจในการประชุม คือ การพิจารณาทบทวนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อยู่ภายใต้งบกลาง ปี 2568

โดยเฉพาะโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต” หรือการแจกเงิน 10,000 บาท ที่เตรียมดำเนินการในระยะที่ 3–4

หากถูกยกเลิก ก็เพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่การลงทุนในโครงการที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนแทน

ทั้งนี้ มีข้อเสนอให้นำงบประมาณวงเงิน 157,000 ล้านบาท ซึ่งเดิมจัดสรรไว้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 2568 มาปรับใช้ในโครงการใหม่ที่เน้นการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก เช่น การสนับสนุน SMEs การส่งเสริมการจ้างงาน และการลงทุนในโครงการผลิตภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกท่ามกลางวิกฤตการค้าโลก

รัฐบาลยังเน้นย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มิใช่การชะลอความช่วยเหลือประชาชน แต่เป็นการจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยใช้กลไกการลงทุนแทนการอัดฉีดเงินสด พร้อมเดินหน้าสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน

1. เมื่อเร็วๆนี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกอย่าง Moody’s เพิ่งประกาศปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยจาก “มีเสถียรภาพ” (Stable) เป็น “เชิงลบ” (Negative Outlook)

สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการคลังและการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐที่อาจต่ำกว่าเป้าหมาย

2. สภาพัฒน์รายงานตัวเลข GDP ไทย ไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 ปรากฏว่า ขยายตัว 0.7% QoQ และ 3.1% YoY

แม้ผลออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 0.5% QoQ และ 2.9% YoY แต่ก็ยังง่อนแง่นเต็มที

การลงทุนภาคเอกชนยังติดลบ (-0.9%)

ด้านภาคส่งออกโตแรง (จาก +8.9% เป็น +13.8%) จากการเร่งส่งออกก่อนมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขส่งออกบริการหรือท่องเที่ยวขยายตัวแบบชะลอตัวลง (จาก +22.9% เหลือ +7.0%)

สภาพัฒน์ปรับลดคาด GDP ปี68 จาก 2.3-3.3% (ค่ากลาง 2.8%) เป็น 1.3-2.3% (ค่ากลาง 1.8%)

มองภาคการลงทุนหดตัว (จากเดิม +3.2% เป็น -0.7%)

และภาคการส่งออกปรับลดคาดการณ์ลง แต่ยังเชื่อเป็นบวกได้ (จากเดิม +3.5% เป็น +1.8%)

มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ โดยภาคการส่งออกอาจได้รับผลกระทบทั้งโดยตรงจากมาตรการภาษีนำเข้าแบบทั่วไป (Universal tariffs) และแบบตอบโต้ (Reciprocal tariffs) รวมถึงผลกระทบทางอ้อมจากปริมาณการค้าโลกที่ลดลง ซึ่งมักจะทำให้ภาคการส่งออกไทยลดลงด้วย

หลักทรัพย์กสิกรไทย KSecurities มองว่า ตัวเลข GDP ไทย Q1/25 ที่ออกมาดี ไม่เป็นเรื่องบวก เพราะการขยายตัวมาจากการเร่งซื้อสินค้าส่งออกไทยก่อนมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ดังนั้น ในระยะข้างหน้าเมื่อมีการซื้อล่วงหน้าไปมากแล้วคำสั่งซื้อมีจะแนวโน้มลดลง อีกทั้ง เครื่องยนต์จากอุปสงค์ภายในประเทศดูอ่อนแอ จากการบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตัวลามมาที่การใช้จ่ายทั่วไป จากเดิมที่ไม่ดีแค่การซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ที่มีราคาเช่นรถและบ้าน และภาคการท่องเที่ยวที่เห็นภาพการชะลอตัวจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงจากความกังวลเรื่องความปลอดภัย

3. สภาพัฒน์ ชี้ให้เห็นว่า การลงทุนภาครัฐในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2568 (เดือนตุลาคม 2567 - มีนาคม 2568) มีการเบิกจ่ายสะสม 594,000 ล้านบาท

เทียบกับเป้าหมายการเบิกจ่ายประมาณ 1.16 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51.1 ของเป้าหมายการเบิกจ่าย

ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2568 คิดเป็นร้อยละ 43.8 ของเป้าหมาย และมีอัตราการเบิกจ่ายสะสมอยู่ที่ร้อยละ 30.7 ของงบประมาณรวม ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งรัดการลงทุนภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะการเร่งรัดเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนจากงบประมาณ 2568 เพื่อให้ การลงทุนภาครัฐเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2568

4. ปัจจัยเสี่ยงและข้อจำกัด

สภาพัฒน์ได้ชี้ให้เห็นปัจจัยเสี่ยง และข้อจำกัดของเศรษฐกิจไทย ณ เวลานี้

1) ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ภายใต้มาตรฐานสินเชื่อที่ยังคงเข้มงวดต่อเนื่อง

โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 88.4

คุณภาพสินเชื่อยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลซึ่งสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs) และสัดส่วนสินเชื่อจัดชั้นพิเศษ (Special Mention Loans : SMLs) ต่อสินเชื่อรวมในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 3.3 และร้อยละ 7.8 เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 2.9 และร้อยละ 6.9 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

ขณะเดียวกัน คุณภาพสินเชื่อของธุรกิจ SMEs มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

คาดว่าในระยะต่อไป ธุรกิจ SMEs อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการกีดกันทางการค้าโดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิต รวมทั้งผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ไม่สามารถส่งออกได้เนื่องจากนโยบายกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก ซึ่งจะส่งผลให้ฐานะทางการเงินของ SMEs ด้อยลงสอดคล้องกับแนวโน้มมาตรฐานการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินที่ยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง

2) แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก

3) การดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าโดยการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ หรือภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ที่เรียกเก็บต่อประเทศไทย รวมทั้งภาษีนำเข้าสินค้าแบบเฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะภาษีนำเข้ายานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มเติมในอัตราร้อยละ 25 ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกสินค้าของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2568

5. การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี 2568

สภาพัฒน์ เสนอแนะว่า ควรให้ความสำคัญกับ

1) การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงินรายจ่ายภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว เพื่อรักษาแรงส่งจากการใช้จ่ายภาครัฐ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 และงบประมาณกันไว้เบิกเหลื่อมปี ไม่ให้ต่ำกว่าร้อยละ 70 และร้อยละ 90 ของกรอบงบลงทุนรวม โดยมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการที่สำคัญโดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและโครงการลงทุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามแผนงาน ขณะเดียวกันควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพทางการคลัง (Fiscal consolidation) เพื่อเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้เพียงพอสำหรับการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจโดยเฉพาะภายใต้
แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง รวมทั้งเพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะต่อไป

2) การดำเนินการเพื่อรองรับการยกระดับมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศสำคัญ

ประกอบด้วย (1) การเจรจาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนกับสหรัฐฯ และหาแนวทางในการลดการเกินดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยควรพิจารณาเพิ่มการนำเข้าสินค้าที่ไทยยังต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และไทยไม่สามารถผลิตได้เพียงพอเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศ รวมทั้งการพิจารณาลดอัตราภาษีนำเข้าและอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีโดยคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน และการหาแนวทางการเพิ่มการลงทุนโดยตรงของไทยในสหรัฐฯ ให้มากขึ้น (2) การเร่งรัดการส่งเสริมการส่งออกสินค้าที่ไทยยังมีศักยภาพในการผลิตและสอดคล้องไปกับความต้องการของโลก ควบคู่ไปกับการขยายตลาดใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และจีน ควบคู่ไปกับการเร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และเตรียมศึกษาเพื่อเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ (3) การส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มโอกาสของสินค้าไทยในตลาดโลกโดยการทบทวนสิทธิประโยชน์เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนผ่านรูปแบบการร่วมลงทุน (Joint Venture) และส่งเสริมการสร้างธุรกิจเกี่ยวเนื่องในไทยเพื่อทำให้เกิดการถ่ายโอนองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทย และลดความเสี่ยงจากการใช้ไทยเป็นทางผ่านในการส่งออกสินค้า (Rerouting) และสร้างมูลค่าเพิ่มภายในประเทศ พร้อมทั้งการทบทวนสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยกำหนดเงื่อนไขการใช้วัตถุดิบและการจ้างแรงงานภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น (4) การส่งเสริมให้ภาคธุรกิจบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก และ (5) การเตรียมมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก

3) การปกป้องภาคการผลิตจากการทุ่มตลาดและการใช้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม

โดยมุ่งเน้น (1) การปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบคุณภาพสินค้านำเข้าให้มีความเข้มงวดรัดกุมมากขึ้นโดยเฉพาะตามแนวชายแดน และเร่งออกมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมสินค้านำเข้า รวมทั้งการเพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้ที่นำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน (2) การดำเนินการอย่างเคร่งครัดกับผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าสินค้าที่ผิดกฎหมาย หลบเลี่ยงภาษี หรือใช้ช่องว่างทางกฎหมายต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจ รวมทั้งการเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพในการตรวจสอบและป้องกันการลักลอบการนำเข้าสินค้าตามแนวชายแดน และ (3) การตรวจสอบและเฝ้าระวังการทุ่มตลาด รวมทั้งการใช้มาตรการและวิธีการทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากประเทศผู้ส่งออกสำคัญ และการสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบให้สามารถเข้าถึงกระบวนการยื่นคำขอและไต่สวนการใช้มาตรการภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด การอุดหนุน และมาตรการปกป้องจากการนำเข้า (AD/CVD/AC) ควบคู่ไปกับการเร่งรัดการป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย โดยการยกระดับการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าแบบเข้มข้น และเร่งปรับปรุงบัญชีสินค้าที่อยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าส่งออกจากไทยว่าเป็นไปตามกฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่ได้ทำข้อตกลงไว้กับประเทศคู่ค้า

4) การให้ความช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ที่ประสบปัญหาด้านการเข้าถึงสภาพคล่องเนื่องจากคุณภาพสินเชื่อปรับลดลงต่อเนื่อง

โดยให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ SMEs และการยกระดับศักยภาพการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ เพื่อให้ลูกหนี้โดยเฉพาะลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจ SMEs ได้รับความช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างหนี้และสามารถชำระหนี้ได้อย่างเหมาะสมตามศักยภาพ

5) การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร

โดยให้ความสำคัญกับการเตรียมมาตรการรองรับผลผลิตสินค้าเกษตรที่จะออกสู่ตลาดในช่วงฤดูเพาะปลูก 2568/2569 ควบคู่ไปกับการลงทุนด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมในทุกพื้นที่ผ่านการพัฒนาและปรับปรุงระบบชลประทาน การฟื้นฟูและอนุรักษ์แหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อเพิ่มศักยภาพการเก็บน้ำต้นทุน รวมไปถึงบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนโดยการปรับแผนระบายน้ำและเตรียมพื้นที่กักเก็บน้ำเพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบของอุทกภัย และเพื่อจัดสรรน้ำให้เกษตรกรและประชาชนใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมในช่วงฤดูแล้ง อีกทั้งการสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อยกระดับผลิตภาพทางการผลิต

6) การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อช่วยขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวอย่างจริงจังรวมถึงการเตรียมความพร้อมของปัจจัยแวดล้อมด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ สนามบิน/เที่ยวบิน กระบวนการตรวจคนเข้าเมือง โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก การบริหารจัดการพื้นที่ และสิ่งแวดล้อม

6. โครงการแจกเงินหมื่นถ้าจะเดินต่อ ขะต้องใช้เงินอีกสองเฟส รวมกว่า 1.5 แสนล้านบาท ในขณะที่แจกไปแล้วก็ยังไม่มีวี่แววพายุหมุน

จำเป็นต้องปรับแผน เพื่อนำเงินมาใช้ให้ตรงจุด

อย่างน้อยตามข้อเสนอของสภาพัฒน์ แต่ละข้อ ล้วนจะต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็น เอสเอ็มอี เกษตรกร การท่องเที่ยว ฯลฯ

การปรับแผนเลิกแจกเงินหมื่น ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด

มิฉะนั้น ประวัติศาสตร์ชาติต้องจารึกว่าประเทศชาติพังทลายย่อยยับคามือนายกฯจากตระกูลชินวัตร

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
08:32 น. ปูด 'ทักษิณ' ชม 'อนุทิน' เป็นผู้ที่มีความจริงจังจริงใจ สนิมสนมไว้วางใจพิเศษกับ 'อุ๊งอิ๊ง'
08:20 น. 'เผ่าภูมิ'โชว์สถิติรัฐบาล'อิ๊งค์' GDP โตกว่า 3% ติดต่อกัน 3 ไตรมาส ครั้งแรกในรอบ 7 ปี
08:05 น. เอาด้วย! 'เทพไท'หนุนแนวคิด'ธิดา' ให้'ทักษิณ'เข้าคุก ทุกอย่างจบสวยแน่
08:00 น. แนวหน้าวิเคราะห์ : หยุด‘ทุนเทา’...ก่อนปัญหาบานปลาย
07:48 น. ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด! กระหน่ำยิงกิ๊กแฟนเก่า 6 นัดดับคารถ
ดูทั้งหมด
พระลูกวัดฟันเปรี้ยง‘ทิดแย้ม’ทำแต่กิจของสงฆ์ ไม่ว่างนั่งปั่นบาคาร่า ลั่นยัง‘สึก’ไม่สำเร็จ
หนาวทั้งบาง! ‘ดิเรกฤทธิ์’ชี้หากราชทัณฑ์ไร้หลักฐานปมชั้น 14 คาดคนผิดรับโทษเพียบ
ประวัติศาสตร์! ไทยพลิกนรกโค่นจีน3-2คว้าตั๋วฟุตซอลโลก
ชีวิตครอบครัวพัง! อดีตเมียพลทหารขับไรเดอร์เผย เลิกกันเพราะผัวขอยืมเงินเอาไปปิดยอดส่งนาย
ยิปซีพยากรณ์ดวงรายวัน ประจำวันศุกร์ 16​ ​พฤษภาคม​ ​2568
ดูทั้งหมด
สติพระ
เงินทอน
อย่าให้เศรษฐกิจย่อยยับ คามือ ‘นายกฯ ชินวัตร’
‘แพทองโพย’ทัวร์อังกฤษผลาญเงินหลวง
บุคคลแนวหน้า : 20 พฤษภาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'เผ่าภูมิ'โชว์สถิติรัฐบาล'อิ๊งค์' GDP โตกว่า 3% ติดต่อกัน 3 ไตรมาส ครั้งแรกในรอบ 7 ปี

กรรมของเหมียว! เครือข่ายอาชญากรรม‘คอสตาริกา’ใช้‘แมว’ลอบนำยาเสพติดเข้าเรือนจำ

‘บิ๊กป้อม’เดินเซชนราวบันไดวัดโพธิ์ได้รับบาดเจ็บ ตรวจเบื้องต้นไม่รุนแรง

'สำนักเลขาพระสังฆราช'แถลงปมเพจแพร่ข้อมูลเท็จ แอบอ้าง'พระดำรัส'

ฟังเสียงเสนอแนะ! 'นายกฯ'ชี้เศรษฐกิจโลกผันผวน ต้องทบทวนแผนกระตุ้นศก.

ลูกคือของขวัญ! 'หญิงหน่อย'ใจฟู 'น้องจินนี่'ส่งคลิปเซอร์ไพรส์

  • Breaking News
  • ปูด \'ทักษิณ\' ชม \'อนุทิน\' เป็นผู้ที่มีความจริงจังจริงใจ สนิมสนมไว้วางใจพิเศษกับ \'อุ๊งอิ๊ง\' ปูด 'ทักษิณ' ชม 'อนุทิน' เป็นผู้ที่มีความจริงจังจริงใจ สนิมสนมไว้วางใจพิเศษกับ 'อุ๊งอิ๊ง'
  • \'เผ่าภูมิ\'โชว์สถิติรัฐบาล\'อิ๊งค์\' GDP โตกว่า 3% ติดต่อกัน 3 ไตรมาส ครั้งแรกในรอบ 7 ปี 'เผ่าภูมิ'โชว์สถิติรัฐบาล'อิ๊งค์' GDP โตกว่า 3% ติดต่อกัน 3 ไตรมาส ครั้งแรกในรอบ 7 ปี
  • เอาด้วย! \'เทพไท\'หนุนแนวคิด\'ธิดา\' ให้\'ทักษิณ\'เข้าคุก ทุกอย่างจบสวยแน่ เอาด้วย! 'เทพไท'หนุนแนวคิด'ธิดา' ให้'ทักษิณ'เข้าคุก ทุกอย่างจบสวยแน่
  • แนวหน้าวิเคราะห์ : หยุด‘ทุนเทา’...ก่อนปัญหาบานปลาย แนวหน้าวิเคราะห์ : หยุด‘ทุนเทา’...ก่อนปัญหาบานปลาย
  • ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด! กระหน่ำยิงกิ๊กแฟนเก่า 6 นัดดับคารถ ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด! กระหน่ำยิงกิ๊กแฟนเก่า 6 นัดดับคารถ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

อย่าให้เศรษฐกิจย่อยยับ  คามือ ‘นายกฯ ชินวัตร’

อย่าให้เศรษฐกิจย่อยยับ คามือ ‘นายกฯ ชินวัตร’

20 พ.ค. 2568

ดินพอกหางหมูค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว  กทม.จะโยนภาระ ?

ดินพอกหางหมูค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว กทม.จะโยนภาระ ?

19 พ.ค. 2568

ไม่ใช่ที่คุมขังนักโทษป่วย  ต้องกลับเข้าคุกจริง

ไม่ใช่ที่คุมขังนักโทษป่วย ต้องกลับเข้าคุกจริง

16 พ.ค. 2568

G-Token ช่องทางกู้เงินของรัฐบาล  ทางสะดวก หรือทางเลี่ยง?

G-Token ช่องทางกู้เงินของรัฐบาล ทางสะดวก หรือทางเลี่ยง?

15 พ.ค. 2568

ต้องยอมรับปัญหา แล้วลงมือแก้ไข  ใบส่งตัวล่าช้า จนมีคนตายแล้ว!

ต้องยอมรับปัญหา แล้วลงมือแก้ไข ใบส่งตัวล่าช้า จนมีคนตายแล้ว!

14 พ.ค. 2568

หวงแหนปราสาท ‘ตาเมือนธม”  รักชาติ สมเหตุสมผล

หวงแหนปราสาท ‘ตาเมือนธม” รักชาติ สมเหตุสมผล

13 พ.ค. 2568

รบจริง ไม่เหมือนในหนังฮอลลีวู้ด

รบจริง ไม่เหมือนในหนังฮอลลีวู้ด

12 พ.ค. 2568

นักการเมือง ‘ส้มสารพิษ’

นักการเมือง ‘ส้มสารพิษ’

9 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved