วันพุธ ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันจันทร์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ดินพอกหางหมูค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว กทม.จะโยนภาระ ?

ดูทั้งหมด

  •  

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยแนวความคิดที่จะเจรจากับรัฐบาล ในการยกโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้รัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคมรับผิดชอบไป เพื่อไม่ให้เกิดความลั่กลั่นกันว่า ราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าของ กทม.มีอัตราแบบหนึ่ง และราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าของรัฐบาลมีอีกราคาหนึ่ง

“ในภาพรวมที่อยากจะคืน เพราะเราเชื่อว่าการมี Single Owner มันทำให้บริหารจัดการง่ายขึ้น โดยเฉพาะการคิดราคาค่าโดยสารต่างๆ หากมีการคืนไปส่วนต่อขยายต่างๆ คนที่มารับต่อก็ต้องดำเนินการต่อ ส่วนแผนการส่วนต่อขยายในอนาคตช่วงบางหว้า - ตลิ่งชัน ก็ยังน่าสนใจ เพราะเป็นรถไฟฟ้าสายสีที่จะลงไปในถนนราชพฤกษ์ ซึ่งมีผู้อาศัยอยู่เยอะ


อย่างไรก็ดี สิ่งที่พูดเป็นเพียงแนวคิด ยังต้องหารือกับรัฐบาล เพราะกทม.เองก็ต้องคิดคำนวณถึงภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ลงไป ทั้งค่างานระบบ E&M ส่วนสัมปทานหลักช่วงหมอชิต-อ่อนนุชและช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ก็มีแนวคิดคืนเช่นกัน และถ้าหากมีการคืนสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว กทม.ก็จะได้นำงบที่ไปลงกับเรื่องนี้มาทำอย่างอื่นที่ตรงกับภารกิจกทม.มากกว่า เช่น การทำรถเมล์ ที่กทม.ลงรายละเอียดในพื้นที่ได้ดีกว่า” – นายชัชชาติกล่าว

1. อย่าแค่ “โยนภาระ” ออกจากตัว

นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯกทม. ให้ข้อมูลและความเห็นที่น่าสนใจ “ว่าด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว กับการหาเสียง !!!” ระบุว่า

“เห็นข่าวผู้บริหารกรุงเทพมหานครชุดนี้ มีความคิดจะคืนรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้รัฐบาลโดยอ้างเหตุผลว่ารับการขาดทุนสะสมไม่ไหวก็เพลียใจครับ

เหมือนมีของดีอยู่ในมือแล้วเอาไปยกให้คนอื่นซะอย่างนั้น

ทั้งๆ ที่มีหลายวิธีให้บริหารแก้ไขภาวะการขาดทุนสะสม ไม่ว่าจะเป็นการเจรจากับเจ้าเดิม หรือเปิดประมูลใหม่ให้รวบทุกเส้นทางเข้าด้วยกันโดยให้เอกชนแข่งกันอย่างเป็นธรรม และถือโอกาสคุยเรื่องลดราคาตั๋วไปให้ราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสมไปในทีเดียวกลับไม่ทำ

เรื่องลดราคาตั๋วรถไฟฟ้าก็ยังเป็นมหากาพย์ ตอนหาเสียงบอกจะลดเหลือ20-25 บาท คนฟังเข้าใจว่าจะลดตลอดสาย ถึงเวลากลับบอกว่าราคานี้จะได้แค่คนที่โดยสารเป็นช่วงไม่กี่สถานี (น่าจะ 6-8 สถานี) ล่าสุด กทม. ก็น่าจะหวัง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมของรัฐบาลให้ราคาลดลงตอนนั้น เท่ากับว่า 3 ปีกว่าๆ เรื่องราคาตั๋วแทบจะไม่ขยับไปไหน

ผลประโยชน์อย่างอื่นนอกจากค่าตั๋วโดยสารแล้วสายสีเขียวยังมีช่องทางหาเงินซ่อนอยู่ในตัวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าโฆษณา ค่าเช่าพื้นที่ ค่าขอใช้พื้นที่ทำกิจกรรม หรือว่าจะเป็นค่าขออนุญาตเชื่อมทางเดินเข้าพื้นที่เอกชน ในส่วนนี้ทำดีๆ ปีหนึ่งได้เงินเยอะครับ

รถไฟฟ้าสายสีเขียวถือเป็นรถไฟฟ้าเส้นหลักที่น่าจะทำเงินให้กับผู้ถือสัมปทานได้ดีที่สุดกว่าทุกสายอยู่แล้ว โดยมีผู้โดยสารเฉลี่ยในวันธรรมดาเคยแตะ 1,000,000 เที่ยวคนต่อวัน ผู้โดยสารใช้บริการเยอะเพราะเป็นเส้นทางผ่าหลักใจกลางเมือง

ถ้าการที่จะแก้ปัญหาโดยดูแค่ว่าอะไรขาดทุน แล้วจะไม่ทำต่อ แต่ยกให้คนอื่น… มันไม่ใช่การบริหารหรือการแก้ปัญหาครับ มันคือการ “โยนภาระ” ออกจากตัว

ยิ่งแนวคิดที่ว่าอยากจะเอารถเมล์ ขสมก. มาบริหารแทน ฟังแล้วยิ่งจิตตกเข้าไปอีก

เพราะหนี้สะสมของ ขสมก. น่าจะอยู่ประมาณ 150,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ไม่นับขาดทุนสะสมต่อปีประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท แทบจะไม่ต่างจากรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่โอกาสได้เงินคืนน้อยกว่าเยอะมากๆ

ถ้าอยากทำขนส่งสายรองเพื่อช่วยป้อนผู้โดยสาร กทม. ทำได้เองอยู่แล้วครับ โดยเลือกเป็นจุดที่คนอยู่อาศัยหนาแน่น ไม่ต้องไปรับภาระการบริหารรถเมล์ทั้งกรุงเทพฯ เอามาอยู่กับตัว เดี๋ยวถึงเวลาทนขาดทุนสะสมไม่ไหวก็จะโยนกลับไปให้รัฐบาลอีก

อยากให้ ขสมก. เพิ่มเส้นทางไหนก็ประสานกัน ถ้าเค้าทำไม่ไหว กทม.ก็เดินเองสนับสนุนกันไป ก็อยากตั้งคำถามว่าสามปีที่ผ่านมาได้เริ่มทำขนส่งสายรองเพิ่มขึ้นมาสักเส้นทางหนึ่งหรือยังครับ??? อันนี้น่าจะเป็นหัวใจในการจูงใจให้คนใช้ขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น

หรือถ้าอยากจะได้หน่วยงานไหนมาอยู่ภายใต้ กทม. จริงๆ แนะนำตำรวจจราจรเลยครับ ผมว่าการบริหารการจราจรจะได้น้ำได้เนื้อกว่าที่เป็นอยู่

สุดท้าย ผมว่าคนกรุงเทพฯ เข้าใจนะครับว่าปัญหามันมีเยอะหลายเรื่องจริงๆ แค่ขอให้เห็นความพยายามอย่างที่สุดในการบริหารแก้ปัญหา และพูดความจริงกับประชาชน อะไรที่ทำได้ก็บอกได้ ทำไม่ได้ก็บอกไม่ได้ ตรงไปตรงมาดีที่สุดครับ” - - อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. สกลธี ภัททิยกุล กล่าว

2. ดินพอกหางหมู

สมัยรัฐบาลลุงตู่ และผู้ว่าฯ พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ดำเนินตามแนวทางมาตรา 44 ที่จะเจรจาต่อสัญญาสายสีเขียวแลกลบล้างภาระหนี้ทั้งหมด และ กทม.จะได้รับส่วนแบ่งรายได้ในอนาคตด้วย แต่นายชัชชาติก็นำเรื่องสายสีเขียวไปหาเสียงช่วงเลือกตั้ง คุยโวว่าจะบริหารจัดการได้ วาดฝันจะรอจนหมดสัญญา จนกระทั่งต้องจ่ายหนี้ตามสัญญา แล้วก็ยังค้างคาหนี้บางส่วนมาจนถึงปัจจุบัน

ขณะนี้ หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ดอกเบี้ยพอกพูนขึ้นทุกวัน

ตราบใดที่ กทม.ยังไม่ดำเนินการจ่ายหนี้ค่าเดินเงินอีก 3 ก้อน

ดอกเบี้ยเดินวันละ 5.4 ล้านบาท

ขณะนี้ ยอดหนี้รวมเกือบ 4 หมื่นล้านบาท

ทั้งๆ ที่ คณะกรรมการที่สภา กทม.ตั้งขึ้นมาศึกษา ได้รายงานต่อที่ประชุมสภา กทม.

ยืนยันว่า ถ้าไม่เร่งจ่าย จะสร้างความเสียหายมหาศาล

แต่จนวันนี้ ยังไม่จ่าย ดินพอกหางหมูต่อไปเรื่อยๆ แต่มาพูดเรื่องจะขอโอนสายสีเขียวไปให้รัฐบาลดูแล!!!

ที่ผ่านมา กทม.จ่ายค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปเฉพาะหนี้ช่วงช่วงเดือน พ.ค. 2562- พ.ค.2564 เท่านั้น

โดยยอดหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ที่ให้กทม. และ KT ร่วมกันชำระให้กับ BTSC จำนวน 11,755 ล้านบาท

แต่ครั้งนั้น กว่า กทม.จะจ่ายหนี้ ก็ใช้เวลาไปกับการดำเนินการที่อ้างว่าเพื่อให้เกิดความมั่นใจ กระทั่งต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก รวมจ่ายไป 14,476 ล้านบาท

เท่ากับว่า เฉพาะส่วนที่เป็นดอกเบี้ยก้อนนี้เพิ่มขึ้นหลังศาลพิพากษา มากกว่า 2,721 ล้านบาท

ย้ำ นั่นคือหนี้ค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ช่วงเดือน พ.ค. 2562- พ.ค.2564 เท่านั้น

แต่การเดินรถช่วงหลังจากนั้น ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน บีทีเอสเดินรถให้ตามสัญญาอย่างต่อเนื่อง ประชาชนได้ใช้บริการเรียบร้อย แต่ กทม.กลับยังไม่จ่ายค่าเดินรถให้แก่บีทีเอสเลย

แถมประชาชนเริ่มจ่ายค่าโดยสารส่วนต่อขยายสายสีเขียวแล้ว แต่ กทม.ยังไม่เอาเงินค่าโดยสารที่ได้มาจากประชาชนนั้น มาจ่ายค่าเดินรถให้แก่บีทีเอส หนี้ก็พอกพูนเป็นดินพอกหางหมูมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบัน

ในการประชุมสภากทม. เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ประธานคณะกรรมการวิสามัญศึกษาระบบขนส่งมวลชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว นายนภาพล จีระกุล ได้รายงานในที่ประชุม ระบุว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลทุกด้าน มีการพิจารณาสัญญา ระเบียบ กฎหมาย คำฟ้อง คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุด และแนวคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปเป็นข้อเสนอแนะต่อ สภากรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร

“..หนี้ค้างชำระกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ รถไฟฟ้าบีทีเอส มีทั้งหมด 3 ส่วน ซึ่งกทม.ควรเร่งดำเนินการจ่ายทั้งหมด

โดยแบ่งเป็นส่วนที่ 1 หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงปี 2564 – 2565 ที่รถไฟฟ้าบีทีเอส ฟ้องศาลปกครองกลางแล้ว จำนวนกว่าหมื่นล้านบาท, ส่วนที่ 2 หนี้ที่ยังได้ฟ้องต่อศาลปกครองในปี 2565 – 2567 และส่วนที่ 3 หนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นมา

...คณะกรรมการวิสามัญฯ เห็นว่า ผู้บริหารกทม. ควรเร่งชำระหนี้ส่วนที่ 1 และหนี้ส่วนที่ 2 เพราะหนี้ส่วนดังกล่าวรวมกันเป็นเงินประมาณสองหมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งขณะนี้กทม. และ KT ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ย ตกประมาณวันละ 5.4 ล้านบาท ซึ่งหากจะต่อสู้ทางคดีปกครองต่อไป ย่อมไม่เป็นผลดีต่อทางราชการ”

นายนภาพล กล่าวด้วยว่า สำหรับหนี้ส่วนที่ 3 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นมา ที่ต้องชำระในวันที่ 20 ของเดือนถัดไปนั้น กทม.ควรนำเงินค่าโดยสารที่เก็บมาแล้ว ทยอยจ่ายสมทบเป็นค่าจ้างส่วนที่ขาด ส่วนจะจ่ายได้กี่เดือนก็จ่ายไปตามนั้น ที่ยังขาดกทม. ก็ควรตั้งเสนอสภากทม. เพื่อตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมทั้งผู้บริหารกทม. ควรเจรจากับรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อหาข้อยุติและต่อรองเรื่องเงินต้นและดอกเบี้ย ในลำดับต่อไป

จนบัดนี้ กทม.ก็ยังไม่จ่าย

ดอกเบี้ยก็พอกพูนขึ้นทุกวัน 5.4 ล้านบาทต่อวัน

ใครรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เพิ่มขึ้นทุกวัน?

ผู้ว่าฯชัชชาติ ยังอยู่ดีมีสุข หรือไม่?

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
21:49 น. ย้อนดูครั้งหนึ่งในอดีต 'ไทยเคยช่วยผู้ลี้ภัยกัมพูชา'
21:25 น. กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินไป ในงานแสดงดนตรีไทย โดยครูอาวุโสแห่งรัตนโกสินทร์
21:25 น. 'ต้อม ยุทธเลิศ'เคลื่อนไหวอีกครั้ง! โพสต์เดินหน้าฟ้องศาล ท้าเดือดเจอกัน3พ.ย.นี้
21:16 น. 'มาริษ' เผย สวีเดน ห่วงสถานการณ์ชายแดน หลังเขมรใช้โล่มนุษย์ยั่วยุ จ่อยกหารือเวที UN พรุ่งนี้
21:09 น. ‘วุฒิสภา’ มีมติตั้ง กมธ.วิสามัญฯ ยกเลิก MOU 43-44 มีชื่อ ‘หมอตุลย์-คำนูณ-เทพมนตรี-อ.วีระ’ร่วมด้วย
ดูทั้งหมด
นักวิชาการสหรัฐฯซัด'ฮุนเซน'กำลังเบี่ยงเบนเพื่อซื้อเวลา เผด็จการทั่วโลกมักอาศัยจังหวะนี้
'สื่อเขมร'หัวหด! ขอโทษลงข่าวเฟคนิวส์ หลังรัฐบาลเรียกคุย หวั่นชีวิตไม่ปลอดภัย
ยิ่งอายุมาก ยิ่งถ่ายยาก? แก้ง่ายนิดเดียว ทำตามนี้???
พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี มีพระบรมราชโองการ ถอดยศ ออกญา เฉง สรีรัตน์ 'วันมรณา'
‘เสรีเกษตรศาสตร์’ ติดใบปลิวแซะ ‘แม่ทัพภาค 2’ ก่อนเป็นวิทยากร‘เรื่องจริงจากชายแดน’
ดูทั้งหมด
ประชาชน อำนาจอธิปไตย รัฐธรรมนูญไทยมาตรา 3
สุดอัศจรรย์
รอเก้อ... รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
บุคคลแนวหน้า : 27 สิงหาคม 2568
‘บ้านหนองจาน’ สมรภูมิรบใหม่ ไทย-กัมพูชา
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'ต้อม ยุทธเลิศ'เคลื่อนไหวอีกครั้ง! โพสต์เดินหน้าฟ้องศาล ท้าเดือดเจอกัน3พ.ย.นี้

โรงพยาบาลชื่อดัง ย่านรังสิต ออกใบรับรองแพทย์เถื่อน

หุ่นที่สาวๆใฝ่ฝัน! 'วีเจจ๋า'โชว์ลุคสปอร์ตเกิร์ล อวดกล้ามท้องซิกซ์แพ็กแน่น

'บิ๊กเต่า'เข้าทำเนียบฯ รายงานคดีวัดพระบาทน้ำพุ เตือน'นอมินีถือครองที่ดิน-ทรัพย์สิน'รายงานตัวด่วน

’ชนาธิป‘นำทัพ! ช้างศึกแบโผ 23 แข้งล่าแชมป์คิงส์คัพ

'พลโทมาลี'ปากแจ๋ว! ออกมาชื่นชมชาวกัมพูชา ต่อสู้รื้อลวดหนามบ้านหนองจาน

  • Breaking News
  • ย้อนดูครั้งหนึ่งในอดีต \'ไทยเคยช่วยผู้ลี้ภัยกัมพูชา\' ย้อนดูครั้งหนึ่งในอดีต 'ไทยเคยช่วยผู้ลี้ภัยกัมพูชา'
  • กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินไป ในงานแสดงดนตรีไทย โดยครูอาวุโสแห่งรัตนโกสินทร์ กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินไป ในงานแสดงดนตรีไทย โดยครูอาวุโสแห่งรัตนโกสินทร์
  • \'ต้อม ยุทธเลิศ\'เคลื่อนไหวอีกครั้ง! โพสต์เดินหน้าฟ้องศาล ท้าเดือดเจอกัน3พ.ย.นี้ 'ต้อม ยุทธเลิศ'เคลื่อนไหวอีกครั้ง! โพสต์เดินหน้าฟ้องศาล ท้าเดือดเจอกัน3พ.ย.นี้
  • \'มาริษ\' เผย สวีเดน ห่วงสถานการณ์ชายแดน หลังเขมรใช้โล่มนุษย์ยั่วยุ จ่อยกหารือเวที UN พรุ่งนี้ 'มาริษ' เผย สวีเดน ห่วงสถานการณ์ชายแดน หลังเขมรใช้โล่มนุษย์ยั่วยุ จ่อยกหารือเวที UN พรุ่งนี้
  • ‘วุฒิสภา’ มีมติตั้ง กมธ.วิสามัญฯ ยกเลิก MOU 43-44 มีชื่อ ‘หมอตุลย์-คำนูณ-เทพมนตรี-อ.วีระ’ร่วมด้วย ‘วุฒิสภา’ มีมติตั้ง กมธ.วิสามัญฯ ยกเลิก MOU 43-44 มีชื่อ ‘หมอตุลย์-คำนูณ-เทพมนตรี-อ.วีระ’ร่วมด้วย
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

รอเก้อ...  รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

รอเก้อ... รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

27 ส.ค. 2568

ถ้านายกฯ รอด  ประเทศไม่รอด จริงหรือ?

ถ้านายกฯ รอด ประเทศไม่รอด จริงหรือ?

26 ส.ค. 2568

หวยเกษียณ (สลาก กอช.) มาแน่  ไม่ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ หรือไป

หวยเกษียณ (สลาก กอช.) มาแน่ ไม่ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ หรือไป

25 ส.ค. 2568

นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ รุ่งริ่ง ร่อแร่ อาการหนัก

นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ รุ่งริ่ง ร่อแร่ อาการหนัก

22 ส.ค. 2568

นายกฯ สอบตก (จบ)

นายกฯ สอบตก (จบ)

21 ส.ค. 2568

นายกฯ สอบตก ควรพ้นตำแหน่ง  เก้าอี้นายกฯไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของตระกูล

นายกฯ สอบตก ควรพ้นตำแหน่ง เก้าอี้นายกฯไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของตระกูล

20 ส.ค. 2568

แค้นการเมือง  ทำให้เขากระโดง กลายเป็นเขาวงกต

แค้นการเมือง ทำให้เขากระโดง กลายเป็นเขาวงกต

19 ส.ค. 2568

ไม่กล้าตัดสินใจ ก็อย่าอยู่เป็นรัฐบาล

ไม่กล้าตัดสินใจ ก็อย่าอยู่เป็นรัฐบาล

18 ส.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved