วันอังคาร ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เมื่อวานวันที่ 15 ธันวาคม เป็นวันที่มีข่าวดีที่ทหารหาญผู้กล้าของไทยสามารถยึดปราสาทตาควาย ในพื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ กลับคืนมาได้ หลังจากต้องเสียให้ฝ่ายกัมพูชาไปเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพราะนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตนายกรัฐมนตรีรักษาการรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไปยอมลงนามหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขกับ“ฮุน มาเนต”นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยที่การปฏิบัติภารกิจของฝ่ายเรายังไม่เสร็จสิ้น
กว่าจะได้กลับคืนมา ทหารไทยต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บขาขาดไปหลายนาย ซึ่งก็ต้องสดุดีทหารกล้าผู้เสียสละเหล่านั้น ที่ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติไทยเรา และหนึ่งในนั้นก็คือ “ผู้หมู่-เอสโซ่” ส.อ.สัญญา โพธิ์ชัย ทหารหมวกแดง หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษลพบุรี ซึ่งเป็นแนวหน้าจากการได้รับมอบหมายภารกิจให้เข้าตีพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย และได้รับบาดเจ็บจากการโดนสะเก็ดระเบิด ขณะนี้ได้รับการผ่าตัดเรียบร้อยและอาการปลอดภัย
เมื่อวานนี้เสียงเพลงชาติไทยจึงดังกระหึ่มก้องบนเขาพนมดงรัก ระหว่างการเชิญธงชาติไทยหรือธงไตรรงค์ อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย ที่แสดงถึงเอกลักษณ์และศักดิ์ศรีในความเป็นไทย และมีความหมายถึงความเป็นเอกราช สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ขึ้นสู่ยอดเสา โบกสะบัดเหนือปราสาทตาควายอีกครั้ง หลังจากทหารกัมพูชายึดโบราณสถานแห่งนี้ใช้เป็นฐานที่มั่นโดยที่ข้างในตัวปราสาทมีอาวุธพร้อม กระสุนพร้อมทุ่นระเบิดพร้อม และใช้อาวุธเหล่านี้ยิงออกมาจากตัวปราสาทต่อสู้กับทหารไทย
และถ้ายังจำกันได้ ในคืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ก่อนถึงเส้นตายการหยุดยิงในเวลาเที่ยงคืน “หมวดบุ๊ค”ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาวร สังกัดกองพันรบพิเศษที่ 2 กรมรบพิเศษที่ 2 ต้องเสียขาข้างขวา จากการเหยียบทุ่นระเบิดของทหารกัมพูชา ขณะนำชุดปฏิบัติการรบพิเศษเข้าเคลียร์พื้นที่เพื่อกรุยทางให้ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์(ร.31 รอ.) นำกำลังบุกเข้ายึดพื้นที่บริเวณโดยรอบปราสาทตาควายจนสำเร็จ
ห้านาทีสุดท้ายก่อนถึงเส้นตายเวลาเที่ยงคืนในคืนวันนั้น ทหารกล้าทุกคนได้ลุกออกจากบังเกอร์มาอยู่ในพื้นที่โล่งยืนประจันหน้ากับทหารกัมพูชาผู้รุกราน เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยแบบถวายชีวิต พร้อมเสียงตะโกนลั่นเทือกเขาพนมดงรัก“กู ร. 31 ขอแลก” ที่มาจากคำขวัญประจำหน่วย “ยอมตาย ดีกว่าเป็นทาส” คือคำสัตย์จากเหล่าทหารกล้าแห่งกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร พระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9
ยุทธการรบเพื่อชิงปราสาทตาควายกลับคืนมาในคืนวันนั้น ทำให้ฝ่ายเราต้องสูญเสียชีวิตกำลังพลและบาดเจ็บหลายสิบนาย จากการยืนประจันหน้ากับทหารกัมพูชา สังกัดกองกำลังพิทักษ์ฮุนเซน (BHQ) ซึ่งแม้จะยึดพื้นที่โดยรอบได้แต่ก็ไม่สามารถยึดตัวปราสาทได้ เพราะฝ่ายกัมพูชาฝังทุ่นระเบิดไว้รอบบริเวณ และใช้ตัวปราสาทเป็นบังเกอร์ในเวลาต่อมา
โดยก่อนหน้าที่ฝ่ายเราจะยึดปราสาทตาควายกลับคืนมาได้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม เราก็เพิ่งจะสูญเสียทหารกล้าไป1 นาย คือ พลทหารวายุ ขวัญเสือ สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ถูกสะเก็ดระเบิดอาวุธวิถีโค้ง แขนขวาขาดในพื้นที่ ก่อนจะเสียชีวิตในภายหลัง
บรรทัดนี้ต้องขอสดุดีและขอคารวะหัวใจอันแกล้วกล้าของ“นักรบไทย”ทุกนายในทุกแนวรบทุกจังหวัดที่ยอมสละชีวิตด้วยเลือดเนื้อและหัวใจ เพื่อพิทักษ์ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติไทยเรา อย่างน้อยก็ได้สละชีวิตไปแล้ว 16 นาย และบาดเจ็บ 327 นาย
เราคนไทยทุกคนควรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และส่งกำลังใจให้ทหารในแนวหน้าได้ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ตามเจตนารมณ์ของกองทัพ คือ “ทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา”
อย่าถามว่าสงครามจะจบลงเมื่อไร เพราะภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น ในแต่ละวันแม้จะมีความสูญเสีย แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือ ดินแดนไทยทุกตารางนิ้วที่กัมพูชารุกล้ำและยึดครอง ซึ่ง“การยุทธ์”ทุกจังหวะก้าวของฝ่ายเรา ที่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ทั้งกองทัพบก ทัพเรือทัพอากาศ ตำรวจ และกองกำลังทหารพรานนักรบชุดดำมาได้ถูกที่ถูกเวลา รวมทั้งการสะกัดกั้นเพื่อตัดเส้นเลือดการส่งบำรุงกำลังเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง อาวุธยุทโธปกรณ์และยุทธปัจจัยต่างๆ ทั้งทางทะเลและทางบก ที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้กองทัพกัมพูชาอ่อนกำลังถึงขั้นง่อยเปลี้ยเสียแขน ก็ดำเนินไปอย่างมีนัยสำคัญ
จากการแถลงของกองทัพภาคที่ 2 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมเมื่อวานนี้ พบว่า ทหารกัมพูชาวิกฤตหนัก เสียขวัญแนวหน้าขาดเสบียงและอาวุธ ซึ่งสถานการณ์โดยสรุป จากการปฏิบัติต่อข้าศึกคือกัมพูชาตั้งแต่ วันที่ 8 ธันวาคม-14 ธันวาคม 2568 ฝ่ายเราได้ทำลายฐานปฏิบัติการทางทหารคลังน้ำมัน/กระสุน และอื่นๆ เช่น กองบัญชาการควบคุม 11 ที่,ฐานทหาร 14 ที่, อาคารที่พัก 5 ที่, หลุมเครื่องยิงลูกระเบิด6 หลุม, ฐานที่ตั้งปืนใหญ่ 2 ที่, คลังกระสุน 3 ที่, คลังน้ำมัน 1 ที่, ฐานที่ตั้งสแกมเมอร์/ฐานจุดปล่อยโดรนโจมตีทางทหาร 2 ที่ และบังเกอร์ 10 ที่ รวม 54 ที่นอกจากนี้ยังทำลายรถถังได้ 12 คัน, โดรน 171 ลำ, “BM-21” 1 คัน, เสาแอนตี้โดรน 4 ต้น, ปตอ. 4 กระบอก,ระบบควบคุมแอนตี้โดรน 1 ชุด, รถบรรทุก 7 คัน, เสาสัญญาณ 1 ต้น, ปืนใหญ่ 1 กระบอก, ปืนครก 6 กระบอก และทหารกัมพูชาเสียชีวิต 205 ราย
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สำหรับฝ่ายเรา นอกจากเราคนไทยทุกคนจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ก็ควรระมัดระวังการเข้ามาแทรกแซงและยุ่มย่ามของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งเวลานี้อาจจะพูดได้ว่า คนที่เปิดประตูให้ ก็คือนักการเมืองจากพรรคประชาชน ที่มีการเรียกร้องให้หยุดยิง อันสอดคล้องกับเป้าหมายของสหรัฐอเมริกา
โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อไม่กี่วันก่อน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยหยุดสงคราม ด้วยการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์มั่วไปหมด ว่าเป็น“สงครามชนชั้นนำ” ทั้งไม่เอาสงครามหยุดยิง หยุดทรราช และเรียกร้องสันติภาพ
ว่าไปแล้ว ก็เป็นสัญญาณเดียวกับการยุยงปลุกปั่นให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ออกมาต่อต้านและเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ใครก็รู้ว่า พรรคก้าวไกล และ สส.พรรคก้าวไกลในขณะนั้นยืนอยู่ข้างหลัง
สำคัญที่สุดก็คือ ตอนที่ทหารยังไม่รบ คนไทยจำนวนหนึ่งที่ทั้งประสงค์ดีและประสงค์ร้ายคละเคล้ากันไป ต่างก็เรียกได้ร้องเหมือนเชียร์มวยข้างสังเวียนให้รัฐบาลและกองทัพไทยเปิดสงครามเพื่อเผด็จศึกกัมพูชา แต่พอสงครามดำเนินไปและเริ่มจะเห็นชัยชนะ พ่อทูนหัวแม่ทูนหัวทั้งหลายที่ว่า ก็เรียกร้องให้หยุดสงครามเอาดื้อๆ
ถ้าภาษากำลังภายในก็ต้องบอกว่า“บิดามารดาท่านเถอะ” แปลเป็นภาษาชาวบ้านได้ความว่า “พ่องแม่งมึงเถอะ” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

ไชยชนก ไม่กังวลถูกแจ้งความใกล้เลือกตั้ง ย้ำอยู่เคียงข้างแม่ แต่ไม่เข้าข้างหากทำผิด
บิ๊กเล็ก แย้มสถานการณ์ชายแดน ขอเวลาอีกไม่นาน ยันอาวุธสัญชาติจีน กองทัพใช้หรือทำลายได้หมด
ไม่ใช่10กม.! อดีตนายทหารชี้ ขีปนาวุธที่ยึดได้แค่รุ่นมาตรฐาน สะกิดสังคม'อย่าประเมินภัยผิด'
ยิปซีพยากรณ์'ดวงรายวัน'ประจำวันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2568
ด่วน! ทรัมป์ ประกาศให้ เฟนทานิล มีความรุนแรงเทียบเท่าอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี