วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ไทยป้องกันตนเอง

ดูทั้งหมด

  •  

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 กำลังทหารกัมพูชาได้เปิดฉากใช้อาวุธยิงใส่กำลังพลฝ่ายไทยในพื้นที่ภูผาเหล็ก - พลาญหินแปดก้อน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย

จากนั้น สถานการณ์การปะทะก็ขยายวงตามแนวชายแดน


ในวันที่ 8 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา ยังมีการปะทะในหลายพื้นที่ โดยฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธทุกประเภท ทั้งปืนกล ปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้อง โดรนทิ้งระเบิด และทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โจมตีเข้ามายังฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง

กำลังพลฝ่ายไทยเสียชีวิตแล้ว 3 นาย บาดเจ็บอีกมากกว่า 30 คน

ส่วนความสูญเสียของฝ่ายกัมพูชาไม่มีการเปิดเผย คาดว่ามากกว่าที่ไทยสูญเสียหลายเท่าตัว

สถานการณ์ข้างต้น ทำให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดน ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด ต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย

ปัจจุบัน มีศูนย์พักพิงในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 687 แห่ง รองรับประชาชน 110,657 คน และในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 จำนวน 44 แห่ง รองรับประชาชน 20,220 คน

กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการบรรยายสรุปข้อมูลความจริง เผยแพร่แก่เอกอัครราชทูตจาก 73 ประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ

ตอกย้ำว่า “เหตุการณ์ครั้งนี้ สะท้อนการรุกรานและการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชาในรูปแบบเดิม ทั้งการเปิดฉากใช้อาวุธ การลอบวางทุ่นระเบิด และการปฏิเสธความรับผิดชอบ แม้จะพยายามสร้างภาพเรียกร้องสันติภาพและยับยั้งชั่งใจ

ไทยมุ่งปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน จึงจำเป็นต้องดำเนินการทางทหารเท่าที่จำเป็น จนมั่นใจว่าอธิปไตยและดินแดนไทยจะไม่ถูกคุกคาม

ประชาชนชาวไทยได้เผชิญภัยคุกคามจากการกระทำของกัมพูชามาแล้วหลายครั้ง จนความอดทนอดกลั้นถึงขีดจำกัด รัฐบาลไทยจึงให้ความสำคัญสูงสุดต่อการปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน”

1. กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากใช้อาวุธหนักก่อน ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและต่อมามีผู้เสียชีวิต

ไทยจึงจำเป็นต้องปฏิบัติการป้องกันตนเองตามสิทธิที่พึงมีของรัฐอธิปไตย และเป็นไปตามหลักสากลทุกประการ

เหตุการณ์เริ่มจากการปะทะบริเวณภูผาเหล็ก และพลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์จ.ศรีสะเกษ โดยฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๘ เวลา 14.15 น.หน่วย พัน.ร.๑๓ (ฉก.๑) ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ ถูกทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงด้วยอาวุธปืนเล็กใส่ฝ่ายไทยก่อน จนส่งผลให้ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย ได้แก่ ส.อ.อนุชาติ เรือนคำ และ พลฯพรชัย จำปาจุม

เวลา 14.16 น. ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ เพื่อป้องกันตนเองตามกฎการปะทะ (Rules of Engagement: ROE) โดยใช้อาวุธตามสัดส่วนและความจำเป็น

ขณะเดียวกัน ฝ่ายกัมพูชาได้ยกระดับการใช้อาวุธ โดยใช้อาวุธต่อสู้รถถัง (ปรส.) ยิงใส่ฝั่งไทย

แม่ทัพภาคที่ 2 จึงได้สั่งให้ทุกหน่วยเพิ่มระดับความพร้อมเต็มรูปแบบทันที

ในเวลา 16.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีได้สั่งเสริมกำลังและเตรียมแผนอพยพประชาชน พร้อมสั่งการให้กองทัพเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยตลอดแนวชายแดน เร่งเปิดจุดรองรับและขนย้ายประชาชนใน 4 จังหวัดชายแดนไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยนายกรัฐมนตรียังได้ย้ำว่า ไทยไม่ต้องการความรุนแรง แต่จะไม่ยอมให้ใครละเมิดอธิปไตยอย่างเด็ดขาด

ต่อมา วันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 03.09 น. กัมพูชากำหนดเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนมายังฝั่งไทยในพื้นที่ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ และโรงพยาบาลปราสาท จังหวัดสุรินทร์

เวลาตี 5 ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงมายังแนวการวางกำลังของฝ่ายไทยในพื้นที่ช่องอานม้าฝ่ายไทยทำการยิงตอบโต้ตามกฎการปะทะ

06.00 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงวิถีโค้งระดมยิงต่อฝ่ายไทยในพื้นที่ช่องอานม้า โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามืด กัมพูชาได้ริเริ่มยิงใส่ฝ่ายไทยก่อนในหลายพื้นที่ มีการใช้อาวุธหนัก ซึ่งเป็นเหตุให้ทหารไทยเสียชีวิตอย่างน้อย 1 นาย ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้โดยใช้เครื่องบินรบโจมตีที่ตั้งทางทหารของฝ่ายกัมพูชา เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตของกำลังพลฝ่ายไทยและเป็นไปตามกฎการใช้กำลังอย่างเหมาะสมตามหลักสากล ไทยจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตย ปกป้องกำลังพล และรักษาความมั่นคงตามสิทธิอันชอบธรรมของชาติ การปฏิบัติของฝ่ายไทยทั้งหมดเป็นไปตามกฎการใช้กำลังระหว่างประเทศ หลักมนุษยธรรม และการตอบโต้ตามสัดส่วน

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำชัดเจนว่า “ไทยต้องการสันติภาพ แต่จะไม่ยอมให้ใครรุกล้ำอธิปไตยไทย และพร้อมดำเนินการทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องประเทศและประชาชน”

หลังจากนั้น ได้เกิดการปะทะหลายจุด ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

2. พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เป้าหมายต่อปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ

ยืนยันว่า การดำเนินการทั้งหมด ประเทศไทยจะยึดหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) เพื่อจำกัดความรุนแรงของการปะทะ แยกแยะเป้าหมาย และได้สัดส่วนโดยมุ่งเป้าลิดรอนขีดความสามารถทางทหารของกัมพูชา

พร้อมย้ำ “ไทยต้องการสันติภาพ แต่สันติภาพต้องมาพร้อมความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน”

3. ประเด็นข่าวประเทศพาดหัวว่าไทยเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ?

พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า การปฏิบัติการทางอากาศนั้น เป็นการปฏิบัติการร่วมกับกองกำลังสุรนารี ในการตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของไทย รวมทั้งต่อความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ชายแดน และกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว

จากข้อมูลการตรวจสอบทางยุทธการพบว่า มีการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์หนัก การจัดกำลังรบ และการเตรียมการสนับสนุนด้านการยิงของกัมพูชา ซึ่งอาจนำไปสู่การขยายวงของการปฏิบัติการทางทหารในลักษณะที่คุกคามเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนไทย จึงนำไปสู่การใช้กำลังทางอากาศ เพื่อยับยั้งและลดศักยภาพทางทหารของกัมพูชาในระดับที่จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้ปฏิบัติภารกิจอย่างรอบคอบ โดยกำหนดเป้าหมายเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร คลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการ และเส้นทางสนับสนุนการรบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม ซึ่งถูกประเมินว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง พร้อมทั้งยังตรวจสอบผลการโจมตี เพื่อยืนยันว่าการปฏิบัติการเป็นไปตามหลักสากลของการป้องกันตนเอง (Right of Self-Defence) ตามกฎบัตรสหประชาชาติ และยึดหลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน (Necessity & Proportionality) อย่างเคร่งครัด

กองทัพอากาศยืนยันว่า จะปฏิบัติการทางอากาศบนพื้นฐานของความรับผิดชอบ และจะตอบสนองต่อภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อเอกราชอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้เป้าหมายสูงสุด คือการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคและป้องกันไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ย้ำอีกครั้งว่า ปฏิบัติการทางอากาศของกองทัพอากาศมุ่งเป้าโจมตีเป้าหมายทางการทหาร ตอบโต้ปฏิบัติการของกัมพูชาที่โจมตีฝ่ายไทยก่อน การกำหนดเป้าหมายเป็นการวางแผนร่วมกัน ระหว่างกองทัพอากาศ กองทัพบก และกองกำลังสุรนารี กำหนดเป้าหมายที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจ

โฆษกกองทัพอากาศ ยังกล่าวต่อว่า กองทัพอากาศจะให้การสนับสนุนในการปฏิบัติภารกิจของกองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพา และกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด ของทั้งกองทัพบก, กองทัพเรือ เป็นการปฏิบัติการร่วมของทั้ง 3 เหล่าทัพ เพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย

“การโจมตีเป้าหมาย กองทัพอากาศจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนกว่ากัมพูชาจะยุติความพยายามในการกระทำที่เป็นภัยคุกคาม ต่อกองกำลังของเรารวมถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว

4. รมว.การต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ได้บรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนต่อทูตจาก 58 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ รวม 73 คน

สรุป 5 ประเด็นหลัก ดังนี้

1.กัมพูชามีพฤติกรรมซ้ำเดิม ทั้งรุกราน-ยั่วยุไทยก่อน เช่น ลอบวางทุ่นระเบิด แต่ปฏิเสธข้อเท็จจริง

2.ไทยจำเป็นต้องใช้มาตรการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน

3.สังคมไทยหมดความอดทนต่อการคุกคามซ้ำของกัมพูชา และไทยต้องปกป้องประชาชนตนเอง

4.ปฏิบัติการของไทยจะดำเนินต่อจนกว่ากัมพูชาจะเลือกเส้นทางสันติภาพที่แท้จริง

5.กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและ Joint Declaration ที่ลงนามร่วมกันในเดือนตุลาคม

นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไทย ยังเน้นย้ำเพิ่มเติมอีก 3 ประเด็น ดังนี้

1. เหตุปะทะตามแนวชายแดน

- รมว.การต่างประเทศชี้แจง Timeline ราว 14 เหตุการณ์ที่ยืนยันว่ากัมพูชาเริ่มยิงก่อน รวมถึงเหตุเมื่อ 7 ธ.ค. ที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นายและเหตุปะทะเช้ามืดวันที่ 8 ธ.ค. หลายพื้นที่ มีทั้งการยิงอาวุธปืนและการเคลื่อนย้ายอาวุธยิงระยะไกลของกัมพูชา ส่งผลให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 8 นาย และมีรายงานว่ากัมพูชายิง BM-21 ใส่พลเรือนไทย ไทยได้ประท้วงต่อผู้สังเกตการณ์อาเซียนแล้ว

- รมว.การต่างประเทศย้ำว่าไทยจำเป็นต้องใช้การโจมตีทางอากาศเพราะภูมิประเทศเต็มไปด้วยทุ่นระเบิด การตอบโต้ของไทยเป็นการ “ป้องกันตนเอง” ตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ อยู่บนหลักความจำเป็น ความได้สัดส่วน และจำกัดเป้าหมายเฉพาะทางทหาร พร้อมประณามการโจมตีของกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลงหลายฉบับและคุกคามประชาชนไทย

2. ผลกระทบต่อประชาชน

- การโจมตีของกัมพูชาทำให้พลเรือนไทยในบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี รวมเกือบ 400,000 คน ต้องอพยพ โรงเรียนกว่า 600 แห่งใน 5 จังหวัดชายแดน และโรงพยาบาลหลายแห่งต้องปิดชั่วคราว กระทบต่อสิทธิพื้นฐานและบริการสำคัญของประชาชน

3. การเผยแพร่ข้อมูลเท็จของกัมพูชา

- กัมพูชายังคงเผยแพร่ข้อมูลเท็จและบิดเบือนอย่างเป็นระบบ เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นจากการลอบวางทุ่นระเบิดในดินแดนไทยที่ไทยเพิ่งรายงานต่อประชาคมโลก ตัวอย่างคือการใช้ภาพเก่ากล่าวหาไทย และการกล่าวหาว่าไทยเริ่มโจมตีก่อน ทั้งที่มีเอกสารตอบโต้เร็วผิดปกติ ไทยได้ดำเนินการทางการทูตเพิ่มเติม ได้แก่ เชิญทูตมาเลเซียและสหรัฐฯ ในฐานะสักขีพยาน Joint Declaration มีหนังสือประท้วงกัมพูชา ทำหนังสือเวียนถึงอาเซียน แจ้งเลขาธิการสหประชาชาติ และส่งหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคง รวม 5 ช่องทาง

- กระทรวงการต่างประเทศย้ำให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากช่องทางทางการ และให้สื่อมวลชนรายงานอย่างครบถ้วน โดยโฆษกฯ จะทยอยแถลงอัปเดตสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

5. นายกฯ อนุทินยัน ไม่มีคำสั่งให้หยุดยิง รัฐบาลสนับสนุนกองทัพเต็มที่

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (9 ธ.ค.2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ยืนยันว่า เราดำเนินการในสิ่งที่ควรดำเนินการ คือ การแสดงความเป็นประเทศไทย ให้กับผู้ที่คิดไม่ดีให้เห็นอย่างชัดเจน ขอให้ให้กำลังใจผู้ที่กำลังปกป้องแผ่นดินของเราดีกว่า

นักข่าวถามว่ามีเสียงขอให้ทหารหยุดการสู้รบ?

นายอนุทิน ระบุว่า “ไม่มีครับ ไม่มีครับ ตอนนี้หยุดไม่ได้แล้วครับ ให้คำมั่นสัญญากับกองทัพ ให้กองทัพดำเนินการตามแผนที่ได้เตรียมการกันไว้อย่างเต็มที่รัฐบาลสนับสนุนทุกรูปแบบ”

บอกเลย จุดยืนท่าทีของผู้นำรัฐบาลไทยปัจจุบัน เป๊ะ ปึ้ก และไว้ใจได้

หนู ไม่ใช่หมูนะโว้ยยย ฮุนเซน!

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:04 น. กขค. ผนึก สคบ. ร่วมขับเคลื่อนและกำกับดูแล 'ดิจิทัลมาร์เก็ต'
22:02 น. วอลเลย์บอลหญิงประเดิม!เช็คโปรแกรมแข่งซีเกมส์วันพุธนี้
21:55 น. 'กอ.รมน.'เข้มเฝ้าระวัง 'โดรนสอดแนม–โดรนพลีชีพ' ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย เขมร
21:40 น. ซีเกมส์เปิดฉาก!พิธีเปิดยิ่งใหญ่-‘พาณิภัค’จุดไฟคบเพลิง
21:22 น. เปิดภาพ! พระราชินี ทรงพระดำเนินร่วมกับพาเหรดทัพไทยเข้าสู่สนามพิธีเปิดซีเกมส์ครั้งที่ 33
ดูทั้งหมด
ทนายแก้ว เสียใจอย่างสุดซึ้ง หากเป็นไปตามข่าว ผิดถึงขั้นประหารชีวิต
จับตา พายุลูกใหม่ กำลังก่อตัวช่วง 8-10 ธ.ค. บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 5-11 ธ.ค.68
ฮุน เซน กินหรูอยู่สบาย โพสต์ภาพเที่ยวทะเลในสีหนุวิลล์ ขณะดำรงตำแหน่งรักษาการประมุข
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 7-13 ธ.ค.68
ดูทั้งหมด
Wealth Gap 2030 : ทำไมช่องว่างความมั่งคั่งกำลังขยายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์
สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารเขมร
เมื่อระบบธรรมาภิบาลไม่อาจป้องกันอำนาจนอกระบบได้
จบที่ไม่จบ?
ไทยป้องกันตนเอง
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

กขค. ผนึก สคบ. ร่วมขับเคลื่อนและกำกับดูแล 'ดิจิทัลมาร์เก็ต'

วอลเลย์บอลหญิงประเดิม!เช็คโปรแกรมแข่งซีเกมส์วันพุธนี้

'กอ.รมน.'เข้มเฝ้าระวัง 'โดรนสอดแนม–โดรนพลีชีพ' ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย เขมร

ซีเกมส์เปิดฉาก!พิธีเปิดยิ่งใหญ่-‘พาณิภัค’จุดไฟคบเพลิง

เสธ ทบ ลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ดูแลประชาชน เยี่ยมทหารบาดเจ็บ พร้อมย้ำไทยยืนหยัดปกป้องแผ่นดิน

ด่วน! ทร.เตือนเรือประมงไทย หลีกเลี่ยงเดินเรือเข้าใกล้เขตแดนทางทะเล ไทย-กัมพูชา

  • Breaking News
  • กขค. ผนึก สคบ. ร่วมขับเคลื่อนและกำกับดูแล \'ดิจิทัลมาร์เก็ต\' กขค. ผนึก สคบ. ร่วมขับเคลื่อนและกำกับดูแล 'ดิจิทัลมาร์เก็ต'
  • วอลเลย์บอลหญิงประเดิม!เช็คโปรแกรมแข่งซีเกมส์วันพุธนี้ วอลเลย์บอลหญิงประเดิม!เช็คโปรแกรมแข่งซีเกมส์วันพุธนี้
  • \'กอ.รมน.\'เข้มเฝ้าระวัง \'โดรนสอดแนม–โดรนพลีชีพ\' ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย เขมร 'กอ.รมน.'เข้มเฝ้าระวัง 'โดรนสอดแนม–โดรนพลีชีพ' ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย เขมร
  • ซีเกมส์เปิดฉาก!พิธีเปิดยิ่งใหญ่-‘พาณิภัค’จุดไฟคบเพลิง ซีเกมส์เปิดฉาก!พิธีเปิดยิ่งใหญ่-‘พาณิภัค’จุดไฟคบเพลิง
  • เปิดภาพ! พระราชินี ทรงพระดำเนินร่วมกับพาเหรดทัพไทยเข้าสู่สนามพิธีเปิดซีเกมส์ครั้งที่ 33 เปิดภาพ! พระราชินี ทรงพระดำเนินร่วมกับพาเหรดทัพไทยเข้าสู่สนามพิธีเปิดซีเกมส์ครั้งที่ 33
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ไทยป้องกันตนเอง

ไทยป้องกันตนเอง

10 ธ.ค. 2568

ป่วนไทยเมื่อไหร่ มึงต้องเจออย่างนี้

ป่วนไทยเมื่อไหร่ มึงต้องเจออย่างนี้

9 ธ.ค. 2568

รัฐอันธพาลวางทุ่นระเบิดใหม่ ดื้อด้าน ปากแข็ง  รัฐผู้เสียหายมีความชอบธรรมที่จะใช้อาวุธโต้ตอบ

รัฐอันธพาลวางทุ่นระเบิดใหม่ ดื้อด้าน ปากแข็ง รัฐผู้เสียหายมีความชอบธรรมที่จะใช้อาวุธโต้ตอบ

8 ธ.ค. 2568

รูปถ่ายเก่า ไม่ชัดเท่าการกระทำ และเส้นเงิน

รูปถ่ายเก่า ไม่ชัดเท่าการกระทำ และเส้นเงิน

5 ธ.ค. 2568

พูดแล้วทำ  กล้าทำกับสายการบิน หรือไม่?

พูดแล้วทำ กล้าทำกับสายการบิน หรือไม่?

4 ธ.ค. 2568

ตรรกะสักแต่จะด่าหาแสง

ตรรกะสักแต่จะด่าหาแสง

3 ธ.ค. 2568

ลดเพดานค่าโดยสารเครื่องบินในประเทศ  ลดพื้นที่ขูดรีดประชาชน

ลดเพดานค่าโดยสารเครื่องบินในประเทศ ลดพื้นที่ขูดรีดประชาชน

2 ธ.ค. 2568

เพดานค่าโดยสารเครื่องบินสูงเกินไป  ย่อมเปิดช่องให้ขูดรีดประชาชน

เพดานค่าโดยสารเครื่องบินสูงเกินไป ย่อมเปิดช่องให้ขูดรีดประชาชน

1 ธ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved