วันอังคาร ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568
น่าเวทนามาก พรรคส้มขนเอาดาวดังไปทำกิจกรรมที่สนามหญ้า มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร“ปิกนิก พรรคประชาชนพบประชาชน ขอโทษจากใจ ขอไปต่อด้วยกัน”
มีทั้งนายธนาธร นายพิธา และหัวหน้าพรรคปัจจุบัน นายเท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
ปรากฏว่า มีคนเข้าร่วมเป็นหย่อมๆ และเกือบครึ่งเป็นนักข่าวสายส้ม
ยิ่งกว่านั้น ท่วงท่า วาทะ และสติปัญญาที่นำมากล่าว ยังชวนให้สะอิดสะเอียนในความหลงตัวเอง หรือไม่ก็ดื้อด้าน หลงคิดว่าพ่นอะไรออกจากปากแล้วคนก็จะเชื่อตามอย่างเชื่องๆ
1. ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า หากในเวลานั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่พัฒนาไปถึงระดับที่ประชาชนต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักแบบนี้
2. เหลือเชื่อที่กล้าพูดเช่นนี้ อย่างมั่นโหนก
ราวดูถูกสติปัญญา และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของนักศึกษา คนรุ่นใหม่
ลืมไปแล้ว ว่านายพิธาและการเมืองส้มเคยพยายามขับเคลื่อนอะไร ที่เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า ขี้โม้ ผิดทิศผิดทาง
เคยแสดงแนวทางบั่นเซาะทำลายความเข้มแข็งของกองทัพอย่างไร
ช่างน่าอัปยศ น่าอับอายมาก
ใครยังไปหลงเชื่อ ชื่นชมในเรื่องนี้อยู่ แสดงว่าอาจจะพร้อมให้เขาสนตะพายจูงจมูกได้ทุกเรื่อง
3. อันที่จริง ถ้าย้อนกลับไปดูสิ่งที่นายธนาธรและพวกการเมืองส้ม นำมาใช้วาทกรรมกล่อมสมองด้อมส้ม ขี้โม้โอ้อวด
สรรหาคำที่ก๊อบปี้มาจากหนังบ้าง หนังสือบ้าง
ตัดคลิปประโยคเด็ด วางเพลิงกระตุ้นเร้าความรู้สึก
ทำกราฟิกหนุนส่งให้ดูดี ราวผู้รู้จริง เชี่ยงชาญจริง
แต่สุดท้าย เนื้อหาความจริงโหลยโท่ย มั่วซั่ว กลวงโบ๋ ผิดทิศผิดทาง ไร้พื้นฐานความเป็นจริง มีไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่องแล้ว
ตั้งแต่ไฮเปอร์ลูป ที่จนป่านนี้ รายใหญ่ในต่างประเทศเลิกกิจการไปแล้ว
ตอนเดินสายไปให้สัมภาษณ์สื่อสหรัฐ ก็จ้างทำข่าว แล้วเขาก็ไม่ได้ให้ค่า ไม่ได้เอาเทปสัมภาษณ์ไปออกทีวี มีแต่เอามาปั่นให้สาวกฟินกัน ว่าพ่อส้มได้รับความสนใจจากสื่อต่างชาติ
แม้แต่ตอนโควิด ก็ปั่นวัคซีนเทพ ด้อยค่าวัคซีนที่เรามี จาบจ้วงมั่วโยงไปถึงเบื้องสูงจนเป็นคดี112
พลพรรคส้มรุมถล่ม บูลลี่หมอยง
เชิดชูหมอบุญ บางคนยกจะให้เป็นผู้บริหารประเทศ (ตอนนี้เป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง หลบหนีไปแล้ว)
ความจริง แม้แต่ศาสดาพรรคส้มก็แอบไปแซงคิวฉีดวัคซีนที่รัฐบาลขณะนั้นจัดหามาก่อนกลุ่มเปราะบาง
นายพิธาอวดโง่ ปั่นถึงขนาดเสนอให้เอาวัคซีนแอสตร้าฯ ที่จำเป็นต้องใช้ในขณะนั้น ไปแลกเอาไฟเซอร์ 3-1 ซึ่งจะทำให้คนไทยเข้าถึงวัคซีนน้อยลง
และสุดท้าย วัคซีนที่ปั่นกันว่าเป็นวัคซีนเทพ มันก็ไม่ได้เทพจริง แถมอาจมีผลร้ายแรงน่าสะพรึง
ข่าวต่างประเทศล่าสุด รายงานว่า วัคซีนเทพ วัคซีน mRNA บางตัว สามารถก่อการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่อาจทำให้เนื้อเยื้อหัวใจอักเสบ และนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตในบางเคส
ผลการศึกษาที่เขียนโดยคณะวิจัยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐฯ และเผยแพร่ในวารสารการแพทย์ Science Translational Medicine เป็นการตรวจสอบข้อสงสัยที่ว่าทำไมคนไข้บางรายถึงมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หลังจากได้รับวัคซีน mRNA นักวิจัยพบว่า ในบางกรณี เซลล์ภูมิคุ้มกันจดจำ RNA แปลกปลอมที่ป้อนโดยวัคซีนและยกระดับการตอบสนองหนักหน่วงเกินไป ในบางกรณีที่หายากมาก การตอบสนองนี้นำไปสู่การปล่อยสารโปรตีนส่งสัญญาณภูมิคุ้มกัน “ไซโตไคน์” ในปริมาณมาก ที่อาจก่อความเสียหายแก่เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนเกิดขึ้นราวๆ 1 ใน 140,000 ราย หลังจากฉีดโดสแรก และราว 1 ใน 32,000 ราย หลังจากฉีดโดสที่ 2 อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ ในขณะที่อัตราการเกิดโรคถึงจุดสูงสุดอยู่ในกลุ่มชายอายุ 30 ปี หรือต่ำกว่านั้น
อาการต่างๆ ของโรคนี้ รวมไปถึงเจ็บหน้าอก, หายใจติดขัด, เป็นไข้และหัวใจเต้นผิดปกติ เกือบทั้งหมดแล้วมักเกิดขึ้นภายในไม่กี่วันหลังจากฉีดวัคซีน และแม้คนไข้ส่วนใหญ่จะหาย
และฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีรายงานผู้ที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตเช่นกัน
ลืมไปแล้วหรือว่า ศาสดาด้อมส้มเคยปั่นวัคซีนเทพขนาดไหน ใส่ร้ายวัคซีนที่เรามีขณะนั้นอย่างไร
.png)
.png)
4. ประเด็นการสู้รบ ไทย-กัมพูชา
ลืมจริงๆ หรือหน้าด้านจึงแกล้งลืม?
นายพิธาและพลพรรค สส.ส้ม เคยพ่นลมปากแนวทางใช้อำนาจรัฐ คุยโม้โอ้อวด เพื่อด้อยค่ากองทัพไว้อย่างไรบ้าง
“ทหารมีไว้ทำไม... ไม่มีใครรบกันแล้ว... ถึงรบก็รบไม่ชนะ... ตัดงบกองทัพ ลดงบกองทัพ...”
“เขาไม่ใช้เรือรบแล้ว เขาใช้เรือประมง...”
“เปลี่ยนรถถังเป็นรถไถ...”
“เปลี่ยนงบซื้ออาวุธ เป็นสวัสดิการผ้าอนามัย..”
“เปลี่ยนงบซื้อกระสุน เป็นงบซื้อนมกล่อง...”
“เลิกเกณฑ์ทหาร... ค่อยเกณฑ์ทหารเมื่อเกิดสงคราม...”
“ค่อยเกณฑ์ทหารเมื่อจะรบ ฝึกทหารใหม่ 6 เดือน ค่อยออกรบ..” ฯลฯ
แล้วความจริงเป็นอย่างไร รบจริง ข้าศึกคงรอให้ฝึกทหารก่อน ให้จัดซื้ออาวุธก่อน ไม่งั้นก็ต้องยอมให้เขารุกล้ำอธิปไตยไปตลอด
นี่คือตัวอย่าง วาทะเด็ด ที่พลพรรคส้มเคยนำมาใช้เพื่อความสะใจ เพื่อด้อยค่ากองทัพ เพื่อปลุกปั่นให้คนรู้สึกว่ากองทัพไม่มีบทบาทความสำคัญแล้ว
เรียกว่า ในยามสงบ ถุยน้ำลายใส่กองทัพ พูดจาแบบคนที่ไม่เคยเจอสถานการณ์สู้รบจริง ซึ่งรบกันอยู่หลายพื้นที่ทั่วโลก คิดมั่นโหนกมั่นหน้าเอาเอง
แล้วความจริงเป็นอย่างไร รบจริง ข้าศึกคงรอให้ฝึกทหารก่อน ให้จัดซื้ออาวุธก่อน ไม่งั้นก็ต้องยอมให้เขารุกล้ำอธิปไตยไปตลอด
แล้วที่อ้างว่า จะใช้การต่างประเทศไปเจรจากับมหาอำนาจต่างๆ ถ้าทำเช่นนั้น ประเทศไทยเราก็ต้องพึ่งสหรัฐเต็มตัว เหมือนประเทศเป็นทาสในเรือนเบี้ยของสหรัฐ จะกำหนดนโยบายอะไรก็ต้องขอไฟเขียวจากสหรัฐก่อน แล้วไทยก็จะไม่พ้นเป็นเหมือนยูเครน ที่ต้องเป็นตัวแทนสหรัฐทำสงครามกับขั้วตรงข้ามสหรัฐ เสียหายมากกว่ารบกับเขมร
จำได้ไหม การเมืองส้มเคยปั่นชื่นชมเซเลนสกีกันยังไง ถึงขนาดเปรียบพิธาเหมือนเซเลนสกี้ด้วยความชื่นชม
5. นายธนกร วังบุญคงชนะ ถึงกับชี้ว่า ไม่น่าเชื่อว่านายธนาธรอายุยังน้อย แต่กลับหลงลืมได้ขนาดนี้ นายพิธาไม่ใช่หรือที่เป็นคนพูดว่า ทหารมีไว้ทำไม จะไปรบกับใคร นโยบายที่จะลดขนาดกองทัพและจำนวนกำลังพล 30-40% ก็เป็นนโยบายที่ออกมาจากพรรคของนายพิธาไม่ใช่หรือ และการเสนอให้ตัดงบซื้อเครื่องบินรบ รถถัง และยุทโธปกรณ์หลายรายการนั้น ก็ล้วนแต่เป็นพฤติกรรมที่มาจากพรรคของนายพิธาทั้งสิ้น ดังนั้น ถ้าจะพูดให้ถูกต้องนายธนาธรควรจะบอกว่า ถ้านายพิธาได้เป็นนายกฯ วันนี้บ้านเมืองคงจะลุกเป็นไฟไปแล้วถึงจะถูก
“ผมยังนึกไม่ออกจริงๆ ว่า ถ้าคุณพิธาเป็นนายกฯ ในวันนั้น ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรในวันที่กัมพูชารุกรานเราในวันนี้ การมุ่งเป้าไปที่การปฏิรูปกองทัพ การลดงบประมาณของกองทัพ และลดกำลังพลทหาร เป็นการแสดงออกชัดเจนว่าคุณพิธารักชาติแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ วันนี้คุณพิธาน่าจะถูกคนทั้งประเทศตบหน้าแทนคำตอบไปแล้วว่า ทหารมีไว้เพื่อปกป้องอธิปไตยประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อมั่นในตัวท่านนายกฯ เพราะที่ผ่านมาได้แสดงให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นแล้วว่า เด็ดขาดและจริงจัง ไม่มีอ่อนข้อให้กับใครก็ตามที่คิดจะรุกรานเรา” นายธนกรกล่าว
6. แม้กระทั่งนายชูวิทย์ ที่เคยออกเชียร์พรรคส้มอยู่ตลอด ยังทนไม่ไหว
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ว่า
“เคยปราศรัยเมื่อสองปีก่อนว่า “ไม่มีการรุกรานของประเทศเพื่อนบ้าน หากมีการรบกันจริงก็ไม่เชื่อว่าทหารไทยจะชนะด้วย ต้องลดกำลังกองทัพ บางประเทศไม่ต้องมีกองทัพเสียด้วยซ้ำ”
อันนี้ก็พูดด้วยความอ่อนหัด อันเป็นความคิดเห็นที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งของคนที่จะมาบริหารประเทศ
สงคราม ไทย-เขมร คงได้สอนให้พรรคประชาชนเห็นแล้วว่า “ทำไมไทยต้องมีกองทัพ มีทหารไว้เพื่อปกป้องดินแดน อธิปไตย ไม่ให้ใครรุกราน”
ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่หัวหน้าพรรคประชาชนต้องเรียนรู้ก่อนที่จะไปบริหารประเทศ
ความคิดความเชื่อของพรรคที่ด้อยประสบการณ์และดื้อรั้น แต่คาดหวังจะให้ได้รับเลือกเป็นพรรคเดียวไปจัดตั้งรัฐบาล
นับว่าประชาชนต้องระวังให้มาก...
“หากพิธาเป็นนายกฯ วันนั้น สถานการณ์ชายแดนจะไม่มาถึงจุดนี้.. นี่คือสิ่งที่คุณธนาธรเข้าใจผิดอย่างมาก
หากคุณพิธาเป็นนายกฯ ในวันนั้น นอกจากสงครามจะยังเกิดเหมือนเดิมแล้ว สถานการณ์จะบานปลายยิ่งกว่าเก่า
ไทยจะเสียดินแดนให้กับ “จิ้งจอกเฒ่าฮุนเซน”
ทำไมผมกล่าวเช่นนั้น ลองฟังเหตุผล
เทียบกันระหว่าง พิธา กับ ฮุนเซน ปอนด์ต่อปอนด์ เหมือนเอามวยรุ่นไลท์เวทไปขึ้นเวทีชกกับรุ่นเฮฟวีเวท
ไม่ใช่คุณพิธาไม่เก่ง แต่องค์ความรู้ ประสบการณ์ห่างชั้นมาก
จิ้งจอกเฒ่าฮุนเซน อยู่ในสนามรบตั้งแต่คุณพิธายังไม่ได้ตั้งไข่
ฮุนเซนเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศตั้งแต่อายุ 27 ปี
ไม่ยึดถืออุดมการณ์สุดโต่งแบบคุณธนาธร คุณพิธา คุณเท้ง แห่งพรรคประชาชน
ฮุนเซนเติบโตเป็นนักการเมืองสายปฏิบัติ ยอมเจรจาปรับตัวต่อรอง
เป็นนักรบจนเสียตาไป 1 ข้าง ผ่านประสบการณ์หลากหลายเจียนอยู่เจียนตาย
จนต้องไปพึ่งเวียดนามเพื่อให้ได้ชัยชนะ
ฮุนเซนเป็น “สายปฏิบัติ“ ไม่ใช่ “สายอุดมคติ” อย่างพรรคประชาชน
... ยิ่งเป็นช่วงสงครามถูกรุกรานอธิปไตย ต้องแสดงท่าทีแข็งกร้าว ปกป้องดินแดน ยึดพื้นที่ให้ได้มาก การเจรจาถึงจะได้เปรียบ
ไม่ได้หิวสงคราม เพราะไทยไม่ได้ก่อ แต่เหตุมาจากฮุนเซนเสียผลประโยชน์ในเรื่อง “สแกมเมอร์”
มันไม่ใช่การค้าที่ตรงไปตรงมา จะได้ “วินวินกันทั้งสองฝ่าย”
แต่ต้อง “เราวินเพื่อสั่งสอนจิ้งจอกเฒ่าสารพัดพิษฮุนเซนรู้ว่าไทยทันเกมของฮุนเซน”การเป็นผู้นำประเทศได้จึงต้องมากประสบการณ์ รู้จักทั้งบุ๋นและบู๊ รู้จักระบบ รู้จักใช้คนเข้ากับสถานการณ์
ยังมีเหตุผลอื่นๆ อีกมาก ที่หากคุณพิธาเป็นนายกฯ สถานการณ์จะไม่ใช่ที่คุณธนาธรบอกว่า “จะไม่มาถึงจุดนี้เด็ดขาด”
แต่กลับจะเลยจุดออกทะเลไปไกล เพราะความด้อยประสบการณ์ทางการเมือง
แม้แต่เวทีในประเทศยังยอมถูกหลอก
หากเป็นเวทีระหว่างประเทศแม้จะพูดภาษาอังกฤษเก่ง แต่ในเวทีโลกภาษาไม่ได้เกี่ยวข้อง มันอยู่ที่กึ๋น หรือประสบการณ์มากกว่า
นี่คือสิ่งที่คุณพิธา หรือพรรคประชาชนไม่มีเอาเสียเลย...”
สรุป.. น่าสงสัยว่า คิดแบบศาสดาส้ม แซะกองทัพ หวังพึ่งมหาอำนาจ
คิดแบบนี้ มันโง่ หรือมันเลว... เพราะต้องการให้ความมั่นคงของประเทศชาติอ่อนแอ?
สารส้ม

‘พีระพันธุ์’ เขย่ารัฐบาล เลิกอ้อมค้อม! จี้บังคับใช้กฎหมาย ม.122 เด็ดขาด สกัดส่งน้ำมันหนุนยุทธปัจจัยกัมพูชา
ดีเอสไอ สรุปสำนวนคดีคุกวีไอพีจีนเทา ส่ง ป.ป.ช. เชือด ’อดีตผบ.เรือนจำ’ ม.157-ค้าประเวณี
ดาราเขมรออกมา Call Out เราไม่เคยเริ่มสงคราม
ซึ้ง! อบอุ่นหัวใจทุกโมเมนต์ 'กลัฟ คณาวุฒิ' พาเหล่าลูกบอลร่วมเดินทางกลับบ้าน
โค่นมือ2! 'ไหม'ทะยานชิงเหรียญทองเทนนิส

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี