แม้จะใช้ชีวิตและทำมาหากินอยู่ในเมืองหลวงมานานกว่า 50 ปี แต่ในฐานะคนสิงห์บุรี นอกจากอาหารการกินและแหล่งทางวัฒนธรรม เมื่อมีโอกาส อีก 2 แห่งที่ผมมักจะพาพรรคพวกจาก
ที่อื่นไปแวะชมและกราบไหว้ คือ วัดพิกุลทอง อำเภอท่าช้าง และวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร อำเภอเมือง บางทีผมก็ไปเอง เพราะความสงบเย็นของสถานที่
วัดพระนอนจักรสีห์อยู่ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรีไปราวๆ 3 กิโลเมตร เคยอ่านเจอในหนังสืออะไรสักเล่ม บอกว่าห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรีประมาณ 50 กิโลเมตร ตอนอ่านเจอครั้งแรกถึงกับอุทานในใจว่า เฮ้ย! 50 กิโลฯนี่ ถ้าลงใต้ก็เข้าอยุธยา หรือถ้าขึ้นเหนือก็ไปนั่งกินกาแฟแถวชัยนาทแล้ว
ที่เรียกว่าวัดพระนอนจักรสีห์เพราะอย่างแรกคือ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ หรือเรียกกันทั่วไปว่า “พระนอน” สวยงามตามแบบศิลปะสุโขทัย อย่างที่ 2 คือ วัดอยู่ในเขตตำบลจักรสีห์
เมื่อก่อนถือว่า พระนอนจักรสีห์เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รองลงมาก็เป็นพระนอนที่วัดขุนอินทประมูล จังหวัดอ่างทอง และพระนอนที่วัดพระเชตุพนฯ หรือวัดโพธิ์ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่น่านับถือกราบไหว้ทั้งสามองค์ แต่ตอนหลังก็มีการสร้างพระพุทธไสยาสน์ให้ใหญ่กว่า 3 องค์นี้ขึ้นมาอีก
ช่วงหลังจากการระบาดของโควิด-19 จบลงไปแล้ว ผมกับเพื่อนและลูกสาวก็ไปเยี่ยมวัดพระนอนจักรสีห์อีกครั้ง แต่คราวนี้พกพาความเซ็งและเศร้าใจในอารมณ์กลับออกมาด้วย ไม่ใช่เพราะมีตลาดริมน้ำซึ่งมีมานานพอสมควรแล้ว และไม่ได้เข้ามารบกวนการเข้า-ออกวัดแต่อย่างใด
แต่เซ็งเพราะเข้าไปเจอรูปปั้นใหญ่โตของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ สมเด็จโต ตั้งตระหง่านอยู่กลางทางเข้า, รูปปั้นพระดังต่างๆ ในอดีต, ศาลเจ้าแม่กวนอิม, ตู้บริจาคที่งอกออกมาทุกมุมในโบสถ์ที่เคยสงบและเข้มขลัง และแย่ที่สุดคือ บอร์ดติดภาพพระหลายองค์ของวัดนี้ไปเที่ยวอินเดียหรือเนปาลอะไรสักแห่งนี่แหละ
ผมไม่ใช้คำว่าไป “จาริกแสวงบุญ” เพราะอากัปกิริยาในรูปเป็นอาการของนักท่องเที่ยวทั่วไป ถ้าจะจาริกแสวงบุญ จริงๆ มีที่ทางอีกมากมายในประเทศให้ได้ใช้ทดสอบตบะบารมีของตัวเอง ผมสงสัยว่า เอารูปมาติดโชว์เพื่ออะไร และสงสัยต่อมาเอาเงินที่ไหนไป
ผมเคยถามเพื่อนที่อยู่สิงห์บุรีว่า เกิดอะไรขึ้นถึงได้เปลี่ยนแปลงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ เพราะคนสิงห์บุรีเองก็ไม่ค่อยไปเยี่ยมเยียนวัดพระนอนจักรสีห์กันแล้ว
แต่ความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้วัดกลายเป็นตลาดขายความศรัทธา ไม่ได้เกิดที่วัดพระนอนจักรสีห์แห่งเดียวไม่ต้องไปพูดถึงวัดพระธรรมกายที่ใหญ่โตเว่อร์วังอลังการทั้งถาวรวัตถุและพิธีกรรม นับสิบปีที่ผ่านมา วัดมากมายหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เต็มไปด้วยรูปปั้นของพระที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับวัดนั้นๆ รูปเทพต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาพุทธทั้งจีนและแขก บางวัดก็แข่งกันสร้างพระพุทธรูปใหญ่ที่สุดแข่งกัน
จึงไม่แปลกอะไรที่ตอนนี้เราได้เห็นพระนอนใหญ่ที่สุดในประเทศเกิดขึ้นใหม่แล้ว 2 วัด เห็นพระพิฆเนศใหญ่ที่สุด หรือหลวงพ่อทวดใหญ่ที่สุด ซึ่งการแข่งกันใหญ่ยังไม่จบลงง่ายๆ และก็ไม่น่าแปลกอะไรที่วันหนึ่งจะมีข่าวอื้อฉาวอย่างวัดไร่ขิงเกิดขึ้น
ข่าวอื้อฉาวเรื่องเงินๆ ทองๆ และผู้หญิงเกี่ยวกับพระมีออกมาเรื่อยๆ ถูกจับสึกและติดคุกไปก็มี หนีไปราวกับหายตัวได้ก็มี แต่กรณีวัดไร่ขิงอาจจะช็อกผู้คนมากหน่อย เพราะเป็นวัดใหญ่ ชื่อเสียงโด่งดังประชาชนมากมายให้ความศรัทธา แต่อดีตเจ้าอาวาสกลับโดนคดียักยอกเงินวัดไปเล่นการพนัน เล่นแบบออนไลน์ ทันสมัยเสียด้วย จะผิด-ถูกอย่างไรก็ไปว่ากันในศาล
แม้จะมีผู้หวังดีต่อศาสนาส่วนหนึ่งออกมาพูดและเขียนในทำนองว่า การกระทำส่วนบุคคลไม่ได้ทำให้ศาสนาเสื่อมลง แต่ใครจะห้ามความรู้สึกคนได้ เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว และกระทบความรู้สึกของพุทธศาสนิกชน สะเทือนไปถึงวัดทั่วๆ ไปด้วย อาจจะทำให้คนจำนวนไม่น้อยถอยห่างจากวัด ลดการสนับสนุนวัด ภาษาบ้านๆ ก็ต้องบอกว่า “ฉิบหายเกิด”
ผมไม่ใช่คนประเภทปฏิเสธวัตถุหัวชนฝา ยังมีกิเลสตัณหาเหมือนคนทั่วๆ ไปที่ยังไม่บรรลุธรรมบริสุทธิ์ ถ้ามีความจำเป็นก็สร้างได้ เช่น โบสถ์เก่าหรือศาลาการเปรียญชำรุดทรุดโทรม ไม่สะดวกและอาจเป็นอันตรายต่อพระและญาติโยม ก็สร้างใหม่ จะออกพระเครื่องเพื่อหาเงินเข้าบำรุงวัด นานๆ ทำทีก็ไม่เสียหายอะไร แต่ออกทุกปี หรือปีละสองรอบ อย่างนี้ก็ไม่ไหว
ลำพังคนปกติทั่วไปอยากมีอยากได้กันทุกคน จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่คน แต่พระโลภนี่ยิ่งหนัก ทุกวันนี้แทนที่พระจะควบคุมเรื่องเงินทองให้เหมาะสมกับสถานะทางศาสนาของพระและวัด กลับเห็นดีเห็นงามกับการที่วัดใหญ่โตโอฬาร โลภในชื่อเสียงหน้าตา ต้องการมีเงินมากๆ พระจำนวนไม่น้อยจึงทำตัวเหมือนนักปั่นหุ้น และชาวบ้านที่หลงบุญก็กลายเป็นแมลงเม่าในตลาดหุ้น
เมื่อเงินทองมาก คนที่หวังผลประโยชน์ก็เข้ามาเกาะพระกันมาก และแน่นอน ไอ้พวกนี้ไม่ใช่คนดีหรอก
ผมเชื่อว่ายังมีพระและคนแวดล้อมพระตามวัดใหญ่ๆ มีการกระทำที่ไม่เหมาะสมจนถึงทำชั่วอยู่อีกมาก เพียงแต่ถ้าไม่มีเรื่องปูดขึ้นมา ประชาชนทั่วไปก็คงไม่รู้ สำนักพุทธศาสนาฯ ซึ่งที่ควรจะมีหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้น ก็เป็นหน่วยงานที่พึ่งพาอาศัยไม่ได้ แถมอดีตผู้อำนวยการก็โดนคดีทุจริตกันไปคนสองคนแล้ว
ปกติพระจะคอยเตือนสติคน แต่ตอนนี้ใครจะเตือนสติพระที่แข่งกันสร้างสถิติเพื่อเรียกศรัทธา
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี