“เสียงดังรำคาญ” เป็นปัญหาที่อยู่คู่สังคมไทยโดยเฉพาะในพื้นที่เมือง ตั้งแต่เหตุประจำหากมีสถานบันเทิงมาเปิดใกล้ๆ ไปจนเหตุจรอย่างมีการจัดงานเฉลิมฉลองตามประเพณีหรือเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกินเลี้ยงสังสรรค์ ที่หลายคนต้องทนกับเสียงเพลงหรือเสียงประกาศต่างๆ ตั้งแต่หัวค่ำไปจนถึงดึกดื่นทั้งที่ไม่ได้อยากจะฟังจะร่วมสนุกด้วย ขณะเดียวกัน “ผักตบชวา” ก็เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมสำคัญระดับชาติ ทั้งกีดขวางทางน้ำและทำให้น้ำเน่าเสีย จนรัฐบาลต้องทุ่มกำลังคนและงบประมาณเพื่อกำจัดออกไปจากแหล่งน้ำ
อย่างไรก็ตาม ผักตบชวาอาจกลายเป็น “ตัวช่วย” บรรเทาความขัดแย้งระหว่างคนชอบความเงียบสงบกับคนชอบบรรยากาศอึกทึกครึกครื้นดังไป 3 บ้าน 8 บ้านได้บ้างในอนาคต เมื่อ 3 หนุ่มจากทีมงาน ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ค้นพบว่าผักตบชวาสามารถนำมาทำ “แผ่นอะคูสติก” ลดระดับความรุนแรงของเสียงดังที่จะออกไปภายนอกอาคารได้
วัชร น้อยมาลา อายุ 22 ปี เล่าว่า ที่ผ่านมาตนประสบปัญหาจากห้องเรียนที่มีแผ่นผนังเป็นไม้อัดผิวเรียบ ทำให้เสียงพูดภายในชั้นเรียนจะสะท้อนไปมาภายในห้อง คุณภาพเสียงที่ได้ไม่มีความชัดเจนส่งผลกระทบกับผู้เรียน จึงร่วมกับเพื่อนๆ ช่วยกันคิดหาวัสดุมาทำแผ่นดูดซับเสียง จนพบว่าผักตบชวาเหมาะสมที่สุดเพราะหาง่าย และเป็นวัชพืชที่แพร่กระจายในแม่น้ำลำคลองอย่างรวดเร็ว กีดขวางการขนส่งและการสัญจรทางน้ำ ก่อให้เกิดปัญหาน้ำล้นตลิ่ง ดังนั้นควรนำผักตบชวามาแปรรูปให้เกิดประโยชน์ดีกว่า
ขณะที่ พุทธิพงษ์ วงษ์บัณฑิต อายุ 22 ปี สมาชิกอีกรายของทีม เปิดเผยว่า นวัตกรรมแผ่นดูดซับเสียงจากผักตบชวา มีจุดมุ่งหมายคือใช้กับห้องเรียน ห้องประชุม และห้องโถงขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้ประมาณ 100-200 คน ขั้นตอนการผลิตคือ 1.นำผักตบชวาจากแหล่งน้ำ เลือกใช้เฉพาะส่วนต้นเนื่องจากมีปริมาณเส้นใยมากกว่าส่วนอื่น แล้วหั่นให้มีขนาดประมาณ 1 นิ้ว เพื่อให้ความละเอียดของเส้นใยยึดเกาะกันมากกว่าผักตบชวาที่ไม่หั่น ความเป็นรูพรุนของวัสดุอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งเป็นคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับขึ้นรูปแผ่นดูดซับเสียง
2.นำผักตบชวาผสมกับสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ (Sodium hydroxide) ไปต้มเป็นเวลา 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นโครงสร้างของผักตบชวาถูกปรับสภาพเป็นเส้นใย 3.นำเส้นใยของผักตบชวาไปล้างน้ำสะอาด 3-4 ครั้ง และนำเส้นใยที่สะอาดไปผสมกับสีผสมอาหาร และปูนซีเมนต์ โดยปูนซีเมนต์ใช้ร้อยละ 1 หลังจากนั้นนำไปอัดลงในแม่พิมพ์ให้เต็มและกดด้วยวัสดุผิวเรียบบริเวณด้านบนของแม่พิมพ์
4.นำแม่พิมพ์ที่ผ่านการอัดเส้นใยไปอบด้วยเครื่องอบแห้งแบบลมร้อน ที่อุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 24 ชั่วโมง และ 5. นำแผ่นวัสดุที่ได้ไปทดสอบหาค่าการสะท้อนกลับของเสียง เปรียบเทียบกับโฟมดูดซับเสียงมาตรฐาน ส่วนวิธีใช้ก็ทำได้ง่ายๆ คือนำแผ่นดูดซับเสียงทากาวชนิดใดก็ได้และติดลงบนผนังตามขนาดที่ต้องการเพื่อป้องกันเสียงดังออกจากภายนอก
“เมื่อเสียงเดินทางกระทบกับแผ่นดูดซับที่ทำขึ้นจากผักตบชวา เสียงจะสะท้อนและกระเจิงไปในทิศทางต่างๆ ซึ่งช่วยลดปัญหาการเกิดเสียงก้อง เนื่องจากผักตบชวามีเส้นใยที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับวัสดุดูดซับเสียงตามมาตรฐานระดับสากลที่นิยมใช้ตามห้องซ้อมดนตรี จากการทดสอบพบว่า แผ่นดูดซับเสียงจากผักตบชวาช่วยลดการทอนของเสียงมีค่าการทดสอบเฉลี่ยอยู่ที่ 1.3 ในขณะที่ แผงไข่และผนังไม้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 และ 2.3 ตามลำดับ โดยค่าของวัสดุดูดซับเสียงมาตรฐาน เท่ากับ 1.0” พุทธิพงษ์ ระบุ
ทางด้าน พัชรพฤกษ์ ผาโพธิ์ หนุ่มวัย 22 ปี ทีมงานเดียวกัน กล่าวเสริมว่า แผ่นอะคูสติกจากผักตบชวามีประโยชน์หลายต่อ 1.แก้ปัญหาเสียงในอาคาร ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย สำนักงาน ห้องซ้อมดนตรี ธุรกิจบริการ ห้องอัดเสียง หรือแม้แต่ห้องประชุมใหญ่ 2.นำสิ่งที่ดูไร้ค่ามาทำให้เกิดประโยชน์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 3.ประหยัดเงิน เพราะราคาต้นทุนอยู่ที่ 14 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ถูกกว่าแผงไข่ที่ต้นทุน 27 บาท/ตร.ม. ที่สำคัญ “ถูกกว่าซื้อแผ่นดูดซับเสียงจากต่างประเทศ” ซึ่งราคาสูงถึง 350 บาท/ ตร.ม. และ 4.ลดปริมาณวัชพืชในแหล่งน้ำ สิ่งแวดล้อมดีขึ้น
รศ.ดร.คมสัน มาลีสี คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. กล่าวว่า ในหลายประเทศต่างมีกฎหมายและข้อบังคับในการสร้างอาคารต่างๆ จะต้องออกแบบให้มีวัสดุอุปกรณ์ดูดซับเสียง เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน คนทำงาน ผู้อยู่อาศัย ผู้มาใช้บริการ และสิ่งแวดล้อมของชุมชน ตลอดจนลดมลภาวะทางเสียง ขณะที่ประเทศไทยไม่มีกฎกติกา เสียง (Sound) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การสื่อสารและการบันเทิง เป็นคลื่นเชิงกลที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ และถูกส่งผ่านตัวกลางอย่างอากาศ มายังหู
โดยเสียงสามารถเดินทางผ่านสสารในสถานะก๊าซของเหลวและของแข็ง หากเสียงที่มีความดังเกิน 85 เดซิเบล (dB) จะเป็นผลเสียต่อการสื่อสารและสุขภาพ และสังคม ที่เรียกว่ามลภาวะทางเสียง “อาคารที่ดีควรจะได้ออกแบบมาตั้งแต่ก่อนสร้างโดยให้มีการใช้วัสดุและระบบดูดซับเสียงที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละส่วนของอาคาร ไม่ใช่สร้างเสร็จแล้วจึงค่อยทำหรือแก้ไขตามมา” เพราะจะมีค่าใช้จ่ายสูง นวัตกรรมแผ่นอะคูสติกจากผักตบชวา จึงตอบโจทย์ได้หลายด้าน
เป็นอีกข่าวดีที่คนไทยสามารถ “ทำเอง-ใช้เอง” เงินตราไม่รั่วไหลออกไปต่างประเทศ พร้อมกับช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการเปลี่ยนวัชพืชให้เป็นวัสดุมีค่า..ก็หวังว่าจะได้มีการพัฒนาต่อยอดในเชิงอุตสาหกรรมต่อไป!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี