ติดตามการทำงานของกระทรวงเกษตรฯ ภายใต้การบริหารงานของรัฐมนตรีว่าการฯที่ชื่อ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ ต้องบอกว่าในเรื่องความจริงใจในการแก้ปัญหา ถือว่าสอบผ่าน และเต็มร้อย เพราะที่ผ่านมา เท่าที่ดูการติดตามการทำงานมาหลายครั้ง ค่อนข้างเอาจริงเอาจังในการสั่งการ และติดตามงานอย่างต่อเนื่อง และเป็นคนที่ขยันทำงานในเชิงรุก ถึงลูกถึงคน สมเป็นชายชาติทหารที่นายกรัฐมนตรีไว้วางใจมาตลอด
แต่ดูไปผลงานที่ออกมาดูเหมือนว่า ไม่เข้าตาและการเดินหน้าแก้ปัญหาภาคการเกษตรไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เมื่อเทียบกับงานที่ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” สั่งไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินหน้าแก้ปัญหาปากท้อง เบื้องต้นในส่วนเกษตรกรที่พอได้ประทังชีวิตกับปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากปัญหาราคายางพารา เพราะจนถึงขณะนี้ เงินในส่วนการแก้ปัญหาปากท้อง
เบื้องต้นให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางเบื้องแรก 1,500 บาทต่อไร่ ที่ช่วยทั้งเจ้าของสวนและคนกรีดยางยังไม่ถึงมือเกษตรกรครบถ้วน ตามที่ควรจะเป็นนั้นไม่รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่กำลังจ่อคอหอยอีกหลายเรื่อง
โดยแนวทางการแก้ปัญหาราคายางพารา ที่รัฐบาลเข้าไปดำเนินการแทรกแซงราคายางพารา เพื่อนำมาใช้ในโครงการของรัฐ 1 แสนตัน อันเกิดจากเอกชนกลุ่มพ่อค้ายางในประเทศ รวมหัวกับคนภาครัฐบางกลุ่มพยายามเอื้อประโยชน์ ให้กันกดราคายางพาราให้ดิ่งเหว จากสัญญาขายยางจีน ที่ผ่านมา จนรัฐบาลต้องออกมาตีปี๊บออกมาตรการแทรกแซงราคายาง เพื่อนำราคาตลาด พร้อมประกาศลั่นไม่ขายยางเก่า ส่งผลให้ราคาขยับขึ้นตั้งแต่ไม่เริ่มโครงการแทรกแซง จากราคาไม่ถึง 35 บาท โผล่ไปถึง 40 บาท ซึ่งนั้นน่าจะมีอะไรบอกชัดเป็นความในว่าเกิดอะไร ในกลุ่มคนยางพารา
ส่วนตัวบอกตรงว่างง และไม่เข้าใจกับฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะท่านผู้นำอย่างท่าน “ฉัตรชัย” เพราะเท่าที่ติดตามข่าวในกระทรวงเกษตรฯ หลายต่อหลายครั้งท่านบอกเสมอว่า ไม่ประสบความสำเร็จในโครงการ เพราะเกษตรกร นำยางมาขายน้อยกว่าเป้าหมาย ทั้งที่คนนอกมองมา นี่คือผลสำเร็จในการแทรกแซงราคายาง เพราะตามเป้าหมาย คือ ต้องการให้ราคาซื้อขายในตลาดสูงขึ้น เพราะมีหน่วยงานรัฐเข้าไปทำการซื้อแทรกแซง ไม่ให้พ่อค้าหัวใสกดราคาดิ่งเหว ซึ่งจะเป็นทางเลือกหนึ่งให้เกษตรผู้ปลูกยางมีตลาด ที่พวกเขาจะนำยางไปขายในราคายุติธรรม เปรียบเทียบกับพ่อค้าในท้องถิ่น หากกดราคามากก็ขายให้กับโครงการรัฐที่เปิดจุดรับซื้อ แต่หากราคารับซื้อใกล้เคียงกัน ก็ขายให้กับพ่อค้าคนกลางในพื้นที่เท่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงใกล้ปิดกรีด จึงทำให้เกษตรกรนำยางมาขายน้อย ใช่ว่าการนำยางมาขายในโครงการน้อยจะไม่ประสบความสำเร็จ หากไม่ยึดปริมาณที่ต้องให้ได้ 1 แสนตัน เป็นหลัก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นระวังจะเข้าทางคนบางกลุ่ม
มาถึงวันนี้ ต้องบอกว่าเท่าที่ สอบถาม ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ อย่างพินิจวิเคราะห์ อย่างเข้าใจ จะพบว่าแม้รัฐมนตรีที่ชื่อ “ฉัตรชัย” จะจริงใจแก้ปัญหาขนาดไหน หากมีลิ่วล้อ และคนใกล้ตัว เป็นที่คนกระทรวงเกษตรฯ และสังคม ไม่ยอมรับละก้อ การจะหวังให้เกิดการ เกินหน้าแก้ปัญหาคงลำบาก ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดคือเรื่องของยางพารา ถึงวันนี้ยังเป็นชุดแนวคิดกลุ่มเดิมๆ ที่ยังเกาะกินกระทรวงเกษตรฯมายาวนาน แถมท่านยังนำคนที่เป็นคู่คิดคู่แค้นคนกระทรวงเกษตรฯ เข้ามาทำงานของท่านเสียด้วย พูดมาขณะนี้หากวิเคราะห์เป็นน่าจะเดาออก ใครเป็นใครหากเป็นผู้บริหารมืออาชีพ ระวังนะขอรับ หากยังมองคนไม่ขาด ท่านจะเป็นเหมือนอดีตท่านรัฐมนตรี “ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา” ลูกหม้อ กระทรวงเกษตรฯ ที่คนกระทรวงเกษตรฯ หวังว่าจะเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาภาคเกษตร สุดท้ายก็ตายเพราะทีมงานที่คนเกษตรไม่ยอมรับ จนกลายเป็นวิกฤติศรัทธาสุดท้ายก็เกิดการเกียร์ว่าง ต้องโบกมือลา กระทรวงเกษตรฯ บ้านเก่า
หลังคาเขียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี