ปลัดเกษตรฯขึ้นฮ.ตรวจภัยแล้ง! เชื่อสถานการณ์น้ำไม่ขาดแคลน

ปลัดเกษตรฯขึ้นฮ.ตรวจภัยแล้ง! เชื่อสถานการณ์น้ำไม่ขาดแคลน

วันอาทิตย์ ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559, 13.28 น.
Tag :

6 มี.ค.59 นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสถานการณ์ภัยแล้งลุ่มน้ำเจ้าพระยาและติดตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่งดทำนาได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลหันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยและเลี้ยงสัตว์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนหลักยังสามารถบริหารจัดการให้เพียงพอสำหรับอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ ผลักดันน้ำเค็ม ได้ตลอดฤดูแล้งจนเข้าสู่ฤดูฝนในเดือนก.ค. ดังนั้นอย่าวิตกกังวลในเรื่องน้ำกินน้ำใช้ แต่ก็ควรร่วมมือร่วมใจใช้อย่างประหยัดเพื่อให้ทุกภาคส่วนผ่านพ้นวิกฤติภัยแล้งครั้งนี้ไปได้

"ในภาพรวมเกษตรกรรับทราบมาตรการต่างๆ ทางรัฐบาลที่ช่วยเหลือเกษตรกรส่วนใหญ่ที่สนใจมาตรการเหล่านี้ ไม่ได้ปลูกข้าว มารับความช่วยเหลือตรงนี้ ทำให้ความเดือดร้อนที่คาดว่าจะเกิดมากจึงไม่ค่อยรุนแรง เพราะมีโครงการต่างๆรัฐบาล มาเสริมช่วงวิกฤติ และในหลายพื้นที่มีบ่อน้ำของตนเอง ในสวนไร่ปลายนา ภาครัฐไปขุดบ่อบาดาล ช่วยเรื่องอุปโภคบริโภค รวมทั้งทุกกรมลงไปช่วยแนะนำเกษตรกรปลูกพืชผสมผสาน และมีรายได้ จากปลูกผักสวนครัว ทำอาชีพนอกภาคเกษตร เช่นทอผ้า จักสาน ทำกระเป่าผ้า มีวิสาหกิจชุมชนของกระทรวงมหาดไทย ในโครงการตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนารถ เป็นต้นแบบซึ่งในหลายจังหวัดทำแบบนี้ สามารถผ่าวิกฤติภัยแล้งไปได้" นายธีรภัทร กล่าว


ทั้งนี้ ในการดูแลเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค สำหรับที่เฝ้าระวัง42 จังหวัดโดยมีศูนย์บูรณาการแก้ไขวิกฤติภัยแล้ง มีสองระดับ เป็นของรัฐบาล โดยมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯเป็นประธาน และอีกคณะของกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับผู้ว่าฯและหน่วยงานในจงหวัด มีภารกิจเร่งด่วนในการจัดหาน้ำกินน้ำใช้ให้ประชาชนทุกพื้นที่ ตามที่นายกฯ สั่งการให้แก้ไขปัญหาเดือดร้อนเรื่องน้ำกินน้ำใช้ทันทีอย่างไรตอนนี้มีผลกระทบเรื่องน้ำเค็มรุกลำน้ำ ขึ้นมาตามพื้นมี่ติดชายทะเล จะเกิดปัญหากับเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงกล้วยไม้ เช่น จ.นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม โดยขณะนี้มีการจัดรถบรรทุกน้ำไปให้ใช้รดสวนกล้วยไม้

รวมทั้งกรมชลประทาน ได้ปล่อยน้ำบางส่วนไปไล่น้ำเค็ม ให้เจือจาง ซึ่งประเมินว่าช่วงนี้ยังพอเอาอยู่ ซึ่งทางกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ขึ้นบินไปปฏิบัติการทำฝนเทียมเพิ่มน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งได้ตกหลายพื้นที่มาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความแห้งแล้งได้บ้า

"ในการทำฝนหลวงช่วงนี้ยังไม่เติมน้ำลงเขื่อน ต้องรอความชื้นเพิ่มเติมจึงทำให้มีฝนตกมากขึ้น ซึ่งช่วงสงกรานต์ สภาพอากาศจะมีความเหมาะสม เพราะทุกครั้งจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ช่วงรอยต่อเปลี่ยนฤดู มั่นใจว่าปริมาณมีพอใช้เพราะไม่ปล่อยให้การทำนา ปิดประตูน้ำไม่เข้าคลองในพื้นที่การเกษตร และคลองเชื่อมต่อต่างๆ ไม่สามารถปล่อยได้เพราะ ต้องการมวลน้ำมาดันน้ำเค็ม ส่วนความเค็มยังไม่กระทบระบบผลิตประปากรุงเทพ ซึ่งมีประตูเปิดปิด ปากคลองสำแล จ.ปทุมธานี เป็นแหล่งผลิตน้ำดิบประปา" นายธีรภัทร กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่กรมอุตุนิยมฯคาดการณ์ว่า ปีนี้ฝนจะมาล่าช้า ต้องเตรียมวางแผนนำน้ำก้นเขื่อนมาใช้หรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่ายังไม่มีแผนนำน้ำก้นเขื่อนใหญ่มาใช้ เพราะเมื่อถึงฤดูฝนเดือนก.ค. จะมีฝนเข้ามาช่วย ซึ่งจริงๆแล้วฝนมาตามฤดูกาล และที่ผ่านมามีฝนตกอยู่แล้วแต่ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ10% ถือว่าฝนลดไม่มากเพียงแต่ว่าไปตกท้ายเขื่อน มาจากร่องความกดอากาศเปลี่ยน อีกทั้งความชื้นของป่ามีน้อยส่วนหนึ่งเกิดจากอธิพลป่าหายไป ซึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

นายกรัฐมนตรี ได้วางแผนให้มีการฟื้นฟูสภาพป่ากลับมาทั้งป่าชั้นในและป่าชั้นนอก สร้างพื้นที่กันชนที่เป็นพื้นที่ ส.ป.ก. กว่า30 ล้านไร่ที่ต้องปลูกไม้ยืนต้น 20% ของพื้นที่ตามข้อตกลงเดิมกับกรมป่าไม้ ก่อนมอบพื้นที่มาให้ โดยเป็นพื้นที่ที่อยู่รอบป่าอนุรักษ์ 73 ล้านไร่ ในกลุ่มป่า 17 กลุ่มป่าทั่วประเทศ ซึ่งนายกฯได้เริ่มจัดที่ดินทำกินกว่า 7 พันไร่ เป็นพื้นที่กันชนให้ชาวบ้านช่วยกันรักษาป่าต้นน้ำ ในปี 57 ที่ อ.แม่ทา จ.เชียงใหม่ ที่ จ.อุทัยธานี กว่า3.6 พันไร่ ลดการบุกรุกป่าห้วยขาแข้ง และที่ จ.ฉะเชิงเทรา ลดการบุกป่ารอยต่อ 5 จังหวัดลงได้ โดยใช้การเกษตรผสมผสานตามโครงการพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัว เข้าไปช่วยลดการปลูกพืชเชิงเดียว คาดว่าจะเห็นผลภายใน 3-5 ปีนี้ เข้าไปจัดสรรประมาณหนึ่งหมื่นชุมชน กว่า 1 แสนครัวเรือน โดยใช้งบปกติรายปีปีนี้ต้องเร่งทำหลายด้านในพื้นที่ติดกับป่าทั่วประเทศ

รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเขาหัวโล้น 8-10 ล้านไร่ ตามรอยโครงการพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดา  ในโครงการป่าสร้างรายได้ มีปลูกไม้ยืนต้น ไม้ผลเพื่อให้คลุมดินและลดการปลูกข้าวโพด กะหล่ำปลี ซึ่งเป็นพืชเชิงเดี่ยว โดยกระทรวงเกษตรฯร่วมกับกระทรวงมาหาดไทย กระทรวงทรัพย์ฯ กระทรวงศึกษาฯฟื้นฟูชีวิตเกษตรกรมีความอยู่กินดีจะไม่บุกรุกป่าเพิ่ม ทั้งหมดเป็นการแก้ไขพื้นที่การเกษตรรอบป่าและป้องกันการไปบุกรุกป่าเพิ่ม เป็นการบรรเทาปัญหาภัยแล้ง และอุทกภัยอย่างยั่งยืนอีกด้วย  ซึ่งนายกฯได้ให้นโยบายเน้นย้ำทุกหน่วยงานทำให้เกิดความสำเร็จตามที่ได้บรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top