เรื่องนี้ไม่ได้ยากเกินที่จะเข้าใจเลยครับ
หลักเศรษฐศาสตร์ขั้นต้นเลยคือ เวลามีของเหลือเยอะๆ ราคาจะถูกกดให้ต่ำลง
แปลเป็นความเข้าใจแบบแม่บ้านร้านตลาดคือ หลับตานึกภาพตามนะครับ
...คุณแม่บ้านไปจ่ายตลาด เดินเข้าไปโอ้โห! หน้ามะม่วง ร้านโน้นก็มีร้านนี้ก็มี ร้านไหนๆ ก็มี ร้านนี้ขายแพงหรอ ฉันไม่ซื้อล่ะ
เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอร้านที่มันถูก พอไปอีกวัน อ้าว! ทำไมราคาต่ำกว่าก่อนนี้อีกล่ะ ร้านแรกที่เคยแพงว่า เห็นก็ทนไม่ได้ ต้องลดราคาบ้าง จะได้ขายได้ มันก็จะกดกันตามกลไกตลาดแบบนี้แหละครับ
และไอ้ กลไก ที่ว่านี่มันก็มาจาก “ตลาด” แบบที่อธิบายไปข้างต้นนี้แหละ แต่พอไปจับ
กับภาษาวิชาการ มันก็ได้ความว่า เมื่อไหร่ที่ Supply เยอะเกิน Demand ราคาของก็จะถูกลง
เรากลับมาเรื่องข้าวกันบ้าง จำได้ใช่มั้ยครับว่า ตอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยุบสภา ข้าวล้นโกดังขายไม่ออกอยู่ 15 ล้านตัน (ใกล้เน่าแล้ว เพราะบริหารมา 2 ปี 9 เดือน 2 วัน ขายไม่ค่อยออกเพราะไปรับต้นทุนมาสูงกว่าราคาตลาด) ผ่านไปอีก 2 ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็ทำทุกวิถีทางแล้วแต่พึ่งข้าราชการมากเกินไปก็ขายข้าวไม่ค่อยออกอีก เหลืออยู่อีกเกือบๆ 10 ล้านตัน คราวนี้ ข้าวนาปรังมันออกมาเรื่อยๆ กลางปีก็มา มาซ้ำมาซ้อนจนปริมาณเยอะมากก็ไปกดราคาข้าวในประเทศให้ต่ำ แล้วเดือนนี้ทำไมโดนหนัก หลักก็เพราะ “ข้าวนาปี” ของชาวนาอีสาน หอมมะลิแท้ๆ กำลังจะออก ส่วนใหญ่เขาจะปลูกเดือน 6 ได้ข้าวเดือน 11 คราวนี้พอนาปีอีสานมารวมปริมาณเข้าไป โอ้โห! ปริมาณข้าวจะล้นในประเทศเยอะขนาดไหนครับ
ทางที่ดีข้าวเก่ายิ่งลักษณ์นั่นน่ะ ปิดบัญชี Cut Loss ไปได้นานแล้ว เพราะในทางการค้ามันจะกระทบทั้งระบบเป็นลูกโซ่
“ราคาข้าวตกต่ำเพราะว่า สต๊อกข้าวล้นโกดังเหลือเน่ามาตั้งแต่จำนำข้าว”
เรามาต่อกันด้วยกระบวนการโหมโรงแสดงละครของอดีตนายกฯ เดินสาย “กดราคาข้าวชาวนาต่อเนื่อง” เรื่องนี้ทางเราขอให้ไปฟังคำอธิบายจากคุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม
- คุณหมอวรงค์โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวเอาไว้ว่า -
มีคนไทยที่เป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น โทรศัพท์มาคุยกับผม 2 ประเด็นคือ
1.เขาบอกว่าได้รับภาพที่มีการส่งมาให้สื่อ กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปขายข้าวสารหอมมะลิที่ห้างสำโรง เพื่อช่วยชาวนา กิโลละ 20 บาท
ผมแสดงความเห็นผ่านสื่อญี่ปุ่นไปว่า คนเป็นอดีตนายกฯ ขยับอะไรที มีผลต่อกระแสสังคมมาก ในเมื่อตอนนี้ข้าวเปลือกราคาตกต่ำ สังคมต้องการช่วยชาวนา แทนที่ชาวนาจะขายข้าวเปลือก ก็ให้สีเป็นข้าวสารมาขายจะได้ราคาดีขึ้น ชาวนาก็มีการสีเป็นข้าวสารหอมมะลิ ปกติก็ชาวนาขายกันกิโลละ 30-35 บาท ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ อยากช่วยชาวนาจริง ควรจะช่วยขายราคาที่ชาวนาเขาขายกัน ไม่ใช่ไปขายตัดราคา เพราะระดับอดีตนายกฯขยับที สื่อเต็มไปหมด ในทางจิตวิทยาย่อมมีผลต่อเสถียรภาพราคา ในเมื่อข้าวราคาตก แต่เล่นมาขายต่ำกว่าราคาที่ชาวนาขาย แล้วมาบอกว่าช่วยชาวนา ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เขาควรจะขายราคานี้ในช่วงข้าวมีราคาแพงมาก เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แต่ก็ยังดื้อดึง ผมถือว่าเคยเตือนกันไปแล้วยังอยากทำอีกก็ช่วยไม่ได้ ผมยังบอกผ่านสื่อญี่ปุ่นว่าเขาช่างใจร้ายจริงๆ
2.สื่อถามผมว่าจำนำยุ้งฉางของรัฐบาลประยุทธ์ ต่างกับจำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างไร และพรรคเพื่อไทยบอกว่าทำตามเขา
ผมตอบว่าต่างกันโดยสิ้นเชิง การรับจำนำยุ้งฉางรัฐบาลให้ราคารับจำนำที่ 90% ของราคาตลาด เช่น ข้าวหอมมะลิ 36 กรัม ความชื้น 15% ราคาเฉลี่ยที่ 11,000บาท รัฐบาลรับจำนำ 9,500 บาทในปริมาณจำกัด แต่มีเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวตันละ 2,000 บาท และค่าเช่ายุ้งฉางของชาวนาตันละ 1,500 บาท สองรายการหลังถือว่ารัฐบาลช่วย ถ้ารอเมื่อข้าวราคาสูงขึ้น เช่นตันละ 14,000 บาท ชาวบ้านก็ไถ่ถอนไปขาย เอาเงิน 9,500 บาทคืนรัฐบาล ชาวบ้านยังได้เงินส่วนที่เพิ่มขึ้นอีก 4,500บาท หรือชาวบ้าน
จะเลือกเอาข้าวไปสีก็ได้ สิทธิในข้าวยังเป็นของชาวบ้านที่จะไถ่ถอนไปขายหรือนำไปสีเป็นข้าวสาร
ส่วนจำนำข้าวสมัยยิ่งลักษณ์นั้น ไม่ใช่การรับจำนำ แต่เป็นการรับซื้อในราคาที่สูงกว่าตลาดมาก เช่น ข้าวเปลือกเจ้าราคาตลาด 9,000-10,000 บาทต่อตัน รับซื้อที่15,000 บาทต่อตัน สิทธิในข้าวเปลือกจึงเป็นของรัฐบาล เพราะไม่มีใครมาไถ่ถอน รัฐบาลจึงนำไปสีเป็นข้าวสาร นำไปเก็บโกดัง และเมื่อไปขายก็ขายยากเพราะราคาสูงมาก ส่วนใหญ่จึงขายแบบจีทูจี ที่สำคัญรับซื้อทุกเมล็ดด้วย จึงนำไปสู่การทุจริตอย่างมโหฬารในทุกขั้นตอน
นักข่าวถามผมต่อว่า ในเมื่อของยิ่งลักษณ์ไม่ใช่จำนำข้าว ทำไมยอมให้เขาเรียกว่ารับจำนำ
ผมตอบว่าก็เขาอยากจะเรียกของเขาแบบนี้ เขามีอำนาจ มีสื่ออยู่ในมือ ผมจึงต้องช่วยอธิบายว่า ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง
ท้ายนี้ขอขอบคุณคนไทย ที่เป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น ที่มีการตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อจะได้เผยแพร่ข้อเท็จจริง ให้ชาวโลกและชาวญี่ปุ่นเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ก็ยังมีอีกเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลยครับ
อดีตรองนายกฯ กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง คนเซ็นให้เงินภาษีประชาชนออกไปถูกผลาญวนไปกว่า 9 แสนล้าน ก็มาโพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวอย่างไม่กระดากแก่ใจตัวเองเลยว่า “จำนำข้าว” นั่นแหละคือ ต้นเหตุของปัญหาทุกอย่าง แกโพสต์เอาไว้ว่า....
ประเทศไทยเท่านั้น ที่ผลิตข้าวหอมมะลิได้… เรา “เพิ่มการซื้อ” มารับประทานกันคนละไม่มาก ตลาดโลกก็จะมาแย่งกันซื้อจนชาวนาขายข้าวเปลือกหอมมะลิ (หรือขายข้าวสารหอมมะลิ จากโรงสีชุมชน) ได้ราคาที่ดีขึ้นบ้าง… ข้าวชนิดอื่นๆ ก็จะมีราคาดีขึ้นตามบ้างด้วย…
อาหารแป้งหลายชนิดผลิตจากข้าวสาลี (ที่ไทยเราปลูกไม่ได้) “เปลี่ยนๆ กลับมา” รับประทาน ข้าวสวย ข้าวต้ม ข้าวผัด เส้นใหญ่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ ฯลฯ มากขึ้นอีกคนละหน่อย ก็ช่วยชาวนาได้ครับ…
ผมอยากเห็น “ราคาข้าวเปลือกสูงขึ้นอีก” … ชาวนาจะได้ไม่ลำบากมาก…
(ช่วยเกี่ยวข้าว และถ่ายภาพอวด ไม่น่าจะได้ประโยชน์สักเท่าไหร่… ความเห็นส่วนตัวนะ)
ท่อนสุดท้ายในวงเล็บนั่นจงใจแขวะอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ที่ไปช่วยชาวนาคลองสามวา เกี่ยวข้าวช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ
ผมอ่านแล้วก็อดคิดไม่ได้ น่าเสียดายนะครับ ที่ท่านอดีตรองนายกฯ เพิ่งรู้ว่าการขายข้าวนั้นช่วยชาวนาได้จริง ! หากรู้ตอนที่อยู่ในตำแหน่ง คงไม่มีข้าวล้นโกดังรัฐบาลจนถึงวันนี้
และท่านรู้ใช่ไหมครับว่า สาเหตุหนึ่งที่ราคาข้าวตกตํ่าวันนี้ ก็เพราะท่านนั่นแหละที่ไม่ได้ขายข้าวในสต๊อกนี้ออกไปนั่นเอง ปล่อยให้เน่าล้นโกดังขนาดนั้นได้ยังไง และที่ชาวนาเขาไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าว ติดหนี้ชาวนาก็เพราะขายข้าวไม่ออกไม่มีเงินมาหมุนนี่แหละ เวลาเขาถามเรื่องข้าวกันพวกท่านก็ตอบไม่ได้ ก็เพราะพวกคนในรัฐบาลของท่านมัวแต่ทำ G2G เก๊หลอกลวงชาวไร่ชาวนาจนไม่มีแก่ใจไปขายข้าวที่ประเทศจะได้เงินจริงๆ รึป่าวครับ!?
(ช่วยเกี่ยวข้าว ก็คือช่วยครับ ได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหนก็ยังดีกว่ามานั่งนินทาบนคีย์บอร์ด...ความเห็นส่วนตัวนะ)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี